ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1694 อานวาฬ
หลังจากฉินสือโอวขึ้นรถแท็กซี่แล้วก็ส่งที่อยู่หนึ่งให้คนขับนั่น จากนั้นก็ส่ายหัวล้มพิงอยู่เบาะหลัง
แต่สุดท้าย คนขับขับรถไปด้วยมองเขาผ่านกระจกมองหลังไปด้วย มองดูสักพักอยู่ๆ ก็เปิดปากพูดว่า “คุณฉิน สวัสดีครับ ขออนุญาตให้ผมแนะนำตัวเอง ผมชื่อรอนนี่ เพื่อนของผมต่างก็เรียกผมว่ารอนนี่มือรถด่วน และพ่อของผมมีฉายาหนึ่งเรียกว่าสุนัขทะเลรอนนี่…”
ฉินสือโอว**คำหนึ่ง ว่า “อย่าบอกฉันนะ ว่าพ่อของนายเป็นนักล่าสมบัติทะเล”
คนขับนั่นพยักหน้ายิ้มดีใจว่า “ใช่ๆๆ เขาก็คือนักล่าสมบัติทะเล…”
ฉินสือโอวเกือบจะกระอักเลือดออกมา แต่คนขับกลับยิ้มถามเขาว่า “คุณรู้จักพ่อของผมไหม? เพื่อนของพ่อผมบอกว่าเขาดังมากในสายงานนี้ของพวกคุณ”
“อาชีพของผมคือเลี้ยงปลาไม่ใช่หาสมบัติ ขอบคุณ ซากเรือขวานดำก็ค้นพบมันโดยบังเอิญจริงๆ” ฉินสือโอวจนปัญญาแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังจ้องเล็งการเก็บกู้สมบัติสินะ แม้ว่านี่จะเป็นเส้นทางร่ำรวยอย่างรวดเร็วทางหนึ่ง แต่เห็นชัดว่าเส้นทางนี้ไม่รอด
ความจริงแล้วคนในนครเซนต์จอห์นไม่เพียงถูกกระตุ้นโดยซากเรือโจรสลัดขวานดำ ยังมีเรื่องของแจ็ค จูเลียโน่ที่ไปกระตุ้นพวกเขา ในโรงพยาบาลจูเลียรับการสัมภาษณ์ เขาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ภายในเรือของเขามีทองคำและวัตถุโบราณที่มีมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ล้วนเป็นผลงานที่เขาเก็บกู้จากทะเลในหลายปีมานี้
เรื่องทั้งสองนี้ซ้อนทับเข้าด้วยกัน ถึงได้กระตุ้นชาวประมงในพื้นที่ถึงขนาดนี้
ถึงร้านสินค้าทะเลจากฟาร์มปลาของไวกิ้ง ฉินสือโอวยื่นเงินห้าสิบดอลลาร์แคนาดาให้กับคนขับ บอกว่าไม่ต้องทอนแล้วจึงรีบหนีลงจากรถไป คนขับพูดไม่หยุดระหว่างทาง ทำให้เขากลัวแล้ว
คนพวกนี้ใกล้บ้ากันแล้ว อีกอย่างเขารู้สึกว่าสายตาที่คนขับมองดูเขา เหมือนมองดูกองภูเขาทองอย่างนั้น
มาถึงเขตของเรคเขาก็ไม่ได้สงบเลย มีคนคอยมาทักทายเขาอยู่เรื่อยๆ “สวัสดี เถ้าแก่ฉิน ช่วงนี้ค้นพบซากเรืออะไรบ้างหรือเปล่า?” “เจ้านายขอติดตามด้วย ผมถนัดดำน้ำ!” “ฉินนายซื้ออานไม้ทำอะไรกัน? จะขี่วาฬไปเก็บกู้เหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ หลังเห็นเรคจึงโบกมือว่า “รีบพาฉันไปเอาอานไม้นั่นเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”
เรคพูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “อย่ารีบร้อนสิฉิน ผมมีเลือดไวกิ้งอยู่ในตัวเรื่องนี้คุณก็รู้ใช่ไหม? ”
ฉินสือโอวเห็นเขาเผยอก้นก็รู้แล้วว่าเขาคิดจะปล่อยลมตดอะไร บอกว่า “ซากเรือของบรรพบุรุษไวกิ้งพวกนายฉันไม่สนใจสักนิดเดียว ฉันเองก็ไม่มีความสามารถนั้นด้วย!”
เห็นว่าเป้าหมายของตัวเองถูกรู้ทัน เรคหัวเราะขึ้นมา จากนั้นขับรถพาเขาไปยังสนามบิน
อานไม้ที่เขาสั่งซื้อครั้งนี้มีทั้งหมดสองชุด แต่ละชุดราคาสองหมื่นสี่พันดอลลาร์แคนาดา ราคาไม่ถือว่าถูก เรคอธิบายให้เขาฟังว่าอานวาฬทั้งสองชุดนี้ต่างก็เป็นงานฝีมือทั้งสิ้น อีกอย่างยังเป็นสินค้าประณีตที่ทำด้วยมือ
ในแคนาดาก็เป็นอย่างนี้แหละ สิ่งของอะไรที่เกี่ยวข้องกับงานฝีมือ มูลค่าก็ทวีคูณขึ้นมาทันที ตอนนี้ในประเทศเองก็เริ่มเป็นแบบนี้แล้ว สินค้าที่ผลิตออกมาจากเครื่องจักรนั้นไร้ค่า สินค้าที่ผลิตออกมาด้วยมือนั้นถึงถูกเรียกว่าเป็นงานศิลปะ
อานวาฬทั้งสองชุดล้วนใช้กล่องบรรจุเอาไว้ มันสามารถถอดและติดตั้งได้ ประกอบด้วยหลายส่วน ฉินสือโอวมาถึงสนามบินตรวจสอบแล้วว่าอานวาฬทั้งสองไม่มีชิ้นส่วนอะไรขาดไป จึงลงชื่อและชำระเงิน ธุรกิจนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว
จ้างรถบรรทุกแบนขนอานวาฬทั้งสองชุดไปถึงท่าเรือ ฉินสือโอวก็ถูกพวกชาวประมงล้อมรอบเอาไว้เหมือนกับเป็นดารา นีลเซ็นและเบิร์ดจึงได้แต่จับมือกันเป็นกำแพงคน
หลังอานวาฬยกขึ้นบนเรือประมงแล้ว ฉินสือโอวก็รีบขับเรือออกไปในทันที ที่นครเซนต์จอห์นนี่อยู่ไม่ได้แล้ว พวกชาวประมงคิดเงินคิดจนเป็นบ้ากันไปแล้ว ต่างก็อยากจะรวยข้ามคืนเหมือนอย่างกับเขา
นำอานวาฬส่งไปถึงฟาร์มปลา เขารวบรวมพวกชาวประมงมาถอดและติดตั้ง เรคยิ้มแล้วเข้าไปช่วย ขั้นตอนนี้ไม่ได้ลำบากอะไร อานวาฬคล้ายกับอานม้า เพียงแต่ขนาดใหญ่กว่า ปกติแล้วใช้เพื่อมัดเอาไว้บนหลังวาฬ เพราะว่าร่างกายของวาฬรูปลักษณ์โค้งมนยิ่งกว่าม้า ดังนั้นแกนหลักของอานวาฬชุดหนึ่งนั้นอยู่ที่จุดล็อก สามารถที่จะล็อกไว้บนตัววาฬได้
ตั้งแต่กลางศตวรรษเป็นต้นมา ยุโรปเหนือก็มีวัฒนธรรมการฝึกหัดวาฬ ในตอนนั้นการรบทางทะเลพึ่งพาการสู้รบผ่านกราบเรือทั้งสอง เห็นตอนที่ฉินสือโอวเก็บกู้เรือรบของกองทัพเรือแห่งกษัตริย์นอร์เวย์มีมุมปะทะหนึ่งที่แรงมาก เรือรบตอนนั้นล้วนมีมุมปะทะ ทั้งคู่เข้าปะทะกันก่อน ถ้าหากไม่มีเรือจมลง ก็จะเริ่มเชื่อมกราบเรือ
เหมือนกับการฝึกช้างเพื่อการรบของคนอินเดีย ประเทศเล็กๆ บางประเทศในยุโรปเหนือก็เริ่มฝึกวาฬเพื่อการรบแล้ว ดังนั้นจึงมีอานวาฬเกิดขึ้น การใช้วาฬในการรบมีข้อดีอยู่ที่ความลึกลับผีเข้าผีออก ขอเพียงแค่คนขี่บนวาฬซ่อนอยู่ใต้น้ำ พอถึงเวลาปรากฏอย่างกะทันหันก็สามารถทำการลอบโจมตีได้
แต่จุดที่พึ่งไม่ได้ก็เหมือนการใช้ช้างในการรบ วาฬเองก็ไม่เหมาะที่ใช้เข้าร่วมสงคราม วาฬส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะอ่อนโยน หลังจากพวกมันเจอเข้ากับการกระตุ้นจากเปลวไฟ เสียงและการเข่นฆ่าก็จะมุดลงทะเลลึก
และแน่นอน วาฬสามารถไปยังทะเลลึกได้ แต่เหล่าอัศวินทำได้ไหม? ถ้าหากพวกอัศวินไม่ปล่อยมือ อย่างนั้นก็แย่เลย ถูกพาไปยังทะเลลึกด้วยกัน ถ้าอย่างนั้นถึงเป็นสาวกของพระเยซูก็ต้องคุกเข่า แต่ถ้าปล่อยมือ ถ้าอย่างนั้นพวกวาฬหนีลงทะเลลึกไป คงไม่กลับมาง่ายๆ อีกแน่
กองทัพเรือวาฬอย่างนี้มีอยู่เพียงในประวัติศาสตร์แค่เวลาอันสั้น ไม่ได้หลงเหลือร่องรอยของพวกมันเอาไว้ แต่เรื่องเกี่ยวกับวิธีการฝึกหัดกลับถูกสืบทอดลงมา มีคนฝึกวาฬเพื่อขนของทำงาน และยังมีคนฝึกพวกมันเพื่อช่วยในการหาฝูงปลา
หลังใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่า อานวาฬอันแรกภายใต้การร่วมมือกันก็ถูกประกอบขึ้นมา จากนั้นก็เตรียมส่งไปในทะเล การขนส่งนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ยังดีที่เขามีเกาะล่องแก่ง รองรับอานวาฬได้พอดี ด้วยอย่างนี้จึงใช้เรือลากเกาะล่องแก่งพลาสติกไปตามหาวาฬหัวทุยก็พอแล้ว
สีหน้าเรคเต็มไปด้วยความสงสัย ถามว่า “วาฬหัวทุยที่นี่ของพวกคุณจะสามารถใส่อานวาฬอย่างสบายใจไหม? ผมเห็นวาฬเลี้ยงบางส่วนในโอเชี่ยนพาร์คที่เอาไว้ขี่ ต่างก็ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่ตอนเป็นวาฬน้อย”
สำหรับเรื่องนี้ฉินสือโอวค่อนข้างมั่นใจ ตบอกแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ดูฉันให้ดีละกัน”
ตอนเที่ยงของทุกวันวาฬหัวทุยก็จะลอยขึ้นมาอาบแดด ภายใต้สถานการณ์ปกตินี่พบเห็นได้น้อย เพราะว่าพวกมันกินจุเกินไป อุณหภูมิคงที่กระจายความร้อน ทำให้จำเป็นต้องเคลื่อนไหวและหาอาหารตลอดเวลา
แม้กระทั่งในน่านน้ำที่ค่อนข้างเย็น วาฬหัวทุยก็จำเป็นต้องเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้น ถึงจะรักษาอุณหภูมิของมันเอาไว้ได้ วาฬหัวทุยในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือช่วงฤดูหนาวตอนที่นอนหลับเองก็ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ เวลานอนก็สั้น
อาหารในฟาร์มปลาค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์ ในทุกวันพวกวาฬหัวทุยแค่เพียงอ้าปากรอก็สามารถกินอิ่มได้แล้ว แบบนี้พวกมันก็จะมีเวลาในการพักผ่อนเต็มที่ และเวลาพักผ่อนทำอะไรล่ะ? แน่นอนว่ามันคือการตากแดด แบบนี้ก็จะสามารถดูดซับพลังงานความร้อนรักษาอุณหภูมิและสามารถพักผ่อนได้ด้วย ทำไมถึงไม่ยินดีกันล่ะ?
ไม่ว่าสัตว์ป่าหรือว่าสัตว์ทะเลต่างก็เป็นอย่างนี้ ถ้าเคลื่อนไหวน้อยได้ก็จะเคลื่อนไหวให้น้อย ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่ว่าพวกมันจำเป็นต้องรักษาแรงไว้ให้เพียงพอเพื่อรับมือกับอันตรายที่อาจจะเกิดได้ในธรรมชาติ
หลังจากเรือขับออกไป ตามหาวาฬหัวทุยไม่ได้ลำบากอะไร ที่ไหนมีน้ำพุที่พุ่งออกมาทางด้านซ้ายข้างหน้าประมาณสี่สิบห้าองศา ที่นั่นก็จะมีเงาร่างของวาฬหัวทุยอยู่
……………………………