ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1601 ข่าวที่ร่ำรวยเทียบเท่าประเทศได้
เบลคแนะนำตัวชายหนุ่มให้ฉินสือโอว ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าโลแกน ไลบ์นิทซ์ บ้านเกิดอยู่ที่สกอตแลนด์
ฉินสือโอวจับมือกับเขา หลังจากได้รู้บ้านเกิดของเขาแล้ว เขาก็ถึงบางอ้อในทันที ว่าผมแดงของเขาไม่ใช่สีที่ทำเพื่อความเท่แต่อย่างใด แต่เป็นสีผมตามธรรมชาติต่างหาก
คนที่มีผมสีแดงตามธรรมชาติมีค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะกับผมของโลแกนที่ไม่ได้มีสีน้ำตาลแดง แต่เป็นแดงเข้ม หากว่าผมยาวกว่านี้อีกหน่อย ตอนสะบัดไปมา ฉินสือโอวสามารถเปรียบว่าเป็นกองเปลวไฟที่กำลังลุกโชนได้เลย
เท่าที่เขารู้มา จำนวนคนที่มีผมสีแดงในโลกนี้มีไม่ถึง 2% ผมสีแบบนี้เกิดจากการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอของชาวยุโรปเหนือเมื่อหลายพันปีก่อน เมื่อต้นกำเนิดมาจากสกอตแลนด์ จุดที่พบเห็นได้มากที่สุดก็อยู่ที่สกอตแลนด์ด้วยเช่นกัน มีชาวสกอตแลนด์ประมาณ 40% ที่มีดีเอ็นเอของผมแดงแบบนี้ และมีคนที่มีสีผมน้ำตาลแดงอยู่ที่ 13%
แม้ว่าโลแกนจะยังหนุ่มอยู่แต่กลับไม่มีความผยองเลย หลังจากเขาจับมือกับฉินสือโอวแล้วก็ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณฉินครับ ไม่ทราบว่าพวกเราสามารถไปดูไม้พาโลซานโตเลยได้ไหมครับ? หากว่าเนื้อไม้ไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าผมสามารถจ่ายเงินวันนี้ได้เลยครับ”
ฉินสือโอวพูดว่า “คุณไลบ์นิทซ์นี่เป็นคนตรงดีนะครับ เชิญตามผมมาได้เลย ผมได้เตรียมไม้ไว้แล้ว เหลือแต่รอให้พวกคุณมาชมกันนี่แหละครับ”
โลแกนตามอยู่ข้างหลังเขา ถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณจะรังเกียจไหม หากผมจะให้คุณช่วยเล่าถึงแหล่งที่มาของไม้พาโลซานโตท่อนนี้?”
คำร้องขอนี้สมเหตุสมผลมาก ไม้พาโลซานโตถือเป็นไม้ที่ล้ำค่า แม้ว่าจะเทียบกับของจำพวกไข่มุกทองคำเพชรพลอยไม่ได้ แต่เพราะว่ามีราคาสูงลิบ ดังนั้นการซื้อเจ้าสิ่งนี้จึงต้องแสดงหลักฐานที่เชื่อถือได้ออกมาด้วย
ฉินสือโอวไม่มีหลักฐานการเป็นเจ้าของ เขาพูดออกไปง่ายๆ ว่า “ไม้นี้เป็นของที่เจ้าของฟาร์มปลาคนก่อนทิ้งเอาไว้ เขามีโกดังที่ผุพังอยู่หลังหนึ่ง ไม่นานมานี้ผมได้ทำการก่อสร้างบ้านหลังนี้ใหม่ แล้วตอนที่เก็บกวาดโกดัง ก็ได้เจอเข้ากับมันเข้าน่ะครับ”
โลแกนพยักหน้าไม่ได้ถามต่อ ไม้ได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว สูงประมาณสามเมตร ขนาดใหญ่ประมาณต้นขาของผู้หญิงวัยกลางคน กะคร่าวๆ น่าจะมีน้ำหนักประมาณสองตันได้
นี่เป็นไม้ที่หนักอันดับสองในบรรดาไม้พาโลซานโต การสร้างศาลาของฉินสือโอวต้องการไม้ที่ขนาดกำลังดี ท่อนที่ค่อนข้างยาว ค่อนข้างใหญ่แบบนี้ใช้ไม่ได้ ดีที่สุดคือการขายออกไป
โลแกนพาคนวัยกลางคนที่ท่าทางสุภาพมาด้วยสองคน หลังจากทั้งสองเห็นไม้แล้วเขาก็ไปเริ่มทำการตรวจดู ทั้งดูทั้งถู จากนั้นก็มีคนหนึ่งถามฉินสือโอวว่าสามารถเก็บตัวอย่างมานิดหน่อยเพื่อทำการวิเคราะห์ได้หรือเปล่า
ฉินสือโอวบอกว่าไม่มีปัญหา ทางฝั่งเบลคค่อนข้างไม่พอใจแล้ว โลแกนที่ตอนแรกกำลังชมวิวของฟาร์มปลาอย่างเบิกบานใจอยู่ก็ได้กวักมือเรียกคนวัยกลางคนสองคนนั้นมาถามเสียงเบาไปสองสามที
ไม้พาโลซานโตสามารถดูออกได้ง่าย เห็นได้ชัดว่าคนวัยกลางคนสองคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไม้ไม่ก็พืชพรรณที่เขาเชิญมานั่นเอง พวกเขาสามารถดูออกว่านี่เป็นไม้พาโลซานโตจริง เมื่อกี้ที่ว่าจะวิเคราะห์ก็เพื่อป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น
เมื่อได้คำตอบจากทั้งสองคนแล้ว โลแกนพยักหน้าแล้วก็พูดว่า “โอเค ไม่มีปัญหา ตอนนี้พวกเรามาคุยเรื่องราคากันหน่อยแล้วกันครับ คุณฉิน คุณจะขายตามหน่วยกรัมหรือจะเสนอราคาให้ผมเลยครับ?”
ฉินสือโอวบอกว่า “ไม้ท่อนนี้น่าจะมีน้ำหนักประมาณสองตันกว่านิดๆ ผมหวังว่าราคาจะอยู่ที่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา คุณว่าอย่างไรครับ?”
โลแกนคิดๆ แล้วก็พูดว่า “พูดตามตรง ราคานี้ค่อนข้างสูง คุณฉิน ฟังผมพูดก่อนนะครับ ผมไม่ได้อยากจะกดราคา แต่คุณดูสิ ไม้ท่อนนี้น่าจะถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลาที่นานพอสมควรเลยใช่ไหมครับ? แม้ว่าลายเส้นจะมีมาก แต่ว่าก็เลือนไปหมดแล้ว”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “แล้วคุณคิดว่าราคาเท่าไรจึงจะเหมาะสมครับ?”
โลแกนว่า “แปดล้านครับ ผมสามารถให้ราคาได้ที่แปดล้าน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “โลแกน เพื่อน บางทีคุณอาจจะไม่เข้าใจผมสักเท่าไรนะ หากว่าราคาที่ผมให้คุณไปสามารถต่อรองได้ล่ะก็ ผมคงเรียกไปสิบเอ็ดล้านหรือไม่ก็สิบล้านแปดแสนอะไรประมาณนี้แล้ว แต่ผมเรียกราคากลมๆ คือสิบล้าน นี่ก็คือราคาที่ผมอยากจะขาย หากคุณรู้สึกว่าแพงเกินไป งั้นผมคงทำได้แค่พูดว่าขอโทษแล้วล่ะ”
ไม้พาโลซานโตไม่มีคำว่าขายไม่ได้ หรือไม่เขาก็ไม่ขายเอามาสร้างเป็นศาลาในสวนดอกไม้ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลดราคา
เบลคพูดขึ้นมาเสียงเบาเพื่อไกล่เกลี่ยว่า “ตระกูลไลบ์นิทซ์ของเจ้าหมอนี่มีอิทธิพลในรัฐบริติสโคลัมเบียอย่างมาก คำพูดของพวกเขามีอิทธิพลกับแคนาดาตะวันตกทั้งหมดด้วย ดังนั้นลดราคาลงหน่อยเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเขาไว้ก็ดีนะ”
“ตระกูลของเขาทำเกี่ยวกับอะไร?” ฉินสือโอวไม่เคยได้ยินมาก่อน
เบลคอธิบายว่า “ธุรกิจที่พวกเขาลงทุนไว้มีมากมายเลย ตระกูลไลบ์นิทซ์เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ชาวอังกฤษที่มาแคนาดาในยุคแรกๆ ตระกูลของพวกเขาจึงถือครองธุรกิจไว้หลายอย่าง ทั้งธุรกิจสื่อ ธุรกิจก่อสร้างและก็ยังมีธุรกิจทางด้านการศึกษา”
ฉินสือโอวพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ พอคิดถึงว่าธุรกิจอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินยังต้องขยายไปที่แคนาดาตะวันตกด้วยแล้ว จึงตัดสินใจไว้หน้าโลแกน พูดว่า “เพื่อน งั้นก็เป็นเก้าล้านแล้วกันว่าอย่างไร?”
โลแกนเองก็เป็นคนตรง ไม่เหมือนกับคนหนุ่มทั่วไปที่ดูหยิ่งผยอง แต่ก็ไม่เหมือนนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่โลภมากด้วย เมื่อได้ยินราคาของฉินสือโอวแล้ว เขายิ้มๆ ยื่นมือออกไปพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมรับราคานี้ คุณฉิน ดีใจที่ได้ร่วมธุรกิจกันนะครับ”
โลแกนเขียนเช็คให้ฉินสือโอวใบหนึ่ง ด้วยเพราะมีความสัมพันธ์กับเบลคอยู่ เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเช็คใบนี้จะเป็นของปลอม รับเช็คมาเก็บไว้ในกระเป๋าเงิน แล้วก็ถามโลแกนว่าจะจัดการกับท่อนไม้นี้อย่างไรต่อ
โลแกนโบกมือ ชายฉกรรจ์สี่คนก็เข้ามานำท่อนไม้ไปมัดไว้ที่ฐานข้างหนึ่งของเฮลิคอปเตอร์ การทำแบบนี้ทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของเฮลิคอปเตอร์แล้วยังไม่กระทบต่อการบินอีกด้วย ถือว่าสะดวกเลยทีเดียว
ฉินสือโอวอยากผูกมิตรกับโลแกน แต่เสียดายที่ฟาร์มปลานี้ไม่มีแม้กระทั่งที่ให้นั่ง ไม่เหมาะที่จะคุยกัน จึงทำได้แต่แลกเปลี่ยนวิธีการติดต่อกัน เชิญให้เขามาเป็นแขกที่ฟาร์มปลาต้าฉินเมื่อมีโอกาส
ส่งโลแกนแล้ว เบลคยังอยู่ต่อ ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจว่า “นายไม่ไปด้วยเหรอ?”
เบลคถูมือไปมา พูดด้วยท่าทีมีลับลมคมในว่า “ช่วงนี้ฉันได้ข่าวใหญ่มาข่าวหนึ่ง ถ้าข่าวนี้เป็นข่าวจริง แล้วพวกเราสามารถได้มันมาอยู่ในมือแล้วล่ะก็ นั่นน่ะเป็นความรวยที่เทียบเท่าประเทศได้ของจริงเลย!”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ข่าวอะไร? เจอสมบัติของอเล็กซานเดอร์มหาราชแล้วเหรอ?”
เบลคขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “จริงจังหน่อยสิเพื่อน ฉันพูดจริงนะ นายรู้จักเรือซานโฮเซของเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนไหม? เป็นเรือลำเลียงสมบัติลำหนึ่งของสเปน ตอนนี้ฉันได้ข่าวของมันมาแล้ว!”
ฉินสือโอวส่ายหัว เลี้ยงปลาต่างหากที่เป็นอาชีพหลักของเขา การงมหาสมบัติเป็นเพียงอาชีพเสริมเท่านั้น แม้ว่าบิลลี่จะให้ข่าวเรื่องเรืออับปางกับเขามาจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดสักเท่าไร
เบลคจึงอธิบายกับเขาว่า เรือซานโฮเซเป็นเรือที่มีชื่อเสียงลำหนึ่งของสเปนในยุคแห่งการสำรวจ มันไม่ใช่เรือที่ใช้สำหรับลำเลียงสมบัติโดยเฉพาะ แต่เป็นเรือที่ถูกดัดแปลงมาจากเรือลำเลียงพล ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเรือปล้นสะดมของประเทศสเปน
เรือลำนี้เคยปล้นสมบัติจำนวนมหาศาลในอเมริกาใต้ ต่อมาในยุคของพระเจ้าเฟลิเปที่ห้า มันได้ลำเลียงทรัพย์สมบัติไว้เต็มลำเพื่อขนกลับไปที่สเปนไว้ใช้ในการทหาร ตอนนั้นเป็นตอนที่พระเจ้าเฟลิเปที่ห้ากำลังทำสงครามกับจักรวรรดิอังกฤษ ทั้งสองกำลังทำการแย่งครองตำแหน่งเจ้าแห่งมหาสมุทรกันอยู่
สุดท้าย เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรือรบลำหนึ่งของอังกฤษได้มาเจอเข้ากับเรือลำเลียงสมบัติลำนี้ หากว่าเป็นเพียงเรือลำเลียงสมบัติทั่วไป ทางกองเรืออังกฤษต้องทำการยึดมันไว้อย่างแน่นอน แต่เรือลำนี้ดันเป็นเรือที่ถูกดัดแปลงมาจากเรือลำเลียงพล
การที่ศัตรูมาพบปะกันย่อมต้องเกิดเรื่องกันอยู่แล้ว ดังนั้น กองเรือไร้พ่ายของจักรวรรดิอังกฤษจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำการระดมยิงใส่จนมันได้จมลงไป!
……………………………