ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1589 วันที่หนึ่ง
วิลหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “จำนวนคน เพื่อน ฉันไม่ได้บอกถึงจำนวนคน ลูกน้องของฉันที่สร้างบ้าน รวมกันทั้งหมดแล้วมีแปดคน แปดคนนี้เป็นคนรับผิดชอบในการสร้างอาคารหนึ่งหลัง แล้วชาวประมงของนายมีกันกี่คน? ทั้งหมดสามสิบคนใช่ไหม?”
“สามสิบสองคน…”
“ถ้าหากว่าพวกเขารู้วิธีการใช้เครนขนาดเล็กและอุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ ได้ การก่อสร้างตึกหนึ่งตึกภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรเลย อีกอย่าง นายอย่าไปดูถูกชาวประมงเลย พวกเขาเป็นคนมีฝีมือ หากเทียบกับคนงานของฉันถือว่าพวกเขายังขาดประสบการณ์ แต่พวกเขาเคยผ่านการสร้างบ้านมาก่อนแน่นอน”
พวกเขาใช้เวลาอีกหนึ่งวัน ในการโปรยเมล็ดสาหร่ายทะเลและสปอร์ลงไปในฟาร์มปลา จนน้ำทะเลที่สาหร่ายสีน้ำตาลเปลี่ยนมันให้ใสสะอาดกลับมาขุ่นอีกครั้ง สปอร์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกโปรยไปทั่วฟาร์มปลา เมื่อพวกมันดูดซับพลังโพไซดอนไปแล้วพวกมันก็เริ่มแตกหน่อและเจริญเติบโต
พอตกกลางคืน ชาร์คและบลูก็พากันขึ้นมาบนเรือขนส่ง บนเรือลำนี้นอกจากจะมีไม้กระดานชนิดต่างๆ และคานไม้แล้ว ยังมีเครื่องมือในการทำงานสำหรับคนหนึ่งคน ในเครื่องมือเหล่านั้นมีเครนขนาดเล็กและกลาง เครื่องตอกตะปูสองล้อ สว่านและอื่นๆ อีกมากมาย มองดูเหมือนจะเป็นการเป็นงานจริงจัง
เจ้าของร้านและคนงานขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ไปยังรอบๆ ฐานของอาคารที่ต้องการสร้าง เขาส่งใบเสร็จให้ฉินสือโอว จากนั้นก็ให้ฉินสือโอวจ่ายเงินกลับมา
ฉินสือโอวมองดูใบเสร็จ ครั้งนี้พวกเขาทั้งสองคนซื้อแต่ไม้มาเท่านั้น แต่ไม่ได้ซื้อประตูหน้าต่างมาเลย
บ้านที่แคนาดาส่วนใหญ่ทำจากไม้ทั้งหมด สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะไม้ในท้องถิ่นมีเยอะจนสามารถเลือกมาใช้ได้ แต่ไม้ส่วนใหญ่ที่ใช้สร้างบ้านในแคนาดาทั้งหมดส่งมาจากอเมริกาใต้ พวกเขาจึงให้ความสำคัญในการตัดไม้และเลื่อยไม้เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่อนุญาตให้ทำลายสิ่งแวดล้อม
เมื่อเทียบกับการใช้อิฐแล้ว ไม้เบากว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ง่ายต่อการก่อสร้างมาก นอกจากนี้หากเกิดปัญหาอะไรก็ยังสามารถนำไม้มาต่อเพิ่มเติมได้อีกด้วย
แน่นอนว่า บ้านไม้ไม่แข็งแรงและทนทานเท่ากับบ้านอิฐ แต่ชาวแคนาดาไม่ได้ต้องการให้บ้านมีความแข็งแรงทนทานมาก เรื่องนี้ไม่เหมือนกับประเทศจีน โดยเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจากข้อกำหนดที่ต่างกันของทั้งสองประเทศ
คนจีนไม่ชอบย้ายบ้าน พวกเขาจะคิดถึงความแข็งแรงก่อนเสมอ หากคุณอาศัยอยู่ที่ที่หนึ่งเป็นเวลานาน คุณจะรู้สึกผูกพัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างบ้านให้แข็งแรง ยิ่งไปกว่านั้น การซื้อบ้านที่เมืองจีน ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสถานการณ์ทางการเงินเลย เนื่องจากโดยทั่วไปค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกจ่ายไปในปีแรก และจากนั้นก็สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ได้เลย
แต่คนแคนาดาไม่เหมือนกัน อันดับแรกคนแคนาดาไม่ชอบอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ อาจพูดได้ว่าพวกเขามี ‘จิตวิญญาณแห่งการผจญภัย’ อยู่ หรือพูดได้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการเล่นมากเกินไป ดังนั้นจึงสามารถเห็นผู้คนขับรถเคลื่อนย้ายบ้านไปมาบนท้องถนน เมื่อดูแล้วว่าที่เหมาะแก่การอาศัยอยู่ พวกเขาก็จะอาศัยอยู่ที่นั่น
เพราะแบบนี้ บ้านไม้เนื้อแห้งนั้นเหมาะแก่การสร้างบ้านโดยอิฐมากกว่า เนื่องจากการสร้างบ้านจากอิฐแล้วไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องภาษีทรัพย์สินในแคนาดาอีกด้วย โดยในทุกปีต้องจ่ายภาษีร้อยละสามของมูลค่าบ้าน ดังนั้นหากใช้อิฐในการสร้างบ้านก็จะทำให้มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้น และทำให้ต้องจ่ายค่าภาษีเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นธรรมดา การสร้างบ้านจากไม้จึงทำให้ราคาบ้านถูกกว่า ด้วยวิธีนี้ค่าภาษีที่เหลือก็จะยังสามารถนำไปใช้ในการบำรุงรักษาได้
การซ่อมแซมบ้านอาจจะลำบาก แต่ชาวแคนาดาไม่กลัวการที่จะต้องดิ้นรนตลอดเวลา พวกเขาชอบที่จะใช้ชีวิตด้วยการทำงานด้วยตัวเอง และการบำรุงรักษาบ้านก็สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ ทำให้พวกเขาตามเทรนด์เสมอและไม่ล้าสมัย
นอกจากนี้เหตุผลที่สำคัญอีกอย่างก็คือ อิฐที่แคนาดานั้นแพงมาก หากสามารถสร้างบ้านด้วยอิฐนั้นคนนั้นจะถือว่าเป็นคนรวย บ้านหรูหลายหลังภายนอกดูเหมือนกำแพงอิฐ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาแค่ใช้อิฐตบแต่งด้านนอกเท่านั้น เช่นวิลล่าของฉินสือโอวที่ฟาร์มปลา ที่ด้านในเป็นไม้และแปะทับด้วยกระเบื้องด้านนอก
ไม้ที่นี่ค่อนข้างถูก อเมริกาใต้เป็นพื้นที่ที่มีป่าไม้มากที่สุดในโลก ต้นไม้ในป่าในอเมซอนนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน และอเมริกาเหนือก็เป็นเพื่อนบ้านและพี่ใหญ่ของอเมริกาใต้ ดังนั้นจึงได้ไม้ที่ราคาถูก จนสุดท้ายคนก็ไปซื้อกันเองตามป่าธรรมชาติและได้ราคาที่ถูกลงมาอีก
ใบเสร็จที่อยู่ในมือของฉินสือโอว ไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสูงสี่เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเมตรครึ่งมีราคาเพียงหนึ่งพันดอลลาร์เท่านั้น สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศจีน สำหรับไม้อัดแข็งสำหรับสร้างบ้านนั้นราคาถูกกว่านี้ ไม้กระดานหนาสิบสองเซนติเมตร มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ตารางเมตรละห้าร้อยดอลลาร์
แต่ว่าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบางอย่างก็มีราคาแพงกว่าที่จีน เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็สามารถนำเข้ามาวางในบ้านพร้อมกับสร้างบ้านได้เลยในเวลาเดียวกัน เช่นตู้ไม้ขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้เมเปิล และตู้เสื้อผ้าที่ชาร์คซื้อมา ทั้งสองอย่างนั้นราคาสี่พันแปดร้อยดอลลาร์ เคานเตอร์หินแกรนิตที่ใช้ในครัวยิ่งแพงเข้าไปใหญ่ ราคาห้าพันดอลลาร์ บันไดอันงดงามในตึกเล็กๆ นี้ ราคาสองพันแปดร้อยดอลลาร์ ยังไม่รวมราวบันได ดังนั้นจึงต้องเสียค่าราวบันไดอีกสองพันสองร้อยดอลลาร์
นอกจากโคมไฟก็ถูกซื้อมาล่วงหน้าแล้ว ชาร์คซื้อตามแบบที่ฉินสือโอวต้องการ โคมระย้าสำหรับห้องโถง หนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ ไฟสปอตไลท์แบบกลมอีกสิบสองดวง หนึ่งพันสี่ร้อยดอลลาร์ พื้นห้องน้ำและห้องครัวต้องปูด้วยกระเบื้อง ห้องละหกพันดอลลาร์
แต่เมื่อรวมราคาทั้งหมดแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แพงเลย ของทั้งหมดรวมกันอยู่ที่หนึ่งแสนแปดหมื่นดอลลาร์เท่านั้น
หลังจากที่เขารูดบัตรจ่ายเลยแล้ว เจ้าของร้านก็เอ่ยขอบคุณ หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าหากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็ให้มาหาเขาได้ก่อนจะจากไป ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะดูไม่แปลกใจกับการสร้างบ้านด้วยตัวเองเลย
แน่นอนว่า ตอนกลางคืนพวกเราจะต้องยังนอนในเต็นท์ แต่เช้าตรู่วันต่อมาก็มีเสียงตะโกนของชาวประมงและเสียงเครื่องจักรทำงานดังอยู่ด้านนอก ตอนที่ฉินสือโอวสะลึมสะลือขึ้นมาดูเวลา พึ่งจะตีห้าเอง
เขาเปิดเต็นท์ออกแล้วมองไปข้างนอก เหล่าชาวที่เปลือยท่อนบนทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยอมตื่นเช้าเพื่อมาทำงาน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาขี้โม้ไปหน่อยเรื่องการสร้างบ้านภายในหกวัน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเริ่มงานโดยด่วน
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาตั้งใจที่จะทำลายสมาธิของชาวประมง หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็ออกมาทำอาหารจนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่ทำข้าวโอ๊ตต้มนม ผัดไส้กรอกชิ้นเล็กๆ ในห้องครัวบนเรือ รวมถึงเบคอน และเนื้อจำพวกสเต๊ก นอกจากนี้ไข่เป็ดและอาร์ติโชคดองและอื่นๆ อีกมากมาย
เหล่าชาวประมงนั้นเป็นพวกชอบทานอาหารอยู่แล้ว เมื่อพวกเขาคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารเช้าแบบจีน พวกเขาชอบไข่เป็ดเค็มและอาร์ติโชคเป็นพิเศษ พวกเขาชอบทานของที่มีน้ำมันเยอะ และยังชอบทานอาหารเช้าเบาๆ ที่รสชาติอร่อยพวกนี้ด้วย
แต่ว่าชาวประมงไม่หลงกล พวกเขาแทบจะกลืนอาหารลงไปทันทีตอนที่ทานอาหารเช้า แม้กระทั่งว่าสุดท้ายมีคนหยิบอาร์ติโชคไปสองสามอันก่อนจะวิ่งกลับไปทำงาน ดูเหมือนว่าการพนันที่มีผลต่อเงินเดือนจะเป็นสิ่งล่อลวงพวกเขาได้ดี
ฉินสือโอวตามไปดูงานก่อสร้าง เขาก็อยากเรียนรู้วิธีการสร้างบ้านของคนแคนาดาเช่นกัน
ฐานของบ้านเป็นพื้นที่ทำจากคอนกรีต ชาร์คพาใครบางคนมาแบ่งพื้นที่โดยใช้สีสเปรย์ออกเป็นสัดส่วนเรียบร้อยตามแบบที่วางไว้ เขาแบ่งห้องออกมาเป็นหลายห้อง มีทั้งโรงจอดรถ ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ทุกห้องถูกแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน
หลังจากที่เขาแบ่งห้องเสร็จแล้ว ก็มีคนเข้ามาใช้ปืนตอกตะปูลงบนแผ่นซีเมนต์ทันที เขาตอกตะปูเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนพื้น จากนั้นก็มีคนเจอกับผนังรับน้ำหนัก พวกเขาเปิดเครื่องจักรดึงไม้กระดานที่หนาและแข็งแรงนี้ขึ้นตั้ง พวกเขาให้เสาที่สูงและแข็งแรงทั้งสองเสาทำเป็นเสาสำหรับวางผนัง เพื่อแบ่งห้องอย่างชัดเจน
เมื่อผนังได้ถูกสร้างขึ้น แล้วเพิ่มแผ่นไม้เข้าไป โครงสร้างบ้านก็ถูกปิดทับอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นกรงไม้ขนาดใหญ่
…………………………………..