ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1657 แต่ละคนมีอาหารกิน
“ทำอะไรน่ะ ทำไรกัน? ทำไมเพื่อนๆ มาชกต่อยกันเนี่ย?” ฉินสือโอวเข้าไปห้ามศึกด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ชาร์คน้อยตะโกนร้องอย่างกระวนกระวาย “โอย โอย โอย ฉิน นายมันเลว นายทำไมต้องมารั้งผมไว้? ไวส์นายมันไอ้เวรเอ๊ย นายแบบนี้ถือว่าชนะแบบภาคภูมิใจเหรอไงฮะ?”
ไวส์ไม่สน มีฉินสือโอวช่วยดึงเป็นเป้าไว้ ครั้งนี้เขาจัดหมัดที่รุนแรงและรวดเร็ว เหวี่ยงหมัดตรง หมัดเสยซ้ายแล้วก็หมัดเสยขวา ทั้งเตะด้านข้าง เตะเฉียง เตะตรงแล้วสุดท้ายก็คือเตะตวัดหลัง…
พวกเด็กน้อยที่อยู่ด้านข้างต่างมองอย่างตะลึงงัน คราเคนน้อยพูดขึ้นอย่างหมดแรง “ลุงฉิน แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย”
ไวส์เรียนรู้การบีบจมูกจากบรูซลี หันหลังกลับไปแล้วชี้ไปที่คราเคนน้อยพร้อมพูดเสียงดังว่า “ถ้ายังพูดไร้สาระอีก ฉันจัดการนายแน่! พวกเราคนจีน ไม่ใช่คนป่วยอ่อนแอในเอเชียตะวันออก!”
คราเคนน้อยก็เป็นที่หนึ่งในโรงเรียนประถมแกรนท์เชียวนะ พอถูกไวส์ชี้นิ้วด่าแบบนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโกรธเลือดขึ้นหน้า พูดขึ้นว่า “บ้าชิบ วันนี้ฉันจะต้องสอนนายให้รู้ว่าใครเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มวัยรุ่นที่เกาะแฟร์เวลนี่ให้ได้!”
เชอร์ลี่ย์ดึงเขาเข้ามาแล้วกระซิบบอกว่า “ได้ยินมาว่าคนบ้าฆ่าคนตายไม่ผิดกฎหมายนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คราเคนน้อยก็รู้สึกลังเลขึ้นมา “ไวส์ยังไม่ได้บ้าใช่ไหม?”
”นายคิดว่าไงล่ะ?”
“เชี่ย ถ้างั้นก็ช่างละ ฉันยังบริสุทธิ์อยู่ ถ้าโดนตีจนตายไปคงเสียดายน่าดู”
เมื่อไม่มีคนช่วย ชาร์คน้อยก็โดนไวส์ทุบตีจนน่าสมเพช เขากว่าจะหลุดจากพันธนาการของฉินสือโอวได้ก็ไม่ง่ายเลย เขาวิ่งไปหาพ่อเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ “พ่อ พ่อครับ ผมโดนตีแล้ว พวกเขารังแกผม พ่อรีบมาช่วยผมเร็ว…”
ชาร์คที่กำลังตั้งอกตั้งใจย่างไก่อยู่สีหน้าพลันเปลี่ยนไป หันหลังกลับไปอัดไปอีกหมัดหนึ่ง “ขี้ขลาดจริงๆ เลย พ่อของนายน่ะห้าขวบก็เริ่มชกต่อยกับคนอื่นแล้ว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็จะสู้ด้วยตัวเอง ไม่เคยขอให้ผู้ใหญ่ช่วย!”
ชาร์คน้อยรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ โลกใบนี้ช่างมืดมนเหลือเกิน
วินนี่ดึงเขาออกมา แล้วพูดว่า “ฉินเป็นอาจารย์ของไวส์ ถ้าจะต่อสู้กันแน่นอนว่าพวกเขาต้องร่วมมือกัน แบบนี้เราชนะพวกเขาไม่ได้หรอก ดังนั้น เราจะต้องหาหนทางอื่นเอาชนะไวส์ อย่างเช่นคะแนนผลการเรียน หรือบาสเกตบอล หรือฟุตบอล สรุปคือมีตั้งหลายวิธีเลยนะ”
ชาร์คน้อยพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง ในที่สุดชีวิตคนเราก็มีความหวังอีกครั้ง
เมื่อกี้เถียนกวามองการต่อสู้ของไวส์กับชาร์คน้อยมาโดยตลอด หรือพูดได้ว่ามองไวส์ต่อยตีคนมาตลอดเวลา รอจนไม่มีการต่อสู้ให้ดูแล้ว ดวงตากลมโตของเธอเสมองไปทางอื่น หันไปเห็นเด็กอ้วนที่กำลังมุ่ยก้นจับตั๊กแตนอยู่ที่สนามหญ้าพอดี
”เด็กน้อย มองมาที่ฉันสิ ” เสี่ยวเถียนกวาเดินไปอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นก็พูดด้วยเสียงเด็กๆ ในขณะเดียวกันกำปั้นเล็กๆ ของเธอกำแน่นอยู่ด้านหลัง รอจนเด็กอ้วนหันกลับมาแล้วยืนขึ้นหมัดก็พุ่งตรงไปที่เขา
ผลปรากฏว่าเมื่อได้ยินเสียงเธอ เด็กน้อยตัวกลมที่กำลังจับตั๊กแตนอย่างมีความสุขตัวสั่นไปหมด กรีดร้องแล้วล้มคว่ำอยู่บนพื้น เขาฉลาดมากใช้สองแขนคลุมหัวตัวเองไว้ แล้วก็ตะโกนร้องลั่น “แง แง แง!”
เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งหมัดตรง กระทุ้งข้าง หมัดฮุค หมัดเสยก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเสี่ยวเถียนกวาแล้ว เธอรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพิ่งเรียนมานึกว่าจะใช้สักหน่อย แต่ทว่าเธอหันไปทางอื่นก็เจอเข้ากับโลลิต้าของฉงต้าที่กำลังเดินอย่างสง่างามอยู่ สายตากลมโตเป็นประกาย วิ่ง ‘ตึก ตึก ตึก’ ไปทางนั้น เหวี่ยงหมัดพุ่งเข้าหาจากด้านหลังทันที
“ทำไมลูกสาวถึงใช้ความรุนแรงขนาดนี้ล่ะ?” ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ฮิลตันคนน้องยิ้มและมองดูเสี่ยวเถียนกวาเตะต่อยโลลิต้าอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ต้องให้ฉันหาคลาสยูโดให้ลูกสาวคุณไหม? ฉันรู้จักปรมาจารย์ยูโดตั้งหลายท่านนะ!”
ฉินสือโอวกลอกตามองบนแล้วจากไป เขาต้องไปปรึกษาวินนี่สักหน่อย การอบรมสั่งสอนจะหยุดไม่ได้ เจ้าเด็กนี่จะกลายเป็นจอมรุนแรงอยู่แล้ว
ชาบูเดือดปุดๆ อยู่ในหม้อ พริกสีแดงสดและเครื่องเทศจีนฮวาเจียวเม็ดกลมจำนวนมากลอยกลิ้งไปมาตามน้ำที่เดือด ฉินสือโอวจิ้มปลาชิ้นหนึ่งแล้วจุ่มลงไปในหม้อเพียงไม่กี่วินาที เนื้อปลาจระเข้นุ่มลิ้น จุ่มในน้ำเดือดสักห้าหกวินาทีก็สุกแล้ว
ไม่ต้องมีเครื่องปรุงใดๆ เขาจิ้มจากน้ำซุปในหม้อแล้วเอาเข้าปาก กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ที่นุ่มละเอียดกระจายไปทั่วในปาก นุ่มนวลแต่ไม่เลี่ยน ฉินสือโอวไม่คาดคิดเลยว่าเนื้อปลาจระเข้จะอร่อยได้ถึงขนาดนี้
ทางด้านนั้น หยูเผิงกำลังทำปลาไหลนาน้ำแดง ทางฟาร์มปลามีเตรียมหม้อเหล็กขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเมตรกว่าไว้โดยเฉพาะ เป็นหม้อที่เขาไว้ทำอาหารกินที่บ้านเกิดแบบนั้น ทำไงได้ ชาวประมงมีจำนวนเยอะเกินไป แล้วแต่ละคนก็กินจุทั้งนั้น จึงต้องทำจากหม้อข้าวใบใหญ่เอา
เมื่อเป็นแบบนี้ความสามารถของหยูเผิงก็ถูกแสดงออกมาให้เห็น เพราะตอนที่อยู่ที่กองทัพเขาก็ทำอาหารจากหม้อข้าวใบใหญ่เช่นกัน และทำออกมาได้ยอดเยี่ยมด้วย
เทน้ำมันหนึ่งถังลงในหม้อ รอจนควันเริ่มฟุ้ง หยูเผิงก็หยิบชิ้นเนื้อปลาไหลนาแต่ละชิ้นลงไปผัดไปผัดมาในหม้อ ผัดจนสีเริ่มออกเป็นสีเหลืองทอง พอได้ที่ก็เอาเนื้อออกจากหม้อ แล้วใส่ต้นหอม ขิง กระเทียมลงไป เติมน้ำซุปแล้วใส่เครื่องปรุงรส น้ำตาลทรายขาว น้ำส้มสายชู เบียร์ พริกไทย ผงชูรส หน่อไม้จีนที่หั่นเป็นแว่นๆ และแครอท กลายเป็นซุปหม้อเล็กๆ
หม้อหนึ่งต้มน้ำซุปในหม้อเหล็กใช้เวลาต้มสิบนาทีกว่า รอจนน้ำซุปเริ่มเดือดต้มจนเดือดปุดๆ จึงค่อยเอาปลาไหลนาที่ทอดไว้ดีแล้วลงไปในหม้อ แล้วเปลี่ยนเป็นไฟเบาค่อยๆ ต้มต่อ
ต้มจนน้ำซุปในหม้อเริ่มแห้ง เวลานี้เองก็เอาเนื้อปลาไหลนาออกมา โรยด้วยผักใบเขียวแล้วค่อยเอาน้ำเชื่อมที่ทำมาจากน้ำตาลเมเปิลและแป้งมันราดลงไป เพียงเท่านี้เนื้อปลาไหลนาน้ำแดงก็เป็นอันเรียบร้อย
รสปากของชาวบ้านเกาะแฟร์เวลจะออกไปทางหวาน ดังนั้นพวกเขาจึงชอบทานอาหารจำพวกน้ำแดง จึงต้องทำหม้อใหญ่หน่อย
ฝีมือทำอาหารของเซิ่งเสวหลินละเมียดยิ่งกว่า เขาใช้หม้อเล็กในการทำ อาหารที่เขาทำมี ปลาไหลนาเส้นผัดพริกหยวก อาหารปลาไหลนาประจำบ้าน ปลาไหลนาผัดแห้ง อาหารพวกนี้จะออกไปทางเผ็ด เหมาะกับฉินสือโอว เกิงจุนเจี๋ยและคนในทีม จึงไม่ต้องใช้หม้อใบใหญ่
นอกจากนี้แล้วยังมีซุปปลาไหลนาที่ตุ๋นอยู่ในหม้ออัดแรงดันขนาดใหญ่ หม้อใบนี้มีช่องระบายอากาศสองช่อง หลังจากต้มจนเดือดหม้อก็จะส่งเสียงฟู่ๆ พร้อมปล่อยไอน้ำออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของปลาไหลนา
ชาร์ครินเบียร์แก้วใหญ่ให้เขา ยิ้มแล้วพูดว่า “มาครับบอส พวกเราดื่มหมดแก้ว”
เบียร์แก้วนี้อย่างน้อยต้องมี 400 มิลลิลิตรได้ แต่ว่าฉินสือโอวก็ชินแล้ว แม้ว่าเบียร์ที่หมักเองจะมีปริมาณแอลกอฮอล์สูง แต่รสชาตินุ่ม และก็ใช้เวลานานกว่าจะเมา เพราะฉะนั้นดื่มหมดแก้วแบบนี้เขาจึงรับได้
เมื่อเห็นว่าถึงเวลากินข้าวแล้ว พวกหู่จือ เป้าจือ ฉงต้า ปอหลัวและคนอื่นๆ ที่ก่อนหน้านั้นเล่นอยู่ตรงสนามหญ้ารีบวิ่งเข้ามาหาทันที
โลลิต้าน้อยของฉงต้าก็หิวแล้วเช่นกัน มันขี้เกียจจะเล่นกับเสี่ยวเถียนกวาต่อ จึงใช้ฝ่ามือตบเสี่ยวเถียนกวาไปหนึ่งทีจนเธอล้มลงไป หลังจากนั้นก็วิ่งตามฉงต้ามา
จักจั่นสีทองที่จับได้ปีที่แล้วยังมีเหลืออีกมาก ฉินสือโอวจึงเอามาทอดนิดหน่อย คนกินสิ่งนี้มีน้อย มีแค่ตัวเขาเองกับไวส์ ไวส์กินตามเขาจนรสชาติปากจะเหมือนคนจีนดั้งเดิมอยู่แล้ว
หู่จือ เป้าจือ หลัวปอน้อยและราชาซิมบ้านั่งเรียงรายเป็นแถวอยู่ข้างๆ ฉินสือโอว พวกเขาก็ชอบกินจักจั่นสีทองทอดเช่นกัน ฉินสือโอวโยนไปทีละชิ้น เจ้าสี่ตัวก็ยื่นหัวออกมารับ เป็นจังหวะมาก หนึ่งตัวต่ออีกหนึ่งตัว ฮิลตันคนน้องที่มองดูหัวเราะร่วนออกมา
ดังนั้น ฮิลตันคนน้องจึงลุกขึ้นมาโยนคุกกี้บ้าง แต่ผลปรากฏว่าเจ้าพวกนี้แต่ละคนมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีใครกินอาหารที่เธอให้สักคน…
คนที่ชอบกินจักจั่นสีทองทอดมากที่สุดยังคงเป็นเฟอเรทผู้น้อง เฟอเรทแบลคฟุตมีทางเดินอาหารสั้น ร่างกายมีระบบเผาผลาญได้ไว ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงต้องการอาหารเสริมอย่างต่อเนื่อง และอาหารที่ดีที่สุดก็คืออาหารจำพวกโปรตีนสูง
จักจั่นสีทองทอดที่เตรียมให้เฟอเรทผู้น้องจะทอดสุกมากไม่ได้ แค่ลงไปทอดแป๊บเดียวก็พอแล้ว เพราะเมื่อเป็นแบบนี้โปรตีนจะดูดซึมและย่อยได้ง่ายกว่า เจ้าสองตัวนี้กินน้อย แต่ละตัวพอกินจักจั่นสิบกว่าตัวเสร็จก็วิ่งหนีออกไปแล้ว เหลือไว้เพียงฉินสือโอวที่นั่งด่าพวกมันว่าไม่มีน้ำใจ
…………………………