ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 168 ไม่มีอะไรดีเท่าบ้าน
ตั้งแต่มาถึงสนามบินนานาชาติโทรอนโต ฉินสือโอวก็ยังหันมองรอบข้างไม่หยุด
จนเหมาเหว่ยหลงจับหัวเขาหันมาพูดอย่างทนไม่ไหว “พอแล้วพอแล้ว เพื่อน จะหวานกันก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย มองไม่เห็นเขาแล้ว นายยังจะหันหาอะไรอีก?”
ฉินสือโอวยิ้มเยาะตอบว่า “ฉันจะมองหาเงาภรรยาฉัน นายจะทำไม อิจฉาตาร้อนหรือไง?”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะประชดแล้วชี้ใส่เขา เอ่ยว่า “ฉันเนี่ยนะอิจฉาตาร้อน? ถ้าไม่ได้พ่อ ไอ้หนูอย่างนายเหรอจะได้แฟน? ได้เจ้าสาวแล้วโยนแม่สื่อข้ามกำแพงทิ้งนี่หว่า ฉินโซ่วหนอฉินโซ่ว ไม่นึกว่าเลยว่าพ่อหนุ่มหน้ามนอย่างนายจะเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน!”
ทั้งสองต่างส่งเสียงเอะอะ หลังได้พักคืนหนึ่งก็เปลี่ยนเครื่องจากโทรอนโตไปเซนต์จอห์นต่อ
เทียบกับบอสตันและไมอามี เซนต์จอห์นมีพื้นที่ใหญ่กว่า
อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวชอบสไตล์บ้านนอกแบบนี้ เมื่อมาถึงท่าเรือหมายเลขหนึ่ง เขาก็สูดลมทะเลเข้าเต็มปอดแล้วถอนหายใจ “นี่แหละบ้านฉัน!”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะเยาะต่อและชี้ใส่เขาอีกครั้ง “ฉินโซ่วหนอฉินโซ่ว ไม่นึกว่าเลยพ่อหนุ่มหน้ามนอย่างนายจะนับประเทศต่างแดนเป็นบ้านเกิดตัวเองแล้ว?”
ฉินสือโอวเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “งั้นฉันบอกว่าไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านตัวเองแทนก็พอใช่ไหม?”
ทันทีที่นั่งเรือโดยสารมาถึงเกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวก็ขับเจ็ทสกีแล่นไปบนทะเล จนถึงเขตฟาร์มปลาแล้วปลดปล่อยจิตสำนึกโพไซดอน
ในพื้นที่แนวปะการัง บอลหิมะกับไอซ์สเกตกำลังไล่ดักฉลามแมวเล่นกัน อย่างไรฉลามกบก็อยู่ในวงศ์ตระกูลฉลาม มาตอนนี้กลับโดนลูกวาฬเบลูกากับลูกฉลามเสือทรายรุมรังแก ช่างเสียชื่อพวกฉลามจริงๆ
ฉินสือโอวช่วยพ่อคนเสียหน้าโดยการแผ่จิตสำนึกโพไซดอน บอลหิมะกับไอซ์สเกตหันมาทันที แล้วไล่ตามจิตสำนึกด้วยความดีใจมาทางฉินสือโอว
เจ็ทสกีของเหมาเหว่ยหลงอยู่ไม่ไกลจากฉินสือโอว เขาทำเหมือนล่องไปในเจ็ดคาบสมุทรเพื่อเตรียมแต่งกลอนน้ำเน่าสักบท ก็ปรากฏครีบหลังสีขาวสองครีบว่ายแหวกคลื่นมาขนาบข้าง พร้อมหัวกลมหัวแหลมสองหัวโผล่พ้นน้ำ
“เชี่ย ฉลาม!” เหมาเหว่ยหลงกรีดร้อง
เขารีบหักหัวเลี้ยวทั้งมือสั่น จังหวะนั้นบอลหิมะกับไอซ์สเกตก็พุ่งมาพอดี แต่พวกมันไม่ได้เหลือบมองเขาแม้แต่น้อย เพียงตรงไปทางฉินสือโอว พอเข้าใกล้แล้วไอซ์สเกตก็เข้าพ่นน้ำใส่ ส่วนบอลหิมะส่งเสียง ‘บรืนบรืน’ อยู่ด้านข้าง
พลังในการเลียนเสียงของบอลหิมะพัฒนาขึ้นมาก คงเป็นผลจากพลังโพไซดอนที่วิวัฒนาการมัน มันเลียนเสียงคำรามของเครื่องยนต์ติดท้ายเรือเจ็ทสกี ซึ่งฟังดูคล้ายของจริงทีเดียว
พอฉินสือโอวดับเครื่องยนต์ เจ็ทสกีจึงเหมือนเรือเล็กที่ลอยบนน้ำ ถึงคลื่นทะเลจะโคลงเคลง แต่เทพเจ้าสายฟ้ามืดเป็นเจ็ทสกีลำใหญ่ที่มีศูนย์ถ่วงมั่นคงมาก ล่องโคลงเคลงไปตามคลื่นได้โดยไม่เกิดการพลิกคว่ำ
บอลหิมะยื่นหัวมาด้านข้างส่งเสียง ‘บรืนบรืน’ ต่อ ส่วนไอซ์สเกตพลิกตัวสาดน้ำใส่เขาไปมา ไม่นานก็ทำเขาเปียกทั้งตัว สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ฉินสือโอวยื่นมือไปลูบพวกมันทั้งสอง เหมาเหว่ยหลงที่คอยดูอยู่ไม่ไกลกำลังวนรอบๆอย่างลังเล เขาไม่แน่ใจว่า ฉินสือโอวดับเครื่องไปหรือยัง เสียงเครื่องยนต์ท้ายเรือก็ยังคำรามอยู่ แต่ทำไมเจ็ทสกีถึงไม่เคลื่อนไหวเลย?
เล่นเป็นเพื่อนกับบอลหิมะและไอซ์สเกตสักพัก ฉินสือโอวก็สตาร์ทเจ็ทสกีใหม่เพื่อขับไปยังฟาร์มปลา โดยมีทั้งสองตัวตามหลัง โผล่น้ำมาเป็นพักๆ น่าเสียดายที่เล่นแสดงการกระโดดเหนือน้ำแบบโลมาไม่ได้
เมื่อใกล้ถึงชายหาดฟาร์มปลา บนท้องฟ้าก็ปรากฏเงาดำ ไม่ช้าเงานั้นก็ใหญ่ขึ้น นกสีดำตัวหนึ่งทะยานลงมา พอถึงเหนือหัวฉินสือโอวมันก็กระพือปีกรุนแรง กรงเล็บผอมบางของมันเข้าเกาะบนไหล่ หุบปีกแล้วขดตัวอย่างนั้น
เหมาเหว่ยหลงจะบ้าตาย นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ทีแรกฉินสือโอวก็สะดุ้ง ยังคิดว่าเป็นนกตัวใหญ่ที่มาล่าบอลหิมะกับไอซ์สเกต ที่แท้ก็คือนกฟรีเกตนิมิตส์เชสเตอร์นั่นเอง
ช่วงปีก อก ท้อง คอของเชสเตอร์ มองไม่เห็นบาดแผลแล้ว แถมยังงอกขนใหม่อย่างรวดเร็ว ขนที่ขึ้นใหม่ยังสั้นแต่ก็นุ่ม ทำให้มันดูไม่ค่อยน่าเกรงขามเท่าไร ดูยุ่งเหยิง เหมือนทรงผมโอตาคุมากกว่า
ฉินสือโอวขับเจ็ทสกี พลางใช้หัวถูไถปีกเชสเตอร์ จนมันเริ่มยืนไม่อยู่ จึงรีบยื่นหัวไปคลอเคลียเขาคืน ก่อนกางปีกบินขึ้นอีกครั้ง แต่ยังอยู่บริเวณเหนือหัวฉินสือโอว ดูคล้ายกับเครื่องบินสีดำลำเล็ก
ตอนใกล้ถึงฝั่ง บอลหิมะกับไอซ์สเกตยังตามหลังมา ฉินสือโอวรีบแปะหัวพวกมันให้กลับไปยังเขตปะการัง ไม่ให้เข้าใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยุ่งยากตามมา
ไอซ์สเกตพ่นน้ำใส่อีก ส่วนบอลหิมะส่งเสียงขัดใจเล็กน้อย ก่อนทั้งสองจะดำน้ำลงไป
สองตัวนั้นจากไปไม่ทันไร ก็มีอีกสองตัวโผล่หน้ามา หู่จือกับเป้าจือทั้งกระโดดทั้งเห่าอยู่ตรงชายหาด หูใบใหญ่โบกสะบัดไปมา หางเล็กๆ หมุนไม่หยุด แทบจะกลายเป็นใบพัดเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปแล้ว
“เด็กดี คิดถึงฉันไหม?” ฉินสือโอวกระโดดไปยังชายหาดแล้วอุ้มหู่จือกับเป้าจือ
การไปอเมริกาครั้งนี้เป็นการแยกจากที่ห่างไกลที่สุดตั้งแต่ฉินสือโอวเลี้ยงทั้งสองตัวมา ตอนนี้เมื่อได้กลับมาเจอกัน เจ้าสองตัวจึงตื่นเต้นดีใจมาก ซุกเข้าอ้อมกอดเขา ยื่นลิ้นไปเลียหน้าเขาไม่หยุด
เหมาเหว่ยหลงโผล่หน้าเข้ามาแจมอยากอุ้มแลบราดอร์น่ารักๆ บ้าง แต่หู่จือกลับหันหัวหลบมือเขา เหลือบมองเขาทีหนึ่ง เหมาเหว่ยหลงชะงัก พูดว่า “ดูสายตามันสิ ฉันควรรู้สึกยังไงเนี่ย เจ้าเด็กนี่ เกลียดฉันแล้วหรือไง?”
พอฉินสือโอวกลับมา สนามหญ้าหน้าวิลล่าก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา ฉงต้า ต้าป๋าย หู่จือ เป้าจือ เสี่ยวหมิงและครอบครัวกระรอกน้อย ตอนเชสเตอร์ร่อนลงมา ขาของมันยังไม่หายดี จึงยังเดินตุปัดตุเป๋แต่แน่วแน่มาหยุดตรงหน้าฉินสือโอว
เหมาเหว่ยหลงที่ยังหดหู่เอ่ยว่า “ฉันว่านะฉินโซ่ว นายมันเหมาะกับชื่อนี้มากเลย เจ้าฉินโซ่วน้อยที่ช่วยไว้ทำเหมือนนายเป็นพ่อเสียแล้ว”
ฉินสือโอวครึ้มใจทีเดียว เขารู้สึกภูมิใจมาก ใช่สิ ก็เจ้าตัวนี้ได้นับเขาเป็นคนสำคัญที่สุดแล้ว
ฉินสือโอวกลับมา พวกมันก็เจริญอาหารขึ้น ฉินสือโอวผัดไข่ผัดข้าว โดยมีหู่จือกับเป้าจือกลืนน้ำลายอึกๆ ฉงต้าพยายามไม่อ้าปากค้าง
ชาร์คบอกว่า “พวกมันไม่ได้จริงจังกับการกินขนาดนี้มาหลายวันแล้ว”
โทรศัพท์ฉินสือโอวแผดเสียง เขาเห็นว่าเป็นวินนี่จึงรับสาย ตื่นเต้นเล็กน้อย เขาเปิดวิดีโอคอล ให้เธอเห็นพวกเด็กๆ
หู่จือกับเป้าจือเห่าเรียกเธออย่างสนิทสนมสองครั้ง ฉงต้าไม่เล่นด้วย ฉินสือโอวยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้ามัน มันไม่สนใจคำเรียกเอาใจของวินนี่และเอาหัวดันออก แล้วจุ่มหน้ากินข้าวผัดต่ออย่างตะกละตะกลาม
วินนี่หลุดหัวเราะ ฉินสือโอวเอ่ย “ดูสิ ความน่ารักคุณก็มีวันหมดเหมือนกันสินะ?”
วินนี่ตอบ “ไม่เป็นไร มันยังไม่เคยเจอฉันตัวจริง ไว้ได้เจอกันก่อนเถอะ ฉงต้าได้หลงเสน่ห์ฉันแน่ จริงสิ ฉิน คุณต้องให้ฉงต้าลดน้ำหนักแล้วนะ อย่าให้มันอ้วนเกินไป สามีเพื่อนมหาวิทยาลัยของฉันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมี เขาบอกว่าหมีสีน้ำตาลที่อ้วนเกินไปจะมีผลกับการเจริญเติบโตของกระดูก และทำให้มันป่วยง่าย”
ฉินสือโอวครุ่นคิด ก็จริง พอฉงต้ามาอยู่ที่ฟาร์มปลาก็ออกกำลังกายน้อยมาก
ตอนปีนเขาครั้งล่าสุด ฉงต้าทั้งปีนเขาขึ้นลงวิ่งผ่านทุ่งหญ้า ใช้พลังงานเยอะทีเดียว ครั้นเผชิญหน้ากับหมาป่าสีเทาก็ไม่เกรงกลัว กล้าพุ่งเข้าต่อสู้ ควรค่าแก่การเป็นราชาแห่งหุบเขา
เขามองฉงต้าแล้วพยักหน้า เอาล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้จะเริ่ม พาฉงต้าไปออกกำลังกายแล้ว
………………………………………………………..