ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1624 โจรสลัดเฉินเป่าออกทะเล
หัวหน้าแผนกติดต่อประสานงานพูดออกมาด้วยความลำบากใจว่า “ท่านประธาน ผมคิดว่าเรื่องนี้ยากมากเลยนะครับ เพราะว่าทรัพยากรของพวกเขาเหล่านั้นเป็นความลับครับ”
ฉินสือโอวตอบกลับอย่างโหดเหี้ยมว่า “การเข้าร่วมสหภาพการประมง ไม่ใช่แค่เพื่อผลประโยชน์และไม่เสียค่าใช้จ่ายเท่านั้น หากไม่ยินยอมที่จะแบ่งปันทรัพยากร ก็ให้ไล่ออกให้หมด”
“แผนกการเงิน งานของพวกคุณคือเงินของผม คำนวณงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินการข้อมูลใหญ่พวกนี้ และวางแผนงบประมาณพิเศษสำหรับสหภาพการประมงในครึ่งปีหลังด้วย ส่วนเรื่องสำคัญอีกเรื่องผมจะคุยกับคุณส่วนตัวในภายหลัง อีกอย่าง อย่าลืมสรุปงบประมาณทางการเงินและการใช้จ่ายเงินพิเศษของแต่ละแผนกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย และดำเนินการจัดระเบียบและทำคู่มือสำหรับองค์กรด้วย”
หัวหน้าแผนกการเงินพยักหน้า นี่เป็นงานประจำของพวกเขา เขาไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร
จนถึงตอนนี้ การแจกจ่ายงานให้แต่ละแผนกได้เสร็จสิ้นแล้ว ฉินสือโอวตบบ่าหัวหน้าแผนกข้อมูลและสถิติพลางพูดว่า “งานที่พวกคุณทำคือการทำสถิติขั้นพื้นฐาน งานต้องออกมาไม่ผิดพลาดแน่นอน ไม่อย่างนั้นผลจะเป็นอย่างไร พวกคุณรู้ดีใช่ไหม?”
“ครับ ท่านประธาน” หัวหน้าแผนกข้อมูลและสถิติพูดอย่างแน่วแน่ งานที่ฉินสือโอวสั่งเป็นการที่ยึดตามตำแหน่งงานของพวกเขา ไม่ได้จัดให้มั่วๆ หากงานนี้พวกเขาทำออกมาไม่ดี เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก
“ปีนี้ สหภาพการประมงของพวกเราพึ่งจะก่อตั้งขึ้น อาจจะไม่มีความสำเร็จอะไร แต่ว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ผมจะทำให้สหภาพการประมงเป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของผลิตภัณฑ์ทางทะเลของโลก ทุกท่าน ผมสามารถบอกพวกคุณได้อย่างชัดเจนว่า การพักผ่อนได้สิ้นสุดลงแล้ว ไปแจ้งให้ลูกน้องของพวกคุณตื่นจากวันหยุดได้แล้ว และเตรียมตัวสู้รบซะ!” ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนพูดประโยคสุดท้ายด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เหล่าหัวหน้าระดับเล็กใหญ่ต่างพากันลุกขึ้น แล้วมองไปยังฉินสือโอวอย่างพร้อมเพรียง
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “เอาละ ทุกคน เลิกประชุมได้ ไปเตรียมตัวทำงานได้แล้ว! อีกครั้งตอนที่ผมมาดูงาน หากผมยังเห็นว่ายังมีบางคนมีท่าทางการทำงานเหมือนวันนี้อยู่ ผมจะให้เขาออกจากทีมของผมทันที! ความหมายของผมคือ ทั้งคนคนนั้นและหัวหน้าของเขา จะต้องออกจากที่นี่ทั้งคู่!”
“รับทราบครับ ท่านประธาน!” แม้ว่าการตอบสนองจะไม่พร้อมกัน แต่เสียงที่ฟังก็ดังชัดเจน
ทุกคนต่างพากันเก็บข้าวของและออกจากห้องประชุม เควนตินเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้อง เขาหันไปมองฉินสือโอวด้วยสายตาประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า “ฉิน ผมว่าคุณกำลังวางแผนการใหญ่อยู่ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาพลางพูดว่า “ใช่แล้ว เควนติน ผมกำลังเล่นหมากรุกเกมใหญ่อยู่!”
“คุณอยากเล่นหมากรุกไหม? ผมเล่นหมากรุกสากล หมากรุกสี่ด้านและหมากล้อม นอกจากนี้ผมยังเล่นหมากรุกจีนของพวกคุณได้นิดหน่อยด้วย” เควนตินตอบกลับ แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสงสัย เขากำลังพูดถึงการเตรียมงานอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องหมากรุกได้
ฉินสือโอวนิ่งเงียบไม่พูดจา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเสแสร้ง แต่สุดท้ายเควนตินก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนบีบคอ ผู้นำประเทศใหญ่ๆ มักจะพูดแบบนี้เวลากำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างไม่ใช่เหรอ?
ฉินสือโอวทำตัวไม่ถูก เขาเก็บสมุดบันทึกของตัวเองพลางพูดกับเควนตินว่า “เพื่อนยาก คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจหมากรุกจีนหรอก แต่คุณควรที่จะเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเราชาวจีนมากกว่า”
“โอเค ผมเข้าใจแล้วล่ะ” เควนตินยิ้มออกมา เขายิ้มให้ฉินสือโอวจนตาหยี พลางพูดว่า “ผมรู้ คุณกำลังเล่นหมากรุกเกมใหญ่อยู่ พวกเราต่างก็อยู่บนกระดานของคุณ ใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขาเป็นเรือที่ล่มในรางน้ำจริงๆ เขาถูกชายแก่อย่างเควนตินแกล้งเสียแล้ว
ในเมื่อเขามาถึงสำนักงานแล้ว เขาไม่สามารถกลับไปได้หลังจากที่วางแผนเสร็จ เขาอยู่ในสำนักงานและนั่งหน้าคอมพิวเตอร์อย่างจริงจังเพื่อจัดการกับปัญหาบางอย่าง เช่นการดูภาพยนตร์โรแมนติกแอ็กชั่นหลายเรื่องที่ไม่เคยดูมาก่อน….
เขาทานอาหารกลางวันที่สำนักงาน ตอนนี้ที่มุมห้องชั้นสองของสำนักงานถูกทุบออก แล้วทำเป็นร้านอาหาร สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ
ตอนที่เขาออกไปซื้ออาหาร ฉินสือโอวพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ไปร้านอาหารเหล่านั้นเพื่อทานอาหาร ที่หน้าร้านอาหารหลายร้านมีคนกำลังต่อคิวอยู่ ดูท่าทางแล้วน่าจะมากกว่าหนึ่งร้อยคน อาจจะถึงสองร้อนคนก็เป็นได้ เพราะแบบนี้เขาจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาจึงถามทิญาเรื่องนี้
ทิญาที่กำลังหั่นเนื้อปลาค็อดอยู่พูดออกมาว่า “เพราะว่าทุกคนจากบริษัทที่อยู่รอบๆ นี้ต่างพากันออกมาทานอาหาร ราคาอาหารของร้านอาหารของพวกเราค่อนข้างถูก และวัตถุดิบก็ใช้อาหารทะเลจากต้าฉินที่ไม่มีขายในตลาด ผู้คนที่อยู่ในย่านธุรกิจรอบๆ นี้จึงพากันมาซื้ออาหารที่นี่”
ฉินสือโอวลูบคางอย่างครุ่นคิด เขาพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าการที่ผมสร้างร้านอาหารที่นี่จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”
ทิญาจิมเนื้อปลาค็อดเข้าปากสีเชอร์รีของตัวเองด้วยส้อม พลางเอ่ยชมว่า “แน่นอนค่ะ บอส คุณได้สร้างที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา ถ้าหากว่าไม่มีร้านอาหารพวกนี้ ทุกคนคงจะลำบากที่จะจัดการกับเรื่องอาหารกลางวันมากแน่นอน”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “งั้นก็ดีแล้ว อือ คุณช่วยบอกคนที่จัดการเรื่องหลังบ้านให้หน่อย ต่อไปร้านอาหารจะยังขายอาหารราคาเดิมให้กับพนักงานของเรา หากเป็นคนนอกมาซื้ออาหาร ให้คิดเงินเป็นสองเท่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทิญาก็แทบจะพ่นอาหารที่อยู่ในปากออกมา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ เธอจึงทำได้เพียงกลืนอาหารลงไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าพอเธอรีบทานอาหาร ก็เกิดอาการสำลักและไอขึ้นมา ฉินสือโอวกลอกตาพลางช่วยเธอทุบหลัง อือ แผ่นหลังของผู้หญิงนี่นุ่มดีจริงๆ พอมือสัมผัสกับหลังแล้วรู้สึกดีจริงๆ
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้น เหล่าผู้ชายที่อยู่รอบๆ ก็หยุดทานอาหารทันที พวกเขาต่างพากันมองมายังฉินสือโอวด้วยสายตาเย็นชาและกระหายเลือด ผู้ชายเหล่านั้นต่างเป็นคนจากบริษัทอื่นๆ ที่เข้ามาหาทานอาหาร พวกเขาไม่รู้จักฉินสือโอว พวกเขารู้จักแค่ทิญาเท่านั้น และคาดว่าชายหลายคนที่มาทานอาหารที่นี่ก็เพราะอยากมาเจอทิญา
“ดูเหมือนว่าการที่คุณอยู่ที่นี่เป็นที่น่าสนใจนะ” ฉินสือโอวกล่าว
ทิญาใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดที่มุมปาก หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบผมที่ปรกลงมาข้างหน้าทัดหู เธอยิ้มออกมาอย่างน่ารักพลางพูดว่า “แน่นอนค่ะ คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงขี้เหร่ที่ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วยเหรอคะ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องโปรยเสน่ห์เหล่านั้นให้ผมหรอกนะ ผมสาบานต่อพระเจ้าเลย ผมจะภักดีต่อภรรยาของผมไปชั่วชีวิต!”
ทิญาถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ พลางพูดขึ้นว่า “ใครลวนลามใครกันแน่คะ? เอาล่ะ กลับมาที่ประเด็นของเราดีกว่าค่ะ บอสคะ คุณขี้เหนียวขนาดนั้นเลยเหรอ? ในร้านอาหารสวัสดิการยังจะต้องคิดค่าอาหารเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “ผิดแล้ว เด็กโง่ ผลประโยชน์นี้มีก็เพื่อสหภาพของพวกเรา อีกอย่างผมไม่ได้ให้ผลประโยชน์แก่คนนอกสักหน่อยใช่ไหม?”
ทิญาถามมาอย่างงงงวยว่า “อะไรนะคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มให้ก่อนจะจากออกมา ทิญายิ้มออกมาเหมือนกัน คำว่าโง่มีความหมายเชิงลึกอยู่ หลังจากนั้นเธอก็หยิบจานอาหารและเดินออกไป เหลือไว้เพียงสายตาของหมาป่าผู้หิวโหยที่มองมาอย่างรอคอยความหวัง
การจัดเตรียมงานในครั้งนี้ ทำให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกแบบหนึ่ง จากความรู้สึกที่เรียกว่าอำนาจ
หลังจากที่ออกจากที่ทำงาน เขาก็ยังทำงานไม่เสร็จดี ไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจทำงาน แต่หลังจากที่ยุ่งมาสองเดือน ในที่สุดบิลลี่ก็ได้อะไรบางอย่าง บิลลี่ตั้งใจโทรหาเขาและเบลคเป็นพิเศษ เพื่อที่จะให้ดูสมบัติที่จมอยู่ใต้น้ำ
ฉินสือโอวถามว่ามีอะไรอยู่บ้าง บิลลี่ตอบกลับอย่างลึกลับว่าเรื่องนี้เป็นความลับ ให้เขามาดูด้วยตัวเอง และยังบอกอีกว่าการเก็บเกี่ยวในครั้งนี้เกินความคาดหมายมาก
เขานั่งเครื่องยินของเบลคไป เป็นเครื่องบินกีฬารุ่นพีเอสี่สิบสอง เหมือนกับเครื่องบินของบิลลี่ หลังจากที่เขาเห็นบิลลี่นำมันมาอวดโฉมอยู่สองสามครั้ง เบลคก็ซื้อมันมาหนึ่งลำ ราคาไม่ได้แพง ไม่ถึงสองล้านดอลลาร์
ระยะทางค่อนข้างไกลหน่อย และความอึดของเฮลิคอปเตอร์ของฉินสือโอวนั้นก็น้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องรีบเปลี่ยนเครื่องโดยด่วน
…………………………