ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1723 คำขู่จะฆ่า
เป็นธรรมดาที่ชัยชนะในครั้งนี้จะทำให้คนรู้สึกดี แต่เรื่องหลังจากนี้กลับจัดการลำบาก คนจากเอธิโอเปียถูกกักขังไว้ 24 ชั่วโมงแล้วก็ถูกส่งกลับไปที่เซนต์จอห์น จากนั้นก็ฟ้องร้องสถานีตำรวจเกาะแฟร์เวลกับพวกฉินสือโอว
พวกเขาไม่รู้จักผู้คนในเมืองทั้งหมด แต่จำฉินสือโอวที่เป็นหัวโจกได้ จึงกัดฉินสือโอวไม่ปล่อยว่าเขาพาคนมารุมซ้อมพวกเขา จึงต้องการให้เขาได้รับการลงโทษทางกฎหมายให้เขาเข้าคุก
ที่ฉินสือโอวรู้รายละเอียดเยอะขนาดนี้ ก็เพราะกัวซงนำข่าวมาเปิดเผยให้เขารู้ ก่อนที่จะได้รับหมายศาล กัวซงก็โทรมาหาเขา บอกว่านายน่ะซวยแล้ว คนเอธิโอเปียพวกนั้นฟ้องนายว่านายทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถือว่าคนเอธิโอเปียพวกนี้เป็นมืออาชีพก็ว่าได้ เรื่องแรกที่พวกเขาทำหลังจากกลับไปถึงเซนต์จอห์นก็คือการตรวจร่างกาย คนทั้งยี่สิบสองคนล้วนมีแผลภายนอกทั้งนั้น บนร่างกายเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ มองดูแล้วรู้สึกอนาถใจอย่างมาก คนอีกสิบกว่าคนที่เหลือก็มีอาการกระดูกหักในระดับต่างๆ ให้เห็น คนที่โชคร้ายที่สุดก็คือคนที่กระดูกหักไปห้าท่อน จากเรื่องนี้ทำให้ได้รู้ว่าความโกรธแค้นของชาวเมืองนั้นน่ากลัวแค่ไหน
แต่ว่าสุดท้ายพอเบิร์ดเห็นใบตรวจร่างกายของคนพวกนี้แล้ว กลับบอกว่าคนที่ซวยที่สุดนั้นบูลเป็นคนจัดการ
ฉินสือโอวรู้สึกปวดไข่สุดจะทน ไม่ใช่เพราะกลัวคดีความครั้งนี้ แต่เพราะเสียใจที่ก่อนหน้านี้ลงมือเบาไปหน่อย รู้อย่างนี้น่าจะซ้อมพวกเขาจนกระดูกหักให้ครบทุกคน ถ้าเป็นแบบนั้นพอพวกเขากลับไปที่เซนต์จอห์น จะได้ไม่สามารถมาฟ้องร้องเขาในเวลาอันสั้นได้
“เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ต่อไปจะลงมือจัดการใคร จะต้องเอาให้ถึงตาย ไม่ควรที่จะใจอ่อน และไม่ควรอ่อนไหวง่ายเหมือนผู้หญิงด้วย!” ฉินสือโอวทำการสรุปอย่างตั้งใจ พวกเบิร์ดก็พากันพยักหน้าพร้อมพูดว่า “บอสพูดถูก”
วินนี่ที่อยู่ข้างๆ โกรธจนกลอกตาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “เวลาแบบนี้แล้วยังจะมาพูดเล่นอีกเหรอคะ? รีบหาวิธีผ่านด่านเป็นด่านตายนี้สิคะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเข้าคุกหรอกนะคะ ลูกใกล้จะคลอดแล้ว ฉันหวังว่าพอลูกลืมตาแล้วคนแรกที่ลูกเห็นจะเป็นหน้าของพ่อนะ!”
“แบบนี้จะทำให้เด็กตกใจหรือเปล่าคะ?” เชอร์ลี่ย์พูดพร้อมทำท่ากังวลใจไปด้วย
คราวนี้ถึงตาฉินสือโอวโกรธจนกลอกตา คำนี้หมายความว่าอย่างไร?
เออร์บักกำลังนั่งเล่นหมากรุกสากลอยู่กับสถาปนิกอันเดร์อยู่โต๊ะข้างๆ อย่างสบายใจ นายกินหมากฉันฉันกินหมากนายอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวทำได้แต่หน้าด้านไปขอให้คุณปู่ช่วยออกโรงให้ แต่ว่าคุณปู่แกกลับพูดอย่างสบายใจว่า “โอเค เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง นายกับวินนี่สนใจแต่เรื่องคลอดลูกเถอะ”
ในแคนาดาการถูกหมายศาลเรียกไม่ใช่เรื่องดี นี่ไม่ใช่เรื่องที่แค่นายมีเงินมีอำนาจก็จะสามารถทำให้จบเรื่องได้ หากว่าการฟ้องร้องของคนเอธิโอเปียสำเร็จ งั้นฉินสือโอวก็จะต้องถูกส่งเข้าคุกในข้อหาทำร้ายร่างกายจริงๆ
ที่คนเอธิโอเปียมีการเตรียมการไว้แบบนี้ ก็เพราะว่าในแคนาดา ชาวอพยพอย่างพวกเขาได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายอยู่ แม้ว่าปกติพวกเขาจะถูกคนพื้นที่จริงๆ เหยียดหยาม ในด้านกฎหมายพวกเขาก็ถือว่าเป็นผู้อ่อนแอ เป็นผู้อ่อนแอที่ถูกกฎหมายธรรมชาติแบบกรีกคุ้มครองในฐานะผู้อ่อนแอ
นี่คือจุดเด่นของกฎหมายในแคนาดา นั่นก็คือไม่สามารถใช้การประมวลกฎหมายในการตัดสินคดีได้ แต่ต้องคำนึงถึงด้านลักษณะนิสัย สิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมนิยมในการตัดสินคดีด้วย
วินนี่ยังคงรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง จึงถามคุณลุงแกว่าจะจัดการอย่างไร คุณลุงยังคงเล่นหมากรุกอยู่ ตาของเขาจ้องไปที่กระดานหมากรุกแล้วพูดอย่างสบายใจว่า “ไปห้องฉัน เอาหนังสือพิมพ์ฉบับแรกในลิ้นชักที่สี่บนแถวที่สองของชั้นหนังสือมา”
ฉินสือโอวกำลังจะไป แต่พอเห็นกอร์ดอนที่กำลังรอดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆแล้ว จึงดีดไปที่หัวเขาทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้ทำไมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนี่ย? ไป ไปเอามาให้คุณปู่เออร์เร็ว!”
กอร์ดอนรู้สึกเจ็บ จึงวิ่งขึ้นไปข้างบนราวกับบินไป หลังจากลงมาแล้วก็อุ้มเอาหนังสือพิมพ์มาด้วยกองหนึ่ง
ฉินสือโอวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดว่า “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
เออร์บักมองไปทีหนึ่งแล้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พูดว่า “ปู่บอกแล้วไม่ใช่เหรอไง หนังสือพิมพ์ฉบับแรกก็ได้แล้ว ทำไมเอามาหมดเลยล่ะ?”
กอร์ดอนยิ้มร่าแล้วพูดว่า “ผมได้ยินไม่ชัดว่าปู่ให้ผมเอาฉบับไหน ก็เลยเอามาหมดเลยครับ”
เออร์บักยิ้มๆ หยิบมาหนึ่งฉบับยื่นให้ฉินสือโอว พูดว่า “ดูข่าวแรกในคอลัมน์ที่สอง”
ฉินสือโอวอ่านไปสักพัก ในข่าวพูดเกี่ยวกับชาวอพยพชาวจีนคนหนึ่งที่เพิ่งถูกตัดสินในข้อหาขู่จะฆ่า ผู้ชายคนนี้เป็นนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยออนแทริโอที่ตกเป็นผู้ตกสงสัยในคดีของศาสตราจารย์เชื้อสายจีนในมหาวิทยาลัย ภรรยาและลูกสองคนของศาสตราจารย์ได้แจ้งข้อหาขู่จะฆ่า ทำให้เขาถูกฟ้องข้อหาขู่จะฆ่าถึงสี่กระทง สุดท้ายก็ถูกตัดสินให้เข้าคุก
วินนี่และคนอื่นๆ มุงกันเข้ามาดู หลังจากดูแล้วก็พากันไม่เข้าใจ แต่ฉินสือโอวเข้าใจ จึงตบไปที่ไหล่ของนีลเซ็น แล้วพูดว่า “ไป ไปหาวิดีโอมา ไปหาวิดีโอที่มีคนถ่ายในวันนั้นมา”
เออร์บักที่ยังคงเล่นหมากรุกอยู่ได้หยิบแฟลชไดรฟ์จากกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะ พูดว่า “ฉันหาอันที่เหมาะสมที่สุดมาได้คลิปหนึ่งแล้ว ภาพชัด เสียงก็ชัดด้วย”
จากเรื่องทั้งหมดแล้ว ฉินสือโอวก็อดที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชมไม่ได้ ถึงว่าคนอื่นบอกว่ามีคนแก่คนหนึ่งเท่ากับมีสมบัติหนึ่งอย่าง เออร์บักก็คือสมบัติที่มีค่าของฟาร์มปลา!
เออร์บักไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับถูกเขากุมไว้หมด เขาคิดไว้แล้วว่าคนเอธิโอเปียจะทำแบบนี้ จึงได้ทำการคิดหาวิธีแก้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แค่ดูจากเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว ฉินสือโอวจำต้องพูดว่า “ปู่ คุณนี่เป็นจูกัดเหลียงมาเกิดใหม่จริงๆ นึกไม่ถึงว่าคุณจูกัดเหลียงไม่อยู่ประเทศจีนแต่เปลี่ยนมาอยู่ที่ต่างประเทศเสียแล้ว”
เออร์บักคิดจะใช้ข้อหาขู่จะฆ่าไปฟ้องพวกเอธิโอเปียกลับ ส่วนเรื่องที่ฉินสือโอวพาคนไปลงมือนั้น ก็ใช้เรื่องการป้องกันตัวไปอธิบาย
ตอนนั้นที่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน คนเอธิโอเปียพูดคำจำพวก ‘ฆ่าพวกนาย ฆ่าทุกคน’ อยู่หลายครั้ง แล้วในแคนาดา คำว่า ‘ฆ่าคน’ นั้นเป็นคำที่ไม่สามารถพูดพร่ำเพรื่อได้ นี่น่ะเป็นโทษร้ายแรงในศาลเลย เรียกว่าการขู่จะฆ่า
ขู่จะฆ่าเป็นข้อหาที่ร้ายแรงในแคนาดา มีชาวอพยพจากทวีปอเมริกัน ทวีปอเมริกาใต้และประเทศจีนหลายคนที่ลำบากเพราะข้อหานี้
ในอเมริกาและแคนาดา คำว่า ‘ฆ่าคน’ สองคำนี้ไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ในอเมริกามีคดีหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก เป็นคดีเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่ชีวิตไม่เป็นดังหวังแล้วทำการโพสต์ข้อความบนอินเทอร์เน็ตว่าจะฆ่าโอบามา จากนั้นเขาคนนั้นก็ถูกทั้ง FBI กับ CIA ร่วมมือกันจัดการเลย
อเมริกาและแคนาดามีสิทธิเสรีทางการพูด สามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างอิสระ หากว่ามีคนไม่ชอบประธานาธิบดีของอเมริกาหรือนายกรัฐมนตรีของแคนาดา พวกเขาสามารถตำหนิได้เต็มที่ หรือจะพูดจาหยอกล้อประชดประชันก็ได้ แต่ว่าไม่สามารถข่มขู่พวกเขาแบบนี้ได้
ในสองประเทศนี้ ข้อหาขู่จะฆ่านั้นน่ากลัวมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ถูกคนถ่ายวิดีโอไว้หรือไม่ก็มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ขอแค่คำพูดออกจากปากไปก็คือหลักฐาน ใครจะรู้ว่าคนที่ข่มขู่นั้นแค่พูดออกไปเฉยๆ หรือว่าคิดจะฆ่าคนจริงๆ? หากว่าคิดจะฆ่าคนจริงๆ จะทำอย่างไร?
กฎหมายของทั้งสองประเทศต่างยึดหลักกันไว้ดีกว่าแก้ อย่างเช่นหากว่ามีคนบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของคุณ งั้นคุณก็มีสิทธิ์ที่จะยิงปืนฆ่าเขาได้ ตามหลักทางกฎหมายก็คือ ใครจะรู้ว่าเขาบุกรุกมาที่บ้านคุณเพื่อจะทำอะไร? หากว่ามาเพื่อปล้นหรือฆ่าจะทำอย่างไร?
วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ทำให้ความเคยชินต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน คำว่าความตายในอเมริกาและแคนาดามีเพียงความหมายเดียว นั่นก็คือเสียชีวิต ไม่เหมือนกับคำในภาษาจีน ที่มีคำต่อท้ายจำพวก ‘สวยตายเลย สนุกจนตาย’ อะไรพวกนี้ด้วย
เห็นได้ชัดเลย คุณปู่แกคงคิดจะใช้จุดนี้ในการจัดการพวกคนเอธิโอเปียที่ไม่รู้กฎหมายแน่นอน
……………………