ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1608 ปลิงขาวโตแล้ว
หลังจากโลลิน้อยได้สมทบกับแมวน้ำสองตัวแล้ว ความกล้าก็ทวีคูณขึ้นมาสองเท่า เธอหันหลังกลับไปมองหมีโลลิอย่างได้ใจ แถมยังกวักมือเพื่อยั่วโมโหมันอีกด้วย
ความจริงหมีขั้วโลกเหนือที่โตครึ่งตัวก็มีพลังในการต่อสู้ที่เก่งกาจแล้ว เด็กผู้หญิงอายุไม่ถึงสองขวบหนึ่งคนบวกกับแมวน้ำที่อายุไม่ถึงหนึ่งขวบสองตัวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันหรอก แต่ว่ามันกลับคิดไม่ได้แบบนี้ เพราะว่าอยู่ในฟาร์มปลามันไม่ค่อยจะได้ต่อสู้สักเท่าไร การทะเลาะกันไปมากับยัยตัวเล็กนั้นไม่ถือว่าการต่อสู้หรอกจริงไหม? มากสุดก็แค่เล่นขายของเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาทั้งร่างกายและพละกำลังของยัยตัวเล็กได้เปรียบหมีโลลิอย่างมาก บวกกับได้แมวน้ำอีกสองตัวมาช่วยแล้ว ทำให้การประมือกันหลายครั้งหมีโลลิไม่เคยเอาชนะได้เลย แถมยังเคยถูกแมวน้ำที่มีพลังประหลาดสองตัวจับกดไว้จนโดนยัยตัวเล็กทั้งต่อยทั้งเตะอีก ดังนั้นจึงเกิดมีแผลในใจขึ้น เมื่อเห็นกลุ่มสามคนนี้รวมตัวกันแล้วจึงเกิดลังเลขึ้นมา ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปโจมตี
ยัยตัวเล็กพามือดีทั้งสองตัวแบ่งกันสามทางเพื่อกะจะลอบเข้าไปล้อมหมีโลลิเงียบๆ อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ก็ร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ ขยับขาทั้งสี่แล้วหนีปานกับบินไปเลย
การวิ่งหนีของหมีโลลิคราวนี้ กลายเป็นยัยตัวเล็กที่เป็นฝ่ายวางอำนาจแทน เธอจ้ำขาสั้นๆ นั้นวิ่งไล่อยู่ข้างหลัง ตะโกนออกไปว่า “ตีมัน รีบตีมันเลย! หู่จือกับเป้าจือรีบมา!”
หมีโลลิวิ่งไปพลางไม่พอใจไปพลาง ให้ตายสิไหนคุยกันแล้วไงว่าจะสู้กันตัวต่อตัว แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเจ้าหญิงหมีอย่างฉันต้องไปสู้กับพวกเธอทั้งฝูงเหรอ? ในยุทธภพนี้ยังมีกฎกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
มองดูเจ้าตัวเล็กสองตัวที่คนหนึ่งวิ่งเพื่อเอาชีวิตส่วนอีกคนก็วิ่งเพื่อเล่นกับชีวิตแล้ว ฉินสือโอวมึนหัวไปเลย เขาโอบวินนี่ไว้แล้วพูดว่า “ใครนะที่บอกผมให้เลี้ยงหมีขั้วโลกเหนือไว้ จะได้ให้เป็นเพื่อนหวานใจวัยเด็กโตไปพร้อมกับลูกน่ะ? ออกมา ฉันไม่ตีเขาจนตายแน่นอน!”
ความสัมพันธ์ระหว่างยัยตัวเล็กกับหมีโลลินั้น คงไม่ดีขึ้นในเวลาอันสั้นแน่นอน พวกเขาสู้กันตั้งแต่หัวปียันท้ายปีจริงๆ ยัยตัวเล็กมีฝูงแมวน้ำเป็นผู้ช่วย ส่วนทางด้านหมีโลลิก็เติบโตได้อย่างรวดเร็วจนมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พลังในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับเท่าเทียมกันเสมอมา เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เป็นธรรมดาที่จะเกิดการสู้กันขึ้นบ่อยครั้ง
สุดท้ายพวกเขาก็ได้ไล่ล่ากันจนถึงเวลาทานอาหารเย็น หมีโลลิที่เป็นฝ่ายวิ่งหนีได้มีใบหญ้าติดอยู่เต็มตัว ทำเอาขนสีขาวราวหิมะนั้นได้กลายไปเป็นสีเขียวขจีไปแล้ว ส่วนทางด้านยัยตัวเล็กที่เป็นฝ่ายไล่ตามก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไรนัก ผมเปียที่ถักไว้ยุ่งเหยิงไปหมด เหงื่อท่วมทั่วตัว หน้าน้อยๆ ก็ราวกับถูกทาด้วยฝุ่น ขนาดรองเท้ายังวิ่งจนหลุดไปข้างหนึ่ง ถึงกับว่าสุดท้ายต้องให้หู่จือคาบกลับมาให้เลย
สำหรับเรื่องที่สั่งสอนหมีโลลิได้ไม่สำเร็จนั้น ยัยตัวเล็กไม่พอใจอย่างมาก ตอนทานอาหารเย็นฉินสือโอวอุ้มเธอไปนั่งบนเก้าอี้ เธอก็นั่งไม่นิ่ง เอาแต่สะบัดก้นจะกระโดดลงไป ตาก็มองหาแต่เงาของหมีโลลิตลอดเวลา
ฉินสือโอวจึงต้องโอ๋เธอว่า “กินข้าว กินข้าวก่อนดีไหม? กินเสร็จแล้วค่อยไปจัดการหมีน้อย”
ยัยตัวเล็กส่ายหัวอย่างดื้อรั้น พูดว่า “ไม่กิน จัดการหมี! พร้อมกัน!”
ฉินสือโอวพูดแล้วพูดอีก ยัยตัวเล็กก็ยังไม่ฟัง ทั้งตะโกนทั้งโวยวายจะไปจัดการหมีโลลิให้ได้ วินนี่เดินเข้ามา นั่งลงจัดเสื้อผ้าให้เธอ พูดว่า “กินข้าวเยอะๆ ถึงจะโตได้ โตแล้วก็จะสามารถจัดการหมีน้อยได้ ดังนั้นเถียนกวาต้องกินข้าวเยอะๆ ดีไหมคะ?”
ยัยตัวเล็กเอียงคอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าพูดว่า “กินข้าวตัวโตตีหมีน้อย!”
ฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ พูดว่า “ช่างเป็นเด็กซื่อเสียจริง พูดอย่างกับว่าฉงเอ้อจะไม่โตขึ้นอย่างนั้นแหละ”
วินนี่จ้องเขม็งไปที่เขาอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง พูดว่า “คุณอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นไปมากกว่าเดิมได้ไหมคะ เร็ว จัดการกับข้าว ถึงเวลากินข้าวแล้ว”
ฉินสือโอวหยิบเงินออกมาสิบเหรียญวางไว้บนโต๊ะ กอร์ดอนรีบพุ่งนำมาที่ห้องครัว ตะโกนว่า “ภารกิจนี้ผมรับเองครับ ถ้ามีใครแย่งอย่าหาว่านักล่าคนนี้ไม่เกรงใจนะ!”
ไวส์ตะโกนออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่า “ตัวข้าท่องไปทั่วยุทธภพ ยังไม่เคยกลัวใครมาก่อน แน่จริงพวกเรามาประลองกันสักสองกระบวนท่า…”
วินนี่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พูดว่า “สวรรค์ นี่มันยิ่งอยู่ยิ่งวุ่นวายจริงๆ”
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินสือโอวก็ปล่อยพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปในมหาสมุทรตามเคย เขาไปวนรอบทะเลแคริบเบียนอีกหนึ่งรอบแต่ก็ยังคงไม่เจอแม้แต่เงาของเรือซานโฮเซเช่นเคย จึงเรียกจิตกลับมาแล้วลอยไปลอยมาในฟาร์มปลาแทน
ฟาร์มปลาต้าฉินในตอนนี้อุดมสมบูรณ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในน่านน้ำที่อุดมไปด้วยอาหารนั้น ฝูงปลาค็อดได้ว่ายไปมาจนไหล่ชนกัน ฝูงปลาฝูงแล้วฝูงเล่าตามกันมา แล้วยังมีบางพื้นที่ที่ฝูงปลาค่อนข้างชุกชุม จนให้ความรู้สึกว่าสามารถเหยียบพวกมันเดินได้เลย
เห็นฉากนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงเริ่มวางแผนที่จะขยายอาณาเขตของทรัพยากรปลาที่จะเก็บเกี่ยวออก เขามีฟาร์มปลาต้าฉินหมายเลขสามอีกแห่งอยู่ที่รัฐโนวาสโกเชีย ที่นั่นแสงอาทิตย์ส่องได้ทั่วถึงมากกว่า เหมาะที่จะเลี้ยงพวกปลาน้ำอุ่น นอกเหนือจากนี้ เพราะด้านข้างของฟาร์มปลาเบอร์สามมีแม่น้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย สามารถนำพาพวกปลาเทราต์ ปลาไส้ตันฟลอริดาที่เป็นปลาน้ำกร่อยที่ต้องว่ายไปหาน้ำจืดไปเพาะพันธุ์ได้อีกด้วย
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเวียนว่ายอยู่สักพัก ฉินสือโอวมองดูสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เห็นฝูงปลามังกรที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว เม่นทะเลก็มาปักหลักที่ฟาร์มปลาแล้วและดำรงชีวิตได้อย่างดี พวกปูดันเจเนสส์แต่ละตัวก็ทั้งตัวใหญ่และเนื้อเยอะ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาพบว่าปลิงทะเลที่เลี้ยงไว้ก็ตัวอวบอ้วนมากแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะปลิงขาว จำนวนเยอะ ตัวใหญ่ แถมยังมีหลายตัวที่ไปอาศัยอยู่บริเวณน่านน้ำตื้น ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เหมาะแก่การจับปลิงทะเล พวกมันชอบน้ำเย็นไม่ชอบน้ำร้อน พออุณหภูมิน้ำค่อนข้างสูงแล้วจะไปกระตุ้นการวางไข่ของพวกมัน จากนั้นร่างกายพวกมันก็จะมุดหลบอยู่ในโขดหินไม่ก็พื้นที่เป็นหลุม หยุดการกินอาหาร ผิวด้านนอกค่อยๆ แข็งขึ้น แล้วเริ่มการจำศีลฤดูร้อนในที่สุด
ปลิงทะเลที่จำศีลฤดูร้อน สารอาหารในตัวจะลดลงไปอย่างมาก แรกเริ่มท่อย่อยอาหารของพวกมันจะเสื่อมถอยลงจนมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆ จุดที่ใหญ่ที่สุดยังมีขนาดไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรเลย มีหลายจุดมากที่เหลือไว้ก็แค่ร่องรอยเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เซนไคม์และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบางส่วนก็จะหายไปด้วย การที่อวัยวะเสื่อมหายไปแบบนี้ทำให้ไม่สามารถรับอาหารเข้าไปได้ เนื้อเยื่อในร่างกายบางจำพวกจึงสลายตัวเองเพื่อไปเป็นพลังงานให้กับร่างกาย การจะมาจับมันอีกจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
เมื่อเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวจึงตัดสินใจเริ่มออกจำหน่ายปลิงทะเล วันที่สองหลังจากตื่นนอนแล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาบัตเลอร์ บอกเขาว่าให้เตรียมปล่อยปลิงทะเลออกตลาดได้เลย นี่จะเป็นสินค้าที่หาตัวจับยากตัวใหม่อีกตัว
บัตเลอร์พอได้ยินข่าวนี้แล้วก็ดีใจแทบคลั่ง บอกว่าเขาจะรีบหาเรือบรรทุกให้แล่นไปหา ให้เขาจับปลาอย่างสบายใจก็พอ
หลังจากจับปลิงทะเลขึ้นมาได้แล้วก็ยังเป็นปลิงทะเลสดอยู่ ไม่เหมาะที่จะนำมารับประทานในทันที ต้องเอาไปตากแห้งให้เป็นปลิงทะเลแห้งก่อนจึงจะมีมูลค่า
ความจริงหากมองจากด้านสารอาหารแล้ว ไม่ว่าจะปลิงทะเลตัวเป็นๆ หรือปลิงทะเลแห้งก็ไม่แตกต่างกันมาก แต่ว่าสารอาหารในตัวปลิงทะเลเป็นๆ นั้นดูดซึมได้ยาก ผิวภายนอกของปลิงทะเลจะค่อนข้างหนา มีลักษณะคล้ายกับแผ่นยาง ร่างกายคนไม่สามารถย่อยได้ทันที หากเทียบกันแล้วปลิงทะเลแห้งนั้นย่อยง่ายกว่าเยอะเลย เพราะว่าในขั้นตอนการผลิตนั้นมีการใช้อุณหภูมิและแรงกดทับที่สูง ทำให้โครงสร้างของสารอาหารมีการเปลี่ยนแปลงไป หลังจากคืนตัวขึ้นมาแล้ว คุณค่าสารอาหารจึงถูกคนดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น
การจะทำปลิงทะเลแห้งนั้นจะต้องใช้กรรมวิธีที่คัดสรรมาเฉพาะ ในฟาร์มปลาต้าฉินนี้ไม่มีคุณสมบัติในข้อนั้น เขาต้องให้บัตเลอร์นำกลับไปผลิตที่อเมริกาแทน ทางเขาทำแค่เก็บเกี่ยวก็พอแล้ว
งานเก็บเกี่ยวปลิงทะเลเป็นงานที่ลำบาก เพราะว่าปกติแล้วพวกมันจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่ค่อนข้างลึก แถมยังมีสีผิวที่พรางตัวได้ง่าย ปกติก็ชอบอาศัยอยู่นิ่งๆ ไม่ชอบขยับ ทำให้หลังจากลงน้ำแล้วเป็นเรื่องยากที่เหล่าคนเก็บเกี่ยวจะเจอเข้ากับร่องรอยของมัน ดังนั้นงานจึงเดินหน้าไปได้ยาก
ฉินสือโอวจงใจใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนนำพาให้เหล่าปลิงทะเลไปทางน่านน้ำตื้น การทำแบบนี้จะทำให้เก็บเกี่ยวได้สะดวกขึ้นมาก
งานเก็บเกี่ยวปลิงทะเลจำเป็นต้องมีการเตรียมการก่อน หลังจากเขาโทรหาบัตเลอร์แล้ว ก็ไปบอกให้ชาร์คจัดแจงงานด้านนี้ไว้ ในอีกอย่างน้อยหนึ่งถึงสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ งานของฟาร์มปลาต้องดำเนินไปกับการเก็บเกี่ยวปลิงทะเลนี้แล้ว
………………………………………