ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1702 ก็จบไปแบบนี้
ฉินสือโอวนั่งอยู่บนแท่นจำเลยพลางรู้สึกว่าไอ้ทนายพวกนี้ไม่มีอะไรทำเลยมาพล่ามไร้สาระหรือไง เรามาคุยเรื่องปัญหาสิทธิถือครองเรืออับปางนะ พวกแกจะมาพูดเรื่องก่อนหน้านี้ใครยึดเรือเพื่ออะไร?
แต่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มถกกันประเด็นนี้ ทีมทนายสเปนขอให้ศาลแคนาดาถอนคำสั่งยึดที่ออกมาก่อนหน้านี้ และถอดถอนสิทธิผู้ดูแลของบริษัท กู้ซาก ดีพโอเชี่ยน ฟิช จำกัด
พวกเขาคิดว่าเนื่องด้วยรัฐบาลสเปนมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและโบราณคดีเกี่ยวกับซากเรือโจรสลัดขวานดำและสิ่งของที่เกี่ยวข้องที่ชัดที่สุด ดังนั้นศาลควรจะตั้งรัฐบาลสเปนให้เป็นผู้ดูแลพยานวัตถุในคดีนี้ ไม่ใช่แค่นั้น บริษัท กู้ซาก ดีพโอเชี่ยน ฟิช จำกัดยังต้องเอาของที่กู้ขึ้นมาได้ทั้งหมดรวมถึงเหรียญเงินและทองส่งให้รัฐบาลสเปนเป็นผู้ดูแล
ทีนี้เลยออกนอกเรื่องยาว ศาลฎีกาเน้นย้ำไปมาว่าศาลไม่มีสิทธิที่จะตัดสินสิทธิการถือครองของซากเรือโจรสลัดขวานดำและของที่บรรทุกบนเรือ และไม่มีอำนาจศาลที่จะตัดสินได้ ตามกฎหมาย ศาลทำได้แค่สั่งให้บริษัท กู้ซาก ดีพโอเชี่ยน ฟิช จำกัดให้ส่งมอบพยานวัตถุให้กับรัฐบาลเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้าย
ที่จริงการที่คณะผู้แทนทางกฎหมายของสเปนเถียงแบบนี้ก็มีสาเหตุ ปัญหาสิทธิความเป็นเจ้าของซากเรือและสมบัติไม่ใช่จะตัดสินกันได้ง่ายๆ ไม่ใช่ซากเรือทั้งหมดจะเป็นเรือรบ ในข้อพิพาทการกอบกู้โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมก้นทะเลหลายครั้งจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความคุ้มกันทางทูตในเขตอำนาจศาลของรัฐและทรัพย์สินของรัฐ การพิจารณาข้อพิพาทเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตอนนั้นที่บริษัทโอดิสซีย์เสียเปรียบก็คือ เรือรบเมอซี่เป็นเรือรบ ดูมุมไหนก็ล้วนเป็นของรัฐบาลสเปน แม้ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม
เรือโจรสลัดขวานดำไม่มีสิทธิความเป็นเป็นเจ้าของของประเทศใดๆ ตอนนั้นพวกเขาเป็นโจรสลัด แต่ล่ะประเทศก็ตามจับทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหนีไปที่ทะเลกรีนแลนด์แสนหนาวเหน็บ สเปนไม่ได้ใช้วิธีฟ้องร้องบริษัทโอดิสซีย์มาต่อกรกับพวกฉินสือโอว พวกเขาจึงไม่เข้าเรื่องเสียที
สุดท้ายถกไปถกมา การเปิดศาลครั้งแรกยังไม่มีข้อสรุป ผู้พิพากษาพิจารณาคดีคงจะรีบไปกินข้าว สุดท้ายเลย ใช้ค้อนไม้ทุบโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม การปะทะครั้งนี้จึงจบไปทั้งอย่างนี้
ท่านชายฉินยืนอยู่บนแท่นจำเลยด้วยสีหน้าร้อนรน ให้ตาย นี่มันอะไรกันเนี่ย? การเปิดศาลครั้งนี้ก็จบแบบนี้น่ะเหรอ? ซากเรือนี่สรุปเป็นของใคร? ฉันรีบร้อนขายสมบัติพวกนี้หรืออย่างไร?
เลิกศาล ลูกขุนก็เดินออกไป กลุ่มคนที่มาชมการตัดสินก็ออกไป แต่นักข่าวจากสื่อต่างๆ กลับมุงเข้ามาล้อมทั้งฝั่งฉินสือโอวและคนสเปนก่อนจะยิงคำถามออกมาราวกับปืนใหญ่เหลียนจู
ตอนนี้ฉินสือโอวมีประสบการณ์ในการจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว เขาล้วงเอาแว่นกันแดดอันโตขึ้นมาสวมจากกระเป๋ากางเกงราวกับเล่นมายากล จากนั้นก็โบกมือพลางพูดว่า “ขอโทษด้วยครับทุกท่าน ตอนนี้ผมยังไม่ให้สัมภาษณ์ ถ้ามีคำถามอะไรเชิญถามจากทนายผมได้เลย ผมขอตัวก่อน”
เออร์บักเห็นท่าทีวางท่าของเขาแล้วอยากจะเข้าไปบีบคอสักที อะไรคือถามทนายของผมกัน? มันมีอะไรให้ถาม?
ในสายตาของฉินสือโอว การเปิดศาลครั้งนี้ไม่มีข้อสรุป แต่ในสายตาของทนายมากฝีมืออย่างเออร์บักนั้นต่างออกไป พอออกจากศาลพวกเขาก็ถอนหายใจ เออร์บักเองก็พูดเลยว่า “ให้เบลคเตรียมงานประมูลเถอะ คนสเปนชนะเราไม่ได้หรอก”
ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ “คุณดูออกได้อย่างไร?”
ทนายคนหนึ่งพูดพร้อมยิ้มบาง “คนสเปนครั้งนี้ไม่ได้โจมตีที่ตัวคดี แต่ตั้งข้อสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายของศาล นี่แสดงถึงความไม่พอใจของพวกเขาต่อท่าทีทางการของแคนาดา ผมกล้าพนัน เรื่องนี้นักการทูตของทั้งสองฝ่ายต้องเคยคุยกันลับหลังมาแล้ว ผลสุดท้ายคนสเปนไม่พอใจแน่”
ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจ “หมายความว่าไง? การตัดสินของคดีไม่ใช่ตัดสินด้วยกฎหมายเหรอ? การคุยกันลับหลังของกระทรวงการต่างประเทศหมายความว่าไง? ให้ตายเถอะหรือว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นแค่คำพูดที่พูดไว้ฟังหรือไง?”
ทนายความยักไหล่ เออร์บักเอ่ยขึ้น “มีกระบวนการยุติธรรมขนาดนั้นที่ไหน? โดยเฉพาะเรื่องพิพาทระหว่างประเทศ กฎหมายของสองประเทศกับกฎหมายสากลก็ไม่เหมือนกัน จะตัดสินอย่างไร? ตั้งแต่ตอนแรกที่นายมาถามฉันเกี่ยวกับคดีนี้ฉันก็เคยบอกนายไปแล้วว่าวางใจเก็บกู้สมบัติเรือจมได้เลย เพราะพูดจากมุมของกฎหมายอย่างเดียว พวกเราก็ชนะอยู่แล้ว ตัวแปรเดียวก็อยู่ที่ทูตของสองประเทศ”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว การเปิดศาลตัดสินพวกนี้ ที่จริงก็แค่ทำตามขั้นตอน กฎหมายของแคนาดาก็มุมมืดไม่น้อย
ที่จริงจะโทษรัฐบาลว่าทำให้เกิดมุมมืดในตุลาการก็ไม่ได้ แม้ว่าแคนาดาจะประกาศกับข้างนอกว่าศาลของพวกเขายึดถือความยืนหนึ่งของตุลาการ แต่ศาลในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานของรัฐ เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อการบรรลุเป้าหมายนโยบายต่างประเทศของประเทศตัวเอง อย่างไรก็ได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือการเมืองระหว่างประเทศไม่มากก็น้อย
โดยปกติแล้ว ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับแคนาดาดีก็จะได้รับคำตัดสินที่เป็นประโยชน์ได้ง่ายในศาล ส่วนประเทศที่ความสัมพันธ์ทางการทูตไม่ค่อยดีกับแคนาดาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะพบเจอปัญหาระหว่างกระบวนการตัดสิน
แน่นอนว่านอกจากแคนาดา ประเทศอื่นก็เป็นแบบนี้ ส่วนประโยชน์ส่วนตัว? รัฐธรรมนูญของทุกประเทศมีบัญญัติไว้ ผลประโยชน์ส่วนตัวต้องรับใช้ผลประโยชน์ของชาติ ตอนนั้นหลังจากที่การตัดสินคดีซากเรือรบเมอซี่จบลง รองประธานของบริษัทโอดิสซีย์ หรือพี่ชายของบิลลี่ก็เคยบ่นว่า “คำตัดสินก็โดนกำหนดจากการเมือง อยู่เหนือกฎหมายเสียอีก” แต่เดิมก็เป็นแบบนี้ คำตัดสินข้อพิพาทระหว่างประเทศมีที่ยุติธรรมทั้งหมดที่ไหน?
เออร์บักเดาว่า กระทรวงการต่างประเทศของแคนาดาต้องอยากเอาซากเรือขวานดำมาเป็นหมากแลกโปรเจกต์บางอย่างจากคนสเปน แต่คนสเปนไม่ตกลง ทั้งสองฝ่ายเลยคุยกันไม่ลงตัว
สำหรับแคนาดาแล้ว สมบัติเรืออับปางสองพันล้านดอลลาร์ หลังจากขายประมูลออกไปแล้วแคนาดาจะได้กำไร 800 ล้านถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐจากภาษี เงินก้อนนี้ไม่ใช่เล็กๆ เลย ปีที่แล้วจีดีพีทั้งประเทศของแคนาดายังไม่ถึงสองล้านล้านดอลลาร์เลย ภาษีครั้งนี้ก็เท่ากับหนึ่งส่วนจากสองพันของจีดีพีทั้งปี!
พอเข้าใจถึงข้อนี้ ฉินสือโอวก็ส่ายหน้ารัว ให้ตายเถอะ ต่อไปถ้ามีใครมาบอกกับเขาว่าต่างประเทศให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม เขาคงบ่นว่าชีวิตเขาคุมไม่ได้ ทุกที่ก็มีเหมือนกันหมด
เออร์บักยอมรับในข้อนี้ “เกี่ยวกับของจำนวนมากมูลค่าสูงอย่างสมบัติเรืออับปาง รัฐบาลแต่ล่ะระดับไม่อยากจะได้ส่วนแบ่งบ้างนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่จะบอกว่ารัฐบาลเป็นโจรเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ รัฐบาลเราแค่จัดการแบบลำเอียงเล็กน้อยในกระบวนการตัดสิน ถ้าเป็นประเทศในแอฟริกากับอเมริกาใต้ ซากเรือกู้ขึ้นมาก็เป็นของรัฐทันที นั่นถึงเรียกว่ารัฐบาลโจร!”
ฉินสือโอวพูดแบบไม่ใส่ใจ “ผิดน้อยกว่าก็เลยพูดได้?”
เออร์บักหัวเราะก่อนจะพูดว่า “จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่นี่คือความจริง ถ้านายอยากได้ความยุติธรรมที่แท้จริง งั้นก็ไปเอาจากพระเจ้าเถอะ มีแต่บนสวรรค์ พระเจ้าถึงจะมอบความเท่าเทียมให้ทุกสรรพสิ่ง”
นั่นเป็นแค่คำพูดล้อเล่น ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจ ในเมื่อขึ้นศาลจบแล้วงั้นก็กลับ รอการเปิดศาลครั้งต่อไป พอดีกับที่จะได้โปรโมต แบบนี้พอถึงงานประมูลฤดูใบไม้ร่วงราคาของสมบัติเรืออับปางถึงจะสูงขึ้น อย่างไรสุดท้ายสมบัติก็เป็นของเขา!
……………………