ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1597 เรื่องมาถึงตรงหน้า
การแสดงออกของแฮมเล็ตแบบนี้ก็แสดงชัดแล้วว่า เขาไม่โอเคกับเรื่องการแต่งงานของนีลเซ็นและแพรีส
ฉินสือโอวเห็นแบบนี้ก็ร้อนใจ เตรียมจะยื่นมือไปตบโต๊ะแล้วตะโกนใส่ นีลเซ็นที่อยู่ด้านหลังเห็นแล้วหวาดเสียว รีบดึงมือเขาไว้แล้วพยายามขยิบตาให้เขาเต็มที่ พร้อมกันนั้นในใจยังร้องด้วยความระทมทุกข์ว่า บอส คุณห้ามทำให้เรื่องงานแต่งงานของผมจบเห่เด็ดขาดนะ ผมกับแพรีสเรารักกันจริงๆ!
เมื่อควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ฉินสือโอวนายใหญ่ก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองด้วยความประนีประนอม “ผมคิดว่านะ เพื่อน สมัยนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการมีความรักอย่างอิสระหรอกเหรอ? ถ้าจะคลุมถุงชนก็คงไม่ดีเท่าไร?”
แฮมเล็ตเหลือบมองไปทางนีลเซ็น ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันมีน้องสาวแค่คนเดียวนะ ฉิน น้องสาวอายุน้อยกว่าฉัน 15 ปี ดังนั้นจึงมีหลายเรื่องที่ฉันต้องรับผิดชอบแทนเธอ”
เมื่อเปิดอกพูดกันตรงๆ ฉินสือโอวยื่นมือไปตบที่บ่าของนีลเซ็น “ใช่ วิลเลียม คุณต้องรับผิดชอบน้องสาวคุณ แต่คุณไม่คิดว่านีลเซ็นเป็นชายหนุ่มที่ดีหรอกเหรอ? คุณไม่คิดว่าเขาจะให้ความสุขกับแพรีสได้เหรอ?”
แฮมเล็ตเริ่มลังเล หลายครั้งที่ยกข้าวกล่องขึ้นแล้วก็วางลง
ฉินสือโอวผลักนีลเซ็นหนึ่งที นีลเซ็นจึงรีบยืนขึ้นแล้วสาบานว่า “พระเจ้ารับรู้ครับ ท่านนายกเทศมนตรี ผมจะรักแพรีสไปตลอดชีวิต! ผมจะทำให้เธอมีความสุขครับ!”
“รอข่าวจากผมก่อน ผมต้องคุยกับแพรีส” แฮมเล็ตตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงพูดออกมา
นีลเซ็นรีบล้วงเอามือถือออกมา แฮมเล็ตถลึงตาใส่ “คุยต่อหน้า เรื่องของครอบครัว ไม่ใช่จะมาคุยกันทางโทรศัพท์ได้!”
นีลเซ็นฝืนยิ้ม “ผมเข้าใจครับ ที่ผมจะโทรศัพท์ก็เพื่อให้เธอเข้ามา”
ฉินสือโอวและแฮมเล็ตเบิกตากว้างพร้อมกัน นีลเซ็นอธิบายเสียงเบาว่า “แพรีสน่าจะอยู่ข้างนอกแน่ๆ ผมเห็นรถเธอแล้วตอนที่เพิ่งเข้ามา”
หลังจากกดโทรศัพท์ ประตูที่ห้องรับรองก็เปิดออกจากด้านนอก แพรีสในชุด OL ก็เข้ามาพร้อมพูดอย่างสบายๆ ว่า “พี่คะ น้องยินดีที่จะแต่งงานกับนีลเซ็นค่ะ พวกเราสองคนรักกันจริงๆ ค่ะ”
แฮมเล็ตโบกไม้โบกมือ ฉินสือโอวมองตรงไปที่เขา “คุณโบกมือหมายความว่าอย่างไร? ก็คุยกันตอนนี้เลยดีไหม? อย่าบอกผมนะว่าคุณไม่มีเวลา!”
แฮมเล็ตฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องคุยแล้ว ดูท่าแพรีสจะชอบเจ้าหนุ่มนี่แล้วจริงๆ ฉันยอมรับเรื่องแต่งงานในครั้งนี้ เตรียมตัวมาสู่ขอเจ้าหญิงงี่เง่าของพวกเราได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แพรีสดีใจยกใหญ่ ดีใจจนกอดนีลเซ็นที่อยู่ข้างๆ นีลเซ็นยิ่งดีใจกว่า กอดแพรีสแล้วก็คิดจะจูบเธอ
แฮมเล็ตกระแอมสองที แพรีสจึงผลักนีลเซ็นออกแล้วเดินไปกอดเขาแทน ตะโกนด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณมากค่ะพี่ น้องรู้ว่าพี่รักน้องที่สุดอยู่แล้ว”
นีลเซ็นพูดอย่างอ่อนแรง “แล้วผมล่ะ ที่รัก? คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าผมรักคุณที่สุด?”
แต่ทว่าตอนจบก็จบลงอย่างมีความสุข นีลเซ็นเดินจูงมือออกไปกับแพรีส ฉินสือโอวก็อยากกลับเหมือนกัน แต่แฮมเล็ตบอกเป็นนัยให้เขาอยู่ต่อ บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขา
“เรื่องอะไรครับ?” ฉินสือโอวถามขึ้น
แฮมเล็ตมีท่าทีลำบากใจ เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “นายรู้เรื่องที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจะลดค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลลงอย่างมากในปีนี้ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วก็เข้าใจความหมายของแฮมเล็ต การปกครองส่วนท้องถิ่นเมืองเซนต์จอห์นจะเริ่มลงมือแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะจัดการกับเมืองแฟร์เวล ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับฉินสือโอวเรื่องพวกนี้
ไม่นานมานี้ ตอนที่เคอร์ สเตราส์มาที่ฟาร์มปลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดก็เคยบอกกับเขาเรื่องนี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะจัดการกับโรงพยาบาลในเมืองและเขตชุมชน!
ตามที่เขารู้มา นับตั้งแต่พรรคเสรีนิยมเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในนิวฟันด์แลนด์ตั้งแต่ปี 2556 เพื่อเติมเต็มช่องว่างการขาดดุลทางการแพทย์หลายร้อยล้านบาทและจ่ายค่ารักษาพยาบาลราคาสูงจำนวนหนึ่ง จึงตัดงบประมาณทางการแพทย์ของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
“จะเริ่มที่เมืองแฟร์เวลก่อนเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามขึ้น
ปฏิกิริยาตอบกลับของแฮมเล็ตทำให้ฉินสือโอวหนักใจ การที่เขาเงียบไม่ตอบ นั่นก็หมายถึงการยอมรับ
ในเวลานี้เอง ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันพูดขึ้น “คุณฉิน คุณแฮมเล็ตก็หมดหนทางแล้วจริงๆ ครับ แค่ปีนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ตัดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ไป 5.4 ล้านดอลลาร์แคนาดา คาดว่าจะลดการบริการของแพทย์อีก 3 ครั้งในช่วงปีที่เหลือนี้ ปีนี้ขาดดุลทางการแพทย์มากเกินไป เกือบ 800 ล้านดอลลาร์แคนาดาได้!”
สีหน้าของฉินสือโอวดูไม่ดีแล้ว เขาพูดขึ้นว่า “โรงพยาบาลในเมือง ต้องถูกย้ายออกเหรอ ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?”
เขาจะไม่ยอมให้การปกครองส่วนท้องถิ่นมาย้ายโรงพยาบาลออกไปจากเมือง เพราะไม่ง่ายเลยกว่าที่เมืองแฟร์เวลจะมีโรงพยาบาลได้หนึ่งแห่ง จะย้ายออกไม่ได้ เมื่อก่อนที่เมืองไม่มีเงินสนับสนุนเรื่องโรงพยาบาล ไม่มีแม้กระทั่งเงินค่าจ้างหมอและพยาบาล แต่หลังจากที่เขามา ฟาร์มปลาจ่ายภาษีในจำนวนไม่น้อยให้กับเมือง ในที่สุดจึงมีเงินสนับสนุนสร้างโรงพยาบาล ดังนั้นจะมาทำลายลงไม่ได้
ระบบการแพทย์ของแคนาดาต่างจากประเทศอื่นๆ เพียงแค่รัฐบาลสั่งเอาออก เมืองนั้นก็จะไม่มีคุณสมบัติในการตั้งโรงพยาบาลอีกเลย
โรงพยาบาลที่แคนาดาดำเนินการโดยรัฐบาล ล้วนเป็นโรงพยาบาลรัฐ น้อยมากที่จะมีโรงพยาบาลเอกชน อย่างมากก็มีแค่คลินิกเอกชน
ซึ่งแบบนี้มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่มีประกันสุขภาพไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะค่ารักษา ค่ายา ค่าเตียง ค่าอาหาร แม้กระทั่งค่าชดเชยที่ไม่ได้ทำงาน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะรับผิดชอบโดยหน่วยงานด้านประกันสุขภาพของรัฐบาล
หน่วยงานด้านประกันสุขภาพของแคนาดาล้วนจัดตั้งโดยรัฐบาล ไม่ใช่จากบริษัทเอกชนที่ทำเกี่ยวกับด้านประกัน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าชาวแคนาดาจะเข้ารักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เพราะในบางที่ก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของเบี้ยประกันสุขภาพด้วย
ตัวอย่างเช่นเมืองโทรอนโต ทั้งในส่วนบุคคลและรูปบริษัทไม่ต้องเสียเบี้ยประกันสุขภาพเลย รัฐบาลจะรับผิดชอบทั้งหมด แต่ในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย เบี้ยประกันสุขภาพเป็นภาระของส่วนบุคคลและบริษัท ซึ่งมาตรฐานในการเก็บค่าใช้จ่ายของแต่ละบุคคลก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของพวกเขา ถ้ารายได้น้อยก็จ่ายน้อย แต่อย่างไรก็ต้องจ่าย
ไม่ว่าจะจ่ายค่าเบี้ยประกันนี้อย่างไร ขอเพียงแค่มีประกันสุขภาพ เข้ารักษาในโรงพยาบาลก็ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง แน่นอนว่ามีหลายคนในแคนาดาที่จ่ายค่าเบี้ยประกันไม่ไหว หรือจ่ายไม่ได้ พวกเขาจึงไม่ได้รับการรักษาฟรี ดังนั้นเมื่อป่วยหนักก็ถึงขั้นล้มละลาย ซึ่งก็เป็นสภาพที่เห็นได้ทั่วไปในแคนาดา
ด้วยเหตุนี้ การแพทย์ของแคนาดาจึงมีลักษณะเฉพาะอยู่หนึ่งอย่าง คือการจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐ ต้องมีแพทย์ประจำครอบครัวเป็นคนทำนัดหมาย สำหรับโรคฉุกเฉินรุนแรง และอันตรายถึงชีวิตจะทำการนัดหมายได้รวดเร็วมาก หรือแม้กระทั่งไปที่โรงพยาบาลได้เลย แต่สำหรับโรคเรื้อรัง การตรวจหาด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่จะทำการนัดหมายได้ช้ามากและหมอก็จะพยายามชักชวนให้ผู้ป่วยไม่นอนโรงพยาบาล
ที่ประเทศแคนาดา มีคำศัพท์พิเศษในการวัดระดับการแพทย์ในภูมิภาคให้สมดุล คือ อัตราการรับการรักษาแบบทันที หลังจากทำการนัดหมายแล้ว สามารถเข้ารับการรักษาได้เลยในวันนั้นหรือวันถัดมา ก็จะเรียกว่าการรับการรักษาแบบทันที
ในเมืองใหญ่อัตราการรับการรักษาแบบทันทีนี้คือประมาณ 40% แต่ในเมืองชนบท หรือที่ห่างไกลออกไป ในกลุ่มชนชั้นที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มผู้อพยพถิ่นฐานมาใหม่ อัตราการรับการรักษาแบบทันทีกลับมีอัตราที่ต่ำมาก
ในอดีตผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองแฟร์เวลมีปัญหาในการไปพบแพทย์มาก พวกเขาต้องนั่งเรือไปยังเมืองเซนต์จอห์นเท่านั้น ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขหลังจากที่โอดอมมาถึง แต่อัตราการรับการรักษาแบบทันทียังค่อนข้างต่ำ ประชากรในเมืองแฟร์เวลอย่างน้อยๆ ก็มีเป็นพันคน และในพันคนนี้ กลุ่มผู้สูงอายุและวัยกลางคนมีจำนวนสูงสุด เมื่อมีแค่โรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวและมีแพทย์เพียงคนเดียว ดังนั้นเวลาในการรอคิวที่ผู้คนจะไปพบแพทย์จึงใช้เวลานานมากไปโดยปริยาย
แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังดีกว่าไม่มีโรงพยาบาลที่จะพบแพทย์ สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในตอนนี้คือการฟื้นฟูระดับการแพทย์ก่อนหน้านี้ หากโรงพยาบาลในเมืองเล็กๆ ถูกย้ายออก พวกเขาก็ต้องไปที่เมืองเซนต์จอห์นถ้าพวกเขามีอาการปวดหัวหรือไม่สบาย
……………………