ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1731 อนาคตอันสว่างไสว
ต่างคนต่างความฝัน ฉินสือโอวไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรกับสแตนลีย์ได้ ดูจากท่าทีรังเกียจตอนที่พูดถึงห้องครัวเมื่อกี้นี้แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงการเลือกอาชีพของสแตนลีย์ได้
แต่ว่าเขาก็ยังแปลกใจ จึงถามว่า “ในเมื่อคุณเกลียดการทำอาหารขนาดนั้น แล้วทำไมถึงยังทำอาหารที่วิเศษขนาดนั้นออกมาได้ครับ? มีแต่ใจรักเท่านั้น จึงจะสามารถทำออกมาได้ดี ไม่ใช่เหรอครับ?”
สแตนลีย์หัวเราะฮ่าๆ พูดว่า “นี่น่ะเป็นแค่ยาบำรุงทางใจครับ ตั้งแต่ผมอายุหกขวบก็เริ่มเรียนรู้การจับคู่อาหารกับพ่อแล้วก็คุณปู่แล้ว จากนั้นก็เรียนการแกะสลักอาหาร ตุ๋นซุป จนถึงอายุยี่สิบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นเวลารวมสิบสี่ปี ที่ผมต้องเรียนรู้ว่าจะเป็นเชฟฝีมือดีคนหนึ่งได้อย่างไร ให้ตายสิ นั่นน่ะเป็นช่วงเวลาดำมืดช่วงหนึ่งในชีวิตของผมเลยนะครับ”
พูดจบ หน้าเขาก็เผยท่าทีโกรธเคืองออกมา “ตระกูลของผมหัวโบราณมาก พวกเขาคิดว่าผู้ชายทุกคนของตระกูลคาร์ลเบิร์ตควรจะเป็นเชฟฝีมือพระกาฬกันทุกคน จึงไม่อนุญาตให้ผมไปทำงานอดิเรกอย่างอื่น และก็ไม่อนุญาตให้ผมมีความรักด้วย ความสนใจทั้งหมดจะต้องมีให้กับห้องครัวเท่านั้น ดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้นผมก็ได้แอบสาบานไว้ ต่อไปผมจะต้องเป็นคนคุมเชฟพวกนี้ ผมจะไม่เป็นเชฟเด็ดขาด!”
ฉินสือโอวสามารถนึกภาพออก หนุ่มน้อยสแตนลีย์ที่ทำอาหารอยู่ในห้องครัวได้แอบสาบานกับตัวเองลับๆ ดูไม่ออกว่าจะเป็นเด็กหนุ่มผู้ต่อต้านนะเนี่ย
“คุณพ่อของผมเสียชีวิตไป ผมเลยช่วยเขาดูแลร้านอาหารเป็นเวลาหนึ่งปี นั่นน่ะเป็นน้ำพักน้ำแรงและอาชีพของเขา แต่ไม่ใช่ของผม ดังนั้นผมจึงดูแลต่อแค่หนึ่งปี เดือนที่แล้วผมได้ปิดกิจการไปแล้ว เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจครับ” สแตนลีย์พูด
เรื่องจากนั้นไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว เรื่องที่สนใจจะต้องเป็นการดูแลพวกเชฟ และเป็นผู้จัดการของร้านอาหารแฟรนไชส์แน่นอน ฉินสือโอวได้เตรียมจะทำร้านอาหารแบรนด์ตัวเองตั้งแต่สองปีที่แล้วๆ แต่ว่าเรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ เขาถามสแตนลีย์อย่างสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
สแตนลีย์หัวเราะเคอะเขินแล้วพูดว่า “คุณบัตเลอร์มาบอกผมครับ ตอนที่คุณพ่อผมดูแลร้านอาหารได้ใช้อาหารทะเลของตระกูลมอร์รี่มาตลอด ต่อมาพอผมได้มาดูแลต่อ คุณบัตเลอร์ก็ได้มาโน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนซัพพลายเออร์ เพราะแบบนี้แหละครับทำให้ผมได้รู้ว่าคุณได้เตรียมเปิดร้านอาหารแบรนด์ตัวเองอยู่”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ถึงว่าสิปีที่แล้วที่เขาไปร้านอาหารของสแตนลีย์นั้น รู้สึกมาโดยตลอดว่าเจ้าหมอนี่เหมือนกำลังมีแผนอะไรอยู่ ที่แท้เขาก็ได้วางแผนกับตัวเองไว้จริงๆ ด้วย
ทุกอย่างที่สแตนลีย์พูดมาไม่มีปัญหา แต่ฉินสือโอวยังคงถามแบบเปิดอกต่อไปอีกว่า “โอเค หรือก็คือว่าตั้งแต่เรื่องทั้งหมดนี้ยังไม่ทันได้เริ่ม คุณก็ได้ทำการวางแผนจะมาร้านของผมแล้วสินะ? ทำไมครับ? ผมหมายถึงว่าทำไมคุณถึงรู้สึกสนใจกับร้านอาหารของผมขนาดนี้ครับ?”
หากเรื่องผิดปกติแสดงว่าต้องมีนัย ท่านชายฉินไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะมีบารมีอะไรเทือกนั้น พอเตรียมจะเปิดร้านอาหารแล้วก็มีคนที่มีความสามารถด้านการบริหารมาขอร่วมงานด้วย ขอเถอะ เขาคือฉินเจ้าของฟาร์มปลานะ ไม่ใช่ฉินสื่อหวง
เขาต้องถามเรื่องนี้ให้ละเอียด เพราะถ้าเกิดเชิญหมาป่าเข้าบ้าน งั้นร้านอาหารของเขาล้มละลายยังเป็นเรื่องเล็ก แต่การหาเรื่องให้ตระกูลฮิลตันนี่สิที่น่ากลัว
ไม่ป้องกันไม่ได้ กับสแตนลีย์เขาแทบไม่รู้จักเลย เจ้าหมอนี่กับตระกูลมอร์รี่มีความเกี่ยวข้องกันนิดหน่อย อย่างน้อยก็พ่อของเขามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลมอร์รี่ ถือว่าเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง
แม้ถูกเขาตามกดดันแบบนี้ สแตนลีย์ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่กลับดีใจขึ้นมา พูดว่า “คุณฉิน คุณต้องรู้ถึงพลังที่อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินมีก่อนนะครับ แน่นอนว่าผมต้องสนใจร้านอาหารของคุณ เพราะว่าผมเข้าใจเบื้องหลังของตลาดที่อาหารทะเลพวกนี้เป็นตัวแทนดี ขอแค่มีเชฟอาหารทะเลมืออาชีพ ฟาร์มปลาของคุณก็จะไม่ใช่ฟาร์มปลาทั่วไปอีกต่อไป แต่เป็นฟาร์มปลาที่ส่งวัตถุดิบให้กับสุดยอดร้านอาหารเลยนะครับ!”
ฉินสือโอวพยักหน้า แน่นอนว่าเขาเข้าใจดี ไม่อย่างนั้นจะมาวางแผนทำอาหารแบรนด์ต้าฉินให้ดังขึ้นมาทำไม ไหนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ร่วมมือกับตระกูลฮิลตันอีก การทำทั้งหมดนี้ก็คือที่จะสร้างอาณาจักรอาหารของตัวเองขึ้นมา
เมื่อเห็นเขาพยักหน้า สแตนลีย์ก็ยิ่งดีใจ พูดต่อว่า “ผมมีแผนงานอันหนึ่งครับ คุณฉิน โรงแรมฮิลตันเป็นเพียงที่ฟักไข่ของพวกเราเท่านั้น เราควรใช้อาหารทะเลเกรดค่อนข้างต่ำในฟาร์มปลาไปให้ร้านอาหารในโรงแรมใช้ เพราะว่าโรงแรมฮิลตันไม่ได้เป็นตัวแทนของตลาดการบริโภคระดับสูง พวกเราควรจะทำการแบ่งระดับคุณภาพของอาหารทะเล โดยอ้างอิงจากระดับการใช้จ่ายที่ต่างกันในการแบ่งเกรดอาหารทะเลพวกนี้”
“เราสามารถยืมแรงของฮิลตัน ในการขยายร้านอาหารต้าฉินไปทั่วโลก เมื่อถึงตอนที่สัญญาสิ้นสุดลงแล้วเราก็ถอนตัวออกมา แล้วทำการเปิดร้านอาหารระดับสูงในท้องถิ่นด้วยตัวเอง จะต้องสามารถยึดตลาดร้านอาหารระดับสูงไปทุกพื้นที่ทั่วโลกได้อย่างแน่นอน”
ฉินสือโอวมองไปที่สแตนลีย์ด้วยสายตาประหลาดใจ เฮ้ย ไม่เสียแรงที่เจ้าหมอนี่เป็นมือดีมืออาชีพในการบริหารโรงแรมนะ คิดการณ์ไกลกว่าตัวเองเยอะเลย ที่เขาคิดไว้ก็แค่ยืมแรงโรงแรมฮิลตันในการขยายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินก็เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าสแตนลีย์โหดกว่าอีก เขาคิดจะยืมไก่มาออกไข่พอหลังจากที่ไข่ฟักออกมาเป็นหงส์แล้วก็จะถีบส่ง
แต่ไม่พูดไม่ได้ว่า แผนการนี้สามารถทำได้จริง เพราะว่าทางโรงแรมฮิลตันไม่เคยเห็นเขาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่น่านับถืออยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นตอนที่เขาพาพวกเบิร์ดไปเยี่ยมเยียน ตาแก่ฮิลตันก็คงไม่วางอำนาจกับเขาเพื่อให้เขาอยากถอนตัวไปเองหรอก
ตระกูลฮิลตันไม่มีทางผูกมัดร้านอาหารไว้แน่นอน เพราะพวกเขาต้องรู้สึกว่าร้านอาหารคือผีดูดเลือดที่เกาะอยู่บนตัวของโรงแรม ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น ในสัญญาฉบับร่างช่วงแรกมีหลายเงื่อนไขเลยที่เป็นเต็มไปด้วยการเหยียดหยามและบังคับ ขอแค่ร้านอาหารต้าฉินทำผิดข้อใดข้อหนึ่งอย่างเช่นหากว่าความสะอาดไม่ได้มาตรฐานล่ะก็ พวกเขาก็จะทำการยกเลิกสัญญาทันที
ตระกูลฮิลตันมองไม่เห็นถึงอัตราการครองตลาดของร้านอาหารแบรนด์ต้าฉิน พวกเขาเห็นเขาเป็นเพียงแค่ซัพพลายเออร์อาหารทะเลเท่านั้น แต่สแตนลีย์ไม่เหมือนกัน เขาสามารถมองเห็นถึงข้อได้เปรียบอันน่ากลัวของการเป็นซัพพลายเออร์นี้ พอข้อได้เปรียบพวกนี้เปลี่ยนไปอยู่ในร้านอาหารแล้ว ก็เท่ากับว่าร้านอาหารมีข้อได้เปรียบที่น่ากลัวนี้นั่นเอง
ความคิดเห็นที่สแตนลีย์ให้มาพูดได้ตรงจุดมาก แผนงานที่เขาวางให้แบรนด์ก็ทำให้ฉินสือโอวเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เพราะเหตุนี้ ฉินสือโอวไม่อยากจ้างเขาโดยง่าย ถ้าหากว่าเขาไม่ได้มาดีล่ะ?
มีคุณธรรมไม่มีฝีมือสามารถใช้ทำงานเล็กได้ มีคุณธรรมมีฝีมือจึงจะใช้งานได้เต็มที่ ไม่มีคุณธรรมไม่มีฝีมือไม่สามารถเลือกใช้ ไม่มีคุณธรรมมีฝีมือต้องระมัดระวังในการเลือกใช้
ฉินสือโอวยังไม่รู้ว่าสแตนลีย์ถือเป็นพวกไหน ตอนแรกร้านอาหารต้าฉินก็ไม่อะไรหรอก แต่พอสแตนลีย์มาพูดแบบนี้แล้ว เขาถึงค้นพบว่า แบรนด์ร้านอาหารนี้แหละที่จะเป็นจุดสูงสุดในการพัฒนาฟาร์มปลาของเขา
การที่ฟาร์มปลาทำการส่งอาหารทะเลไปขายอย่างเดียว ก็จะเป็นได้แค่ซัพพลายเออร์ไปตลอดกาล มากสุดก็คือสามารถส่งวัตถุดิบให้กับร้านอาหารระดับสูง สามารถเรียกว่าเป็นซัพพลายเออร์ระดับสูงได้ มีแค่การนำอาหารทะเลมาเปลี่ยนให้เป็นอาหาร ไม่เพียงแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น ตำแหน่งเถ้าแก่ของฉินสือโอวก็สามารถสูงขึ้นตามด้วย
จากนั้นฉินสือโอวก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับแบรนด์ร้านอาหารอีก เขาชวนให้สแตนลีย์พูดถึงเรื่องที่น่าสนใจตอนเขาอยู่ที่ตะวันออกกลาง อย่างเช่นเขาเคยถูกคนโยนระเบิดใส่ไหม หรือไม่ก็เขาเคยเห็นการก่อการร้ายหรือเปล่า หรือไม่ก็เขาเคยถูกคนใช้ปืน AK ส่องหรือเปล่าเป็นต้น
สแตนลีย์ก็เป็นคนฉลาด เมื่อเห็นฉินสือโอวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องสมัครงานหรือร่วมงานกันอีก เขาให้ความร่วมมือในการคุยถึงประสบการณ์ของเขาในตะวันออกกลาง
ลับหลังแล้ว ฉินสือโอวโทรศัพท์หาพนักงานบริการของบริษัทเอ็กเพรส เพื่อให้พวกเขาหานักสืบเอกชนมือดีช่วยตรวจสอบพื้นหลังของสแตนลีย์กับผู้คนที่เขาติดต่อด้วย
………………………