ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1656 คืนอันแสนครึกครื้น
ปลาทะเลกินมาเยอะแล้ว ตอนนี้ฉินสือโอวสนใจปลาจระเข้ปลาน้ำจืดแบบนี้มากกว่า การจับปลาตัวนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี ปลาดุร้ายที่มีขนาดใหญ่ในแหล่งน้ำจืดบนโลกใบนี้ ก็คือปลาจระเข้นี่แหละที่มีรสชาติดีที่สุด
แน่นอนว่าการประเมินนี้เน้นไปที่คนจีนเป็นหลัก คนผิวขาวและคนผิวดำพวกนั้นชอบกินปลาเป็นชิ้น พวกเขาให้คะแนนปลาชนิดหนึ่งว่าเป็นอย่างไรโดยดูจากปริมาณเนื้อและจำนวนก้างของมัน
หลังจากที่ฉินสือโอวแบ่งปลาจระเข้เรียบร้อยแล้ว ส่วนด้านล่างท้องของมันก็ทิ้งไป นี่เป็นปลาตัวเมีย ไข่ปลาจระเข้มีพิษรุนแรง เนื้อปลาส่วนนี้จึงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดายมาก เพราะยิ่งเป็นส่วนที่พิษรุนแรงรสชาติยิ่งอร่อย คนจีนมีการเรื่องเล่าที่ยอมเสี่ยงกินปลาปักเป้า จริงๆ แล้วก็ลองเสี่ยงกินไข่ปลาจระเข้ก็ไม่เลว มีขนาดใหญ่ มีโปรตีนสูง อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
ตามธรรมชาติ ถ้ากินไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้ตายได้ ฉินสือโอวจึงไม่กล้าเสี่ยง
ฟาร์มปลาเริ่มครึกครื้นขึ้นมา ชาวประมง 40-50 คนแล้วยังมีคนในครอบครัวกับเด็กๆ อีก ผู้คนนับร้อยมาที่สนามหญ้าหน้าวิลล่า มีจัดโต๊ะยาวและโต๊ะกลมสำหรับรับประทานอาหารค่ำ ยังคงเหมือนเมื่อก่อน คนในครอบครัวของชาวประมงจะนำอาหารที่ตัวเองทำมาด้วย กินร่วมกันได้
ตั้งแต่เรียนรู้การหมักเบียร์เองได้ ก็มีการผลิตเบียร์ออกมาอย่างต่อเนื่องในฟาร์มปลา โดยปกติแล้วฉินสือโอวจะดื่มน้อย ซึ่งก็คือแก้วหนึ่งตอนมื้อเย็น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเก็บสะสมไว้เล็กน้อย แต่ก็ไม่สดใหม่เท่าไรแม้ว่าจะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ตาม
แต่พวกชาวประมงไม่สนใจ งานเลี้ยงปาร์ตี้แบบนี้ต้องดื่มด่ำกับบรรยากาศ ไม่ใช่ว่าต้องมากินอะไรจริงจัง ดังนั้นพวกเขาจึงหยิบเบียร์พวกนี้ออกมา ฉินสือโอวได้แบ่งใส่ขวดไว้เรียบร้อยแล้ว พอวางบนโต๊ะก็ดื่มได้เลย
ฉินสือโอวคอยบอกเบิร์ดให้หั่นเนื้อปลาจระเข้เป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดความหนาเท่าๆ กัน เบิร์ดถามขึ้นว่า “เนื้อปลาเป็นชิ้นๆ ใหญ่ขนาดนี้ คุณเอามาผัดจะสะดวกเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบว่า “อันนี้ไม่ได้เอามาทำอาหาร เอามาจิ้มจุ่ม ชาบูเนื้อปลาไหลนาก็อร่อยไม่เบา”
ตอนหน้าหนาวเมื่อฟาร์มปลาไม่ได้ยุ่งอะไรก็จะทำชาบูกิน ดังนั้นหม้อจึงมีมากมาย พวกชาวประมงไม่ค่อยสนใจในสิ่งนี้ พวกเขาคิดว่าผักและเนื้อใส่รวมลงไปต้มด้วยกัน รสชาติที่ออกมาเหมือนกันไปหมด หากต้องการรสชาติที่ดีต้องปรุงรส สิ่งนี้จึงไม่เข้ากับพฤติกรรมการกินอาหารของพวกเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงเตรียมไว้สองหม้อก็พอ ตัวเขาเองหนึ่งโต๊ะใช้หนึ่งหม้อ ส่วนอีกหม้อให้กับโต๊ะของเกิงจุนเจี๋ยที่พาพวกชาวประมงคนจีนมาด้วย
เกิงจุนเจี๋ยและคนในทีมมีสองคนที่มีทักษะการทำอาหารได้ดี คนหนึ่งชื่อหยูเผิง ตอนที่เขาอยู่ในกองทัพเขาเป็นคนทำอาหาร เขารับราชการมาสี่ปีและปรุงอาหารเป็นเวลาสี่ปี คุ้นเคยกับอาหารท้องถิ่นจีน 8 ตระกูลใหญ่ในเบื้องต้น ช่วยไม่ได้เพราะทหารมาจากทั่วประเทศในแต่ละสถานที่ รสนิยมในเรื่องอาหารก็แตกต่างกัน ข้างบนก็ให้ค่าอาหารมาเล็กน้อย มีอาหารแค่ไม่กี่อย่างตลอดทั้งปี จึงต้องทำให้หลากหลาย ไม่อย่างนั้นพวกทหารคงด่าตาย
นอกจากนี้ยังมีอีกคนชื่อ เซิ่งเสวหลิน ครอบครัวของเขามีอาชีพทำอาหารมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่เมื่อเขามาถึงกองทัพเขาก็กลายเป็นทหารปืนใหญ่ จริงๆ แล้วครั้งนี้ที่เขามาแคนาดาเพราะเขาอยากเป็นพ่อครัว แต่สอบใบรับรองการเป็นพ่อครัวไม่ผ่าน ร้านอาหารที่แคนาดาจึงไม่กล้าจ้างเขา จึงทำได้แค่มาเป็นชาวประมงแทน
เมื่อมีสองคนนี้ ทำกับข้าวจึงไม่ต้องให้ฉินสือโอวลงมือไปโดยปริยาย ฉินสือโอวนายใหญ่มีความสนใจในการทำอาหารเป็นพิเศษ แต่นั่นเป็นเมื่อเขาทำอาหารให้ตัวเองและครอบครัว เขาไม่จำเป็นต้องรับใช้ชาวประมงหลายสิบคน
หยูเผิงมองเบิร์ดหั่นเนื้อปลาดัง ‘สวบๆๆ’ จนเสร็จ เขายกนิ้วให้แล้วพูดว่า “มีฝีมือไม่เลวเลยครับ ผมยังไม่เคยเจอทหารที่เก่งด้านการใช้มีดขนาดนี้ นี่ถ้าเบิร์ดเปลี่ยนไปเรียนทำครัว จะต้องเป็นพ่อครัวใหญ่มือฉมังอาหารหวยหยางอย่างแน่นอน”
เป็นเรื่องจริง ฉินสือโอวคิดดูแล้วที่หยูเผิงพูดก็ถูก เบิร์ดเหมาะที่เรียนทำอาหารหวยหยางจริงๆ เพราะว่าในกลุ่มอาหารท้องถิ่น อาหารหวยหยางเป็นอาหารที่ประณีตเรื่องการใช้มีดมากที่สุด ต้องใช้ทักษะการใช้มีดอย่างดี อาหารหวยหยางเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการแกะสลักแตงโม ประณีตกับหน้าตาที่สวยงามและรสชาติกลมกล่อมของอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบของอาหารนี้ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เน้นความสดใหม่ ที่ฟาร์มปลามีก็คืออาหารทะเล เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าเหมาะจริงๆ
ฟังคำชมของหยูเผิง ฮิลตันคนน้องที่มองเบิร์ดทำอาหารอยู่ด้านข้างยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นเดียว หัวเราะร่วนแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณที่ชมนะ ฉันคิดว่าวันหลังเบิร์ดน่าจะไปเรียนทำอาหารนั่น เรียกว่าอาหารอะไรนะ?”
เบิร์ดทำอะไรไม่ถูก ฮิลตันคนน้องตัวติดกับเขา ฉินสือโอวก็เล่นไปด้วย เอาเสื้อผ้า ของใช้ของฮิลตันคนน้องย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักเขาหมด เดิมทีเขาอยู่กับนีลเซ็น พอเป็นแบบนี้ของของนีลเซ็นก็ถูกโยนทิ้งไปเรียบร้อย
ฉินสือโอวเข้ามาตบที่บ่าเบิร์ด “ผู้ชายที่ดีก็ต้องทำกับข้าวเป็น ไว้วันหลังเดี๋ยวฉันเชิญอาจารย์สอนทำอาหารหวยหยางมา นายก็ตั้งใจเรียนละกัน วันหลังจะได้ทำอาหารให้เมียนายกิน”
ฮิลตันคนน้องเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ ล้วงเอามือถือออกมาไม่รู้ว่าโทรหาใคร พอเปิดปากก็ตะโกนเรียก ‘ที่รัก’ หลังจากนั้นก็ถามว่ารู้จักพ่อครัวใหญ่ที่ทำอาหารจีนหวยหยางไหม ถ้ารู้จักก็แนะนำให้เธอรู้จักสักหน่อย
เมื่อวางสาย เธอก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดกับเบิร์ดว่า “อย่าคิดมากนะ นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอชอบกินอาหารขึ้นชื่อของแต่ละประเทศ ที่บ้านมีพ่อครัวยี่สิบกว่าคน ถ้าให้เธอช่วยจะต้องสำเร็จแน่”
เบิร์ดฝืนยิ้ม “ผมไม่ได้คิดอะไร” หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางฉินสือโอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร เขาตบไปที่บ่าของเบิร์ดแล้วกระซิบว่า “นายทำไมไม่เข้าใจอะไรบ้างนะ? นี่บอสกำลังให้นายสร้างโอกาสเอง เพราะอย่างไรนายก็เป็นโสด จะมานั่งโบกมือไปทางซ้ายที ขวาทีทั้งวัน สนุกหรือไง? มีสาวสวยขนาดนี้ แต่ไม่อยากอยู่ด้วย ช่างไม่มีเหตุผลเลย…”
ขณะที่พูด ไวส์ก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมตะโกนว่า “อาจารย์ กอร์ดอนและชาร์คน้อยแอบขโมยกินเหล้า!”
ฉินสือโอวหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ ทันเวลาที่เห็นกอร์ดอนและชาร์คน้อยแอบเดินไปที่โต๊ะไวน์ และหนึ่งในนั้นก็หยิบเบียร์มาขวดหนึ่ง หลังจากนั้นก็เงยหน้าซดจนหมดเกลี้ยง
“พวกนายทำอะไร? ยังไม่โตไม่อนุญาตให้ดื่มเหล้า!” ฉินสือโอวไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของเบิร์ดวิ่งเข้าไปดึงหูกอร์ดอนลากเขากลับไป ในขณะเดียวกันก็ตะโกนใส่ชาร์คและซีมอนสเตอร์ว่า “ดูแลลูกๆ นายหน่อย ใกล้จะเปลี่ยนเป็นไอ้ขี้เหล้าเหมือนพวกนายแล้ว!”
ชาร์คพูดตอบอย่างไม่สนใจ “แล้วจะเป็นอะไรไปครับ? ผมอายุหกขวบก็เริ่มดื่มเบียร์ พออายุสิบสองก็เริ่มดื่มเหล้ารัม เพราะฉะนั้นทำไมต้องไปยุ่งเรื่องนี้ด้วยครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ชาร์คน้อยก็ดีใจ ผลักมือของฉินสือโอวออกไป แล้วพูดว่า “พ่อผมยังไม่ยุ่งกับผมเลย คุณมายุ่งกับผมทำไม?”
ทันใดนั้นหมัดตรงออกมาจากด้านหลังต่อยไปที่หน้าอกของชาร์คน้อยจนเขาล้มลงไปกับพื้น “เจ้าสัตว์ร้าย บังอาจกล้าต่อล้อต่อเถียงกับอาจารย์เหรอ? ผมจะจัดการเจ้าสัตว์ร้าย คนอื่นออกไป!”
เมื่อเห็นไวส์ที่ดูน่าเกรงขาม เชอร์ลี่ย์และมิเชล ลอเรนซ์และคนอื่นๆ ต่างปรบมือ ตะโกนขึ้นว่า “ชาร์คน้อย ลุกขึ้นมาจัดการเขาให้ตายเลย!”
ชาร์คน้อยอายุน้อยกว่าไวส์หนึ่งปี ในบรรดาเด็กน้อยเหล่านี้คนที่อายุมากสุดคือพาวลิส ถัดมาก็คือไวส์ แต่เนื่องจากสุขภาพเขามีปัญหา ดังนั้นจึงเติบโตช้า มองๆ ดูแล้วเหมือนอายุยังน้อย มีฉินสือโอวคอยใช้พลังโพไซดอนปรับสภาพร่างกายของเขาให้ดีขึ้น บวกกับที่เขาออกกำลังกายทุกวัน แล้วยังเรียนการต่อสู้ มวยปล้ำ เทควันโดกีฬาพวกนี้กับพวกแบล็คไนฟ์ด้วย หลังจากที่มาฟาร์มปลาจึงโตไวขึ้นมาก สูงถึงร้อยเจ็ดสิบกว่าเซนติเมตรแล้ว
ชาร์คน้อยลุกขึ้นมา ร้องตะโกนแล้วพุ่งเข้าหา ไวส์ทำท่ามวยหย่งชุน ชาร์คน้อยปล่อยหมัดออกไป เขารีบใช้แขนขวาป้องไว้แล้วใช้มือขวาซัดหมัดไปตรงๆ ซัดไปอีกครั้งจนชาร์คน้อยล้มลง…
…………………………….