ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1666 ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในยามพระอาทิตย์ตก
รถแล่นเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว หมาเหว่ยหลงนั่งอุ้มตั๋วตั่วที่เบาะหลัง ทั้งหวีผมให้เธอ ทั้งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่าและไม่พูดอะไรสักคำตลอดทาง
ฉินสือโอวถาม “เป็นอะไรไป แกดูเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจนะ”
เหมาเหว่ยหลงหันหน้ากลับมา ดวงตาของเขาสดใสมากแต่กลับดูสับสน “ฉิน ฉันกำลังคิดว่ายังจำเป็นต้องอยู่ที่แคนาดาไหม บางทีฉันอาจจะต้องกลับประเทศจีน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉินสือโอวถึงกับตกใจสะดุ้งขึ้นพร้อมกับอุทานว่า “แกเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมา? จะกลับประเทศจีนทำไม? อยู่แฮมิลตันไม่ดีเหรอ?”
ถ้าเหมาเหว่ยหลงกลับประเทศจีน ฉินสือโอวก็จะไม่มีเพื่อนที่นี่ แม้ว่าปกติพวกเขาจะไม่ได้พบกันบ่อยนัก แต่ก็เป็นเพราะทั้งคู่ต่างคนต่างยุ่งและจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในช่วงวันหยุด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ปกติแล้วก็มักจะโทรศัพท์และแชทออนไลน์ ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอีกแบบ เพราะการเดินทางที่สามารถเข้าถึงได้ในระยะเวลาสามถึงสี่ชั่วโมงจะไม่เรียกว่าการเดินทาง
เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างใจเย็นว่า “เดิมทีฉันมาแฮมิลตัน เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัว ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ซูซูมีลูก พ่อแม่ของฉันก็ยอมรับเธอแล้ว เมื่อเป็นแบบนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้ว”
เขาหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดอีกว่า “นอกจากนี้ ฉินแกดูสิ ฉันอยู่ที่แฮมิลตันแทบจะไม่มีอะไรทำเป็นของตัวเองเลย มันจบแล้วล่ะ ถ้ากลับไป ก็แทบจะไม่มีอะไรยากเกินตัวฉันเลย พลังจากครอบครัวเราแกก็รู้ดี ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดได้แค่ว่า “ไม่ใช่ว่าแกก็ยังมีฉันเหรอ? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันยินดีที่จะช่วยแกนะ”
นี่เป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกอ่อนแอเล็กน้อย คนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเอง เงินหนึ่งร้อยหยวนของคนอื่นไม่ภูมิใจเท่ากับเงินห้าสิบหยวนของตัวเอง หลังจากเหมาเหว่ยหลงกลับประเทศจีนแล้วจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้มากขึ้น
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็เย็นแล้ว ฉินสือโอวจึงลงจากรถและมองไปทางทิศตะวันตก แสงยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกอันแสนอึมครึม พร้อมกับเปลวไฟขนาดใหญ่เหมือนกับสีเลือดกระจายไปทั่วท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้อารมณ์ของเขาดำดิ่งลงเรื่อยๆ
เออร์บักตบไหล่เขาเบาๆ จากข้างหลังพร้อมพูดว่า “อย่าคิดมาก เหมาก็แค่รู้สึกเหนื่อยที่เป็นแบบนั้น เขาจะอยู่ที่นี่ นายพักผ่อนให้สบายก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ผมรู้จักเขาดี ถ้าเขาพูดแบบนี้ก็แสดงว่าต้องจริงจังกับเรื่องนี้”
เออร์บักไม่ได้ตอบเขาอะไรเขาไปตรงๆ แต่ถามว่า “ฉิน ทำไมนายไม่กลับไปล่ะ? อย่าบอกฉันนะว่ามันไม่เกี่ยวกับในประเทศ นายจะเอาทรัพย์สินทั้งหมดในแคนาดากลับไปยังประเทศจีนหลายพันล้านหลายหมื่นล้าน ฉันพนันได้เลยว่าภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี นายจะสามารถสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ได้กว้างกว่าในแคนาดา”
ฉินสือโอวว่า “ผมจะขายฟาร์มปลาได้อย่างไร? ฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามของผม!”
เออร์บักตบไหล่เขาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ฟาร์มแห่งนี้ก็เป็นแรงกำลังและผลงานของเหมาเช่นกัน มันถูกสร้างด้วยสองมือของตัวเองและภรรยา โดยไม่พึ่งพาครอบครัวเลย ลูกสาวของเขาชอบ ที่นี่ ลูกชายของเขาเกิดที่นี่ ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงยอมทิ้งทุกอย่างนี้ล่ะ?”
เมื่อฟังการวิเคราะห์ของชายชราแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกเห็นด้วย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง
เหมาเหว่ยหลงอุ้มตั๋วตั่วลงจากรถ หลิวซูเหยียนที่รออยู่หน้าประตูก็ยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อเห็นเขาและพูดว่า “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันเตรียมน้ำไว้ให้อาบแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้พูดอะไร หลังจากจูบลงที่หน้าผากของเธอแล้วเขาก็หยิบกิ๊บรูปผีเสื้อออกมาจากกระเป๋าเสื้อและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเห็นมันที่แฮมิลตัน มันสวยมากก็เลยซื้อมาให้คุณ”
ฉินสือโอวถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ฉันยังคิดว่า ฉันจะได้เห็นอะไรดีๆ ในการอยู่ร่วมกันของครอบครัวหลังจากที่ได้แยกจากเหตุการณ์ความเป็นความตาย มันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยเหรอ?”
สุนัขพิตบูลรูปร่างแข็งแรงฝูงหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นวิ่งตามเหมาเหว่ยหลงพร้อมกับเห่าส่งเสียงไม่หยุด ซึ่งเหมือนกับเป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเล็กน้อย
หลิวซูเหยียนได้ยิน จึงยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นกลับไปเราจะจัดการให้คุณดีไหม?”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ขึ้น เขารู้สึกว่าตอนนี้เหมาเหว่ยหลงคนนี้ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความรัก คุณคิดว่าอย่างไร? ถ้าเธอไม่มีประสบการณ์มากพอจะพาเธอไปพบกับความเจริญรุ่งเรืองของโลก ถ้าใจเธอโลเล จะพาเธอนั่งม้าหมุน ในตอนนี้เหมาเว่ยหลงยังคงคิดที่จะให้ของขวัญกับหลิวซูเหยียน แม้ว่ามันจะดูเรียบง่าย แต่ก็แสดงถึงความรักที่แท้จริงของเขา!
ชาวแคนาดาชอบปลูกต้นไม้ใหญ่จำนวนหนึ่งถึงสองต้นไว้ข้างบ้าน วิลล่าที่ฟาร์มปลาต้าฉินจึงมีต้นเมเปิลขนาดใหญ่ทั้งสองข้างทาง ในฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงก็มีต้นเพาโลว์เนียเตี้ยๆ ต้นหนึ่ง ซึ่งกำลังเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ มีใบสีเขียวปกคลุมอยู่หนาแน่น ฉินสือโอวจึงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้มองดูตั๋วตั่วกำลังหยอกล้อกับสุนัขตัวใหญ่สองสามตัวเล่นอยู่ที่นั่น
หลังจากนั้นหลิวซูเหยียนจึงนำเบียร์มาให้เขาสองสามขวดและถามว่า “คืนนี้คุณอยากกินอะไร? ที่นี่เราเลี้ยงวัว แกะ ไก่เป็ดและห่านเอง คุณอยากกินอะไรก็จัดการได้เลย”
ฉินสือโอวถามด้วยความสนใจว่า “พวกคุณเลี้ยงกี่ตัว?”
หลิวซูเหยียนนับพร้อมพูดว่า “วัวมีน้อยที่สุดมีทั้งหมด 25 ตัว เป็นโคเนื้อแอนเดียนทั้งหมด ส่วนแกะมีประมาณร้อยตัว ไก่ เป็ดและห่านไม่แน่ใจ เสี่ยวหลงก็เลี้ยงไก่ เป็ดและห่านเหมือนกับคุณ ที่เลี้ยงไว้เพื่อใช้ทำกินเองเป็นหลัก ไม่หาเงินจากไก่ เป็ดและห่าน”
ฉินสือโอวว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ไม่ได้เลี้ยงวัวและแกะจำนวนมากด้วยเช่นกัน วัวและแกะจำนวนน้อยแบบนี้ก็ทำเงินไม่ได้มากใช่ไหม?”
หลิวซูเหยียนหัวเราะขึ้นแล้วพูดว่า “ก็ยังพอได้นะคะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เนื้อวัวและเนื้อแกะของเราที่ผลิตที่นี่จะดีกว่าฟาร์มอื่นๆ ในเมือง ดังนั้นจึงขายได้ในราคาสูงกว่านิดหน่อย นอกจากนี้ เสี่ยวหลงต้องการพัฒนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะจ้างคาวบอย ถึงตอนนั้นเราก็จะขยายขนาดการผสมพันธุ์ได้ ซึ่งตอนนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่การเพาะปลูกอาหารเป็นหลัก”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกสงบขึ้นในใจ จากคำพูดของหลิวซูเหยียน เหมาเหว่ยหลงน่าจะมีแผนพัฒนาฟาร์มระยะยาว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่รีบกลับประเทศจีนหรอก?
ส่วยเนื้อวัวและเนื้อแกะในฟาร์ม จะต้องเกี่ยวกับหญ้าของที่นี่แน่นอน ฉินสือโอวได้มาช่วยตอนที่จะปลูกหญ้าในฟาร์มและได้แผ่พลังโพไซดอนจำนวนมากลงไปด้วย
หลังจากเหมาเหว่ยหลงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปถามคำถามเดียวกันและพูดว่าโชคดีที่มีเขา จัดเตรียมฆ่าวัวทำเนื้อย่างให้เขา
ฉินสือโอวโบกมือไปมาพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไร ในตู้เย็นแกไม่มีเนื้อวัวและเนื้อแกะไม่ใช่เหรอ? พวกเรามีคนอยู่น้อยแค่นี้ จะฆ่าวัวฆ่าแกะมันไม่คุ้มหรอก เมื่อไรที่แกจะจัดงานเลี้ยงในเมืองให้เรียกฉัน ถึงตอนนั้นจะฆ่าวัวและแกะให้”
เหมาเหว่ยหลงยังคงยืนกรานที่จะฆ่าแกะภูเขาตัวเล็กแค่ตัวเดียว มีเบิร์ด คนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไร เขาควงมีดไปรอบๆ พร้อมกับลอกหนังแกะออก จากนั้นก็นำอวัยวะภายในออก แยกเนื้อซี่โครงและกระดูกชิ้นใหญ่ แกะตัวเล็กๆ จะใช้เวลาจัดการแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เนื้อแกะส่วนจะขาเหลือไว้สำหรับทำบาร์บีคิว เหมาเหว่ยหลงหยิบเครื่องปรุงรสออกมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ฉันจะทำขาแกะย่างให้แกะ แต่วัวและแกะที่พี่น้องฉันเลี้ยงเป็นสีเขียวบริสุทธิ์ รสชาติจึงจะแตกต่างจากของแกอย่างแน่นอน”
นอกจากขาแกะแล้ว ยังเหลือซี่โครงอีก 4 ซี่สำหรับย่าง ซี่โครงชิ้นอื่นๆ จะเอาไปต้มในหม้อ โดยเหมาเหว่ยหลงใช้น้ำสะอาดต้ม ไม่ใส่น้ำมัน เครื่องปรุงรสและเกลือ หลังจากต้มจนสุกแล้วก็จะจิ้มกินกับเครื่องปรุงรสเพื่อให้ได้รสชาติ
………………..