ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1693 ฉินสมบัติจม
ฉินสือโอวยักไหล่พูดว่า “งั้นพวกเราลองทำดูได้ ฉันเห็นว่านิสัยของเจ้าพวกนั้นดีมาก”
ดังนั้น เขาเลยให้สัญญาณบูลไปปล่อยเรือคายัคลงไป คิดจะไปวัดขนาดหัวของวาฬหัวทุยตัวจ่าฝูง เลือกเจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ขี่ก็แล้วกัน
เห็นเขาเอาจริง พวกชาวประมงก็เป็นกังวล รีบพูดโน้มน้าวให้เขาอย่าคิดเพ้อฝันไม่เป็นจริง พวกเขากังวลว่าฉินสือโอวจะมีอันตราย ฟาร์มปลาต้าฉินและแบรนด์ต้าฉินอยู่ภายใต้การควบคุมของเขานะ ถ้าเขาเป็นอันตรายขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่มีเจ้าของฟาร์มปลาที่ใจกว้างแบบนี้ให้ติดตามแล้ว
ฉินสือโอวรู้ดีอยู่แก่ใจ ยืนยันจะขึ้นไปบนเรือคายัค ดังนั้นพวกคนงานหลักอย่างชาร์ค ซีมอนสเตอร์และบลูต่างก็ปีนตามขึ้นไปด้วย ถ้าเกิดมีอันตรายก็สามารถไปช่วยเหลือเขาได้
หลังดูดซับพลังโพไซดอนแล้ว ฝูงวาฬหัวทุยก็อ่อนโยนขึ้นมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกมันลอยอาบแดดอยู่บนผิวน้ำ แสงแดดที่ร้อนระอุส่องกระทบอยู่บนตัวของพวกมันผ่านน้ำทะเลก็อบอุ่นขึ้นมา พวกมันอาบแดดจนขี้เกียจ นอกจากหางที่แกว่งไปมาในบางครั้งเพื่อรักษาสมดุล ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นอีก
เรือคายัคค่อยๆ เข้าไปใกล้วาฬหัวทุยตัวหนึ่ง ฉินสือโอวก้มตัวลงยื่นมือลูบหัวของมัน เปียกและลื่นเย็นนิดๆ ความรู้สึกไม่เลวเลย เหมือนราวกับกำลังจับพลาสติกแรปอาหารที่มีน้ำค้างเกาะอยู่
เรือคายัคชนเข้ากับลำตัวของวาฬหัวทุยอย่างนี้ มันจึงขยับร่างกายอย่างอึดอัด จากนั้นจึงว่ายไปอีกทาง เพราะอย่างนี้จึงเกิดเป็นคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งในทันใด ทำให้เรือคายัคสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง
พวกซีมอนสเตอร์จับเชือกบนเรือเรือคายัคแล้วร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นมาว่า “ว้าว เจ้านี่มันแรงซะจริง!” “จับไว้ให้แน่น แยกกันนั่ง ระวังตกลงไป!” “มองเจ้านี่จากข้างหน้านี้มันใหญ่มากเลย พระเจ้า ดูทางนั้น ตัวนั้นยิ่งใหญ่!”
ทำตามสัญญาณของนีลเซ็น ฉินสือโอวเห็นจ่าฝูงปรากฏออกมาแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ได้หายไปไหน ยังคงลอยอาบแดดอยู่เหนือน้ำทะเลอย่างนั้น ตอนที่มันเอียงหัวออกมา มองจากด้านข้างเหมือนอย่างกับเกาะเล็กเกาะหนึ่งซะจริง
วาฬหัวทุยตัวนี้ตัวใหญ่ที่สุด โดยรวมยาวยี่สิบเมตร ส่วนหัวสามารถยาวถึงเจ็ดเมตร มันเหมือนจะนอนหลับไป ลอยคออยู่บนทะเลและเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ตามคลื่น ส่วนตัวไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร
ปกติวาฬหัวทุยมักจะนอนลอยอยู่บนน้ำ อีกอย่างพวกมันหลับได้ลึกมาก มักจะลอยนิ่งๆ อยู่บนน้ำนานหลายชั่วโมง มีเรือใหญ่นอกชายฝั่งทะเลบางลำจอดอยู่บนทะเลตอนกลางคืน พอวันที่สองก็พบกับสถานการณ์ที่มีวาฬหัวทุยนอนลอยอยู่ข้างเรือนิ่งๆ
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่าวาฬหัวทุยอยู่กันเป็นฝูง ในสายเลือดของพวกมันมียีนที่พึ่งพาผู้แข็งแกร่งอยู่ นั่นก็คือพวกมันจะพึ่งพาผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เรือใหญ่บางลำจอดทอดสมอเรืออยู่บนทะเล เห็นในตอนกลางคืนจะทำให้พวกมันคิดว่านี่เป็นเผ่าเดียวกันที่ใหญ่กว่าเก่งกว่าตัวเอง ก็จะขยับเข้าไปหลับอยู่ใกล้ๆ
คนญี่ปุ่นชอบใช้วิธีนี้มาล่อวาฬหัวทุย และวาฬหัวทุยที่เข้าสู่การหลับลึกจะไม่หลงเหลือพละกำลังต่อสู้เลยสักนิด แล้วแต่คนอื่นจะฆ่าจะแกง
เรือคายัคลอยตามคลื่นไปยังหัวของจ่าฝูง พอดีกับที่เรือคายัคลำนี้เองก็มีความยาวประมาณห้าเมตร ครอบอยู่บนหัวของมันได้พอดิบพอดี
ด้วยอย่างนี้จ่าฝูงวาฬหัวทุยค่อยๆ ตื่นขึ้น พวกชาวประมงไม่ได้สังเกตเห็น ยังคิดจะออกไปจากการกระทบของคลื่นทะเล เพราะว่าเวลานี้เรือเล็กจะแนบเข้าไปบนหัวของวาฬหัวทุยแล้ว ถึงจะเกยตื้น ก็ไม่สามารถใช้ไม้พายพายจากไปได้ ไม่อย่างนั้นจะทำร้ายวาฬหัวทุยเอาได้ ถ้าหากทำให้มันโกรธขึ้นมา นั่นจะลำบากเอาได้!
คนที่ไม่ได้เข้าใกล้วาฬหัวทุยเอง ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ นี่ไม่เหมือนกับการเผชิญหน้ากับสัตว์บกอื่นๆ บนทะเลคนจะขาดรู้สึกปลอดภัยโดยธรรมชาติ ในเวลานี้ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ทะเลที่ยาวกว่ายี่สิบเมตร ในใจจึงหวาดกลัวเป็นที่สุด
หลังจ่าฝูงตื่นมาก็ใช้หางตีน้ำทะเลเคลื่อนไหวขึ้นมา ด้วยแบบนี้หัวของมันจึงชนเข้ากับเรือคายัคพอดิบพอดี ทำให้เรือคายัคสั่นไหวขึ้นมา
พวกชาวประมงเหมือนกับกำลังเล่นลอยลำ แต่ละคนรีบคว้าเชือกบนเรือคายัคเอาไว้ ชาร์คตะโกนอยู่ตรงนั้นเสียงดัง “จับเอาไว้ ตาแก่เกิง อย่ามัดแขนเอาไว้! ถ้าหากเรือพลิกคว่ำ แบบนี้นายจะหนีรอดยังไง?!”
เรือถูกวาฬหัวทุยชน สุดท้ายแล้วแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เรือต้องพลิกคว่ำแน่ เพราะว่าวาฬหัวทุยคิดว่ามีสิ่งของมาครอบอยู่บนหัว มันจะพยายามชนกระแทกออกไป ดังนั้นจึงชนให้เรือเล็กพลิกคว่ำเอาได้
แต่ว่าตอนนี้มีฉินสือโอวควบคุมอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่ เขาปลอบจ่าฝูงให้ดำลงน้ำไป ด้วยวาฬหัวทุยที่ดำน้ำลงไปด้านล่างทั้งตัว ลำตัวของมันพาให้เกิดคลื่นใหญ่ระลอกหนึ่ง ดันให้เรือคายัคลอยไปอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
หลังจากออกจากจ่าฝูงแล้ว ฉินสือโอวก็กลับขึ้นไปบนเรือ จากนั้นเขาก็ติดต่อหาเรค บิ๊กฟุต ให้เขาช่วยจัดเตรียมอานไม้ขนาดใหญ่อันหนึ่ง ถึงเวลามัดเอาไว้บนหัวของจ่าฝูงให้มันเป็นสัตว์ขี่ของเขา
หลังได้รับโทรศัพท์ เรคบอกว่าเรื่องนี้เขาทำไม่ได้ แต่เขารู้จักร้านในโอเชี่ยนพาร์คของโทรอนโตมีของสิ่งนี้อยู่ จะสั่งซื้อต้องรอสองสามวันถึงจะส่งมาถึง
เวลาแค่นี้เขารอได้ หลังเอาเงินมัดจำให้เรคไปสองวัน อานไม้ขนาดใหญ่แบบนี้ก็ส่งมาถึงแล้ว
สำหรับประสิทธิภาพการทำงานของเรค ฉินสือโอวรู้สึกตกใจเล็กน้อย เรคให้เขามาเอาเอง ในเวลาเดียวกันก็ยิ้มบอกกับเขาว่า “เดิมทีของสิ่งนี้ขนส่งมาทางเรือ ครั้งนี้ผมให้พวกเขาขนส่งมาทางอากาศ ค่าขนส่งแพงไปหน่อย แต่คุณคงไม่ใส่ใจแน่นอน ใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวร้องจนว่า “ฉันจะไม่ใส่ใจได้ยังไง? คนทั้งบ้านยังต้องพึ่งฉันพึ่งฟาร์มปลามีชีวิต ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดี ใช้ชีวิตลำบากมากเลย”
เรคพูดอย่างไม่พอใจว่า “คำนี้ออกมาจากปากของคุณ ทำไมผมถึงรู้สึกระคายหูขนาดนี้กัน? เพื่อน ผมคิดว่าผมพูดคำพวกนี้ถึงจะเหมาะกว่านะ แต่ถ้าหากผมเก็บกู้ซากเรือมูลค่าสองพันล้านลำหนึ่งขึ้นมาจากน้ำได้ งั้นผมก็จะไม่พูดอะไรแล้ว”
เพราะว่าซากเรือขวานดำ ฉินสือโอวจึงโด่งดังมากในนครเซนต์จอห์น ตอนที่เขาขับเรือไปเอาอานไม้ที่ท่าเรือของเมือง ผู้คนจำเขาได้ ตั้งแต่วินาทีที่เขาปรากฏตัวที่ท่าเรือ จึงมีคนเริ่มถามไถ่ว่า “ฉิน คุณหาซากเรือลำนั้นเจอได้ยังไงกัน?”
ฉินสือโอวยิ้มบอกว่าเขาโชคดี แต่ว่าพวกชาวประมงก็ไม่ปล่อยเขาไป ถึงกับมีคนเอาแผนที่เรืออับปางเก่ามาหาเขา มาเจรจากับเขาอยากจะไปเก็บกู้สมบัติเหล่านี้ด้วยกัน
และยังมีคนบอกอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “แผนที่ทะเลในมือของผมสืบทอดมาจากคุณปู่ ตำแหน่งอับปางของเรือลำนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ตอนนี้ผมขาดเงินทุนในการเก็บกู้ ถ้าหากคุณยินดีร่วมงานกับผม ผมสามารถแบ่งส่วนแบ่งให้คุณได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์!”
ฉินสือโอวโบกมือว่า “ขอบคุณ เพื่อน แต่ว่าผมไม่ได้เป็นนักเก็บกู้มืออาชีพจริงๆ นะ”
มีชาวประมงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ใครจะเชื่อล่ะ? บริษัท กู้ซาก ดีพโอเชี่ยน ฟิช จำกัด นั่นก็เป็นของคุณ”
ฉินสือโอวยิ้มขื่นๆ ว่า “แต่นายต้องรู้ว่า บริษัทกู้ซากอย่างนี้ในแคนาดามีไม่ถึงร้อยบริษัท ก็มีกว่าแปดสิบบริษัทนะ!”
พวกชาวประมงไม่ปล่อยเขาไป วิ่งตามเขาจะร่วมเก็บกู้ซากเรือในมหาสมุทรแอตแลนติก ราวกับตามดาราอย่างนั้น หลังล้อมเขาไว้ก็ไม่ให้เขาจากไป
เบิร์ดและนีลเซ็นทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดรีบเข้าไปช่วยเหลือ ฉินสือโอวโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งมุดเข้าไปแล้วจากไปก่อน ตอนนี้นีลเซ็นและเบิร์ดยังคงสกัดกั้นพวกชาวประมงที่กำลังเบียดเสียดกันเข้ามา
…………………………………