ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1770 รสชาติที่แตกต่าง
ฉินสือโอวยังดี รถแทรกเตอร์คันนี้เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดคันหนึ่งในบรรดาอุปกรณ์อันน้อยนิดของฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง ราคาของมันประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ ข้างในไม่เพียงแต่จะมีเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่ยังมีตู้กดน้ำอยู่ด้วย ข้างในนั้นมีขวดน้ำอยู่ ทำให้เขาไม่รู้สึกร้อนเท่าไร
แต่ว่าเหมาเหว่ยหลงนำเขาไปยังทิศตะวันออกของฟาร์ม เมื่อขับไปได้สักพักก็เจอเข้ากับบ่อน้ำที่มีหินล้อมรอบอยู่ ข้างในบ่อน้ำมีดอกบัวอยู่จำนวนหนึ่ง รอบๆ บ่อน้ำมีแพะแกะและลูกวัวกำลังก้มลงดื่มน้ำ ทำให้พื้นผิวน้ำเกิดคลื่นเป็นระลอกๆ ภาพบรรยากาศสวยงามเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นบ่อน้ำอันสวยงามนี้ ฉินสือโอวก็อุทานออกมาว่า “ว้าว ที่นี่สวยจริงๆ ฟาร์มของแกมีบ่อน้ำนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากฟาร์มข้างๆ ที่นั่นไม่มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่หรือยังไง? ฉันคิดว่าในเมื่อที่ฟาร์มของฉันมีน้ำมากขนาดนี้ ทำไมไม่ขุดบ่อขึ้นมาเสียเลยล่ะ บวกกับตอนนี้ฉันเลี้ยงแกะแพะและวัวด้วยแล้ว พวกมันทำเป็นต้องมีที่สำหรับดื่มน้ำ ฉันจึงไปหาช่างก่อสร้างเมื่อเพื่อสร้างบ่อน้ำ เป็นอย่างไร ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวปล่อยพลังจิตสำนึกโพไซดอนลงไปดูข้างในบ่อน้ำ เขาพบว่าในบ่อมีปลาอนุบาลอยู่จำนวนมาก พวกมันเป็นปลาน้ำจืดธรรมดา แต่ว่าเขายังเจอปลาไหลนาและปลาไหลอีกด้วย เจ้าพวกนี้พบเจอในแคนาดาได้ไม่มาก แน่นอนว่า เขาจะไม่บอกเรื่องนี้กับเหมาเหว่ยหลง เขาเอ่ยชมเรื่องบ่อน้ำไปสองสามประโยค จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าและกระโดดลงน้ำไป
เมื่อเหมาเหว่ยหลงเห็นว่าเขาใส่กางเกงตัวเดียว ก็พูดกลั้วหัวเราะขึ้นว่า “ที่นี่มีพวกเราไม่กี่คน ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วค่อยอาบน้ำสิ แกใส่แบบนี้จะล้างตัวได้อย่างไร”
ฉินสือโอวทำเพียงหัวเราะแห้งๆ แต่ไม่พูดอะไร เหมาเหว่ยหลงจึงพูดออกมาอย่างดูถูกว่า “แกยังคิดว่าตัวเองเป็นคนชนชั้นสูงอยู่อีกเหรอ? แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว….”
ตอนนั้นเองแบล็คไนฟ์ที่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ก็แกว่งขาที่สามของตัวเองกระโดดลงบ่อน้ำไปโดยไม่สนใจใคร
เหมาเหว่ยหลงหันหน้าหนี เขาเห็นภาพเหตุการณ์นั้นพอดี ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น เขาที่กำลังถอดเสื้อผ้าออก เมื่อเห็นของแบล็คไนฟ์ เขาก็จับของตัวเอง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา..คนผิวสีนี่เกินไปจริงๆ การอาบน้ำกับพวกเขาเป็นการทำร้ายความเป็นชายของตัวเองจริงๆ
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็กลับไปยังอาคารเล็กๆ พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน วินนี่และหลิวซูเหยียนห่อเกี๊ยวกันจนเสร็จแล้ว พวกเธอกำลังเตรียมกระเทียมและซอสถั่วลิสง ชาวจีนมักจะทานเกี๊ยวกับกระเทียม แต่แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พวกเขาชอบทานกับซอสถั่วลิสง ฉินสือโอวไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เลย!
เกี๊ยวสีขาวาสวยงามถูกใส่เข้าไปในหม้อทีละชิ้นๆ ไม่รู้ว่าตั๋วตั่วพาเถียนหวาไปเล่นถึงที่ไหน พอใกล้ถึงเวลาเที่ยงเด็กสาวทั้งสองคนก็วิ่งกลับมาอย่างร่าเริง เพราะว่าฝูงสุนัขพิทบูลผู้แข็งแรงและซื่อสัตย์คอยติดตาม เหมาเหว่ยหลงและฉินสือโอวจึงสบายใจได้ว่าพวกเธอจะเล่นกันอย่างปลอดภัย
บนหัวของเถียนกวามีมงกุฎดอกไม้อยู่หนึ่งอัน เมื่อเด็กหญิงกลับมาเธอก็วิ่งไปหาวินนี่ทันที จากนั้นก็หมุนตัวให้แม่ของตัวเองดู
วินนี่ถามออกมาอย่างให้ความร่วมมือว่า “ใครทำมงกุฎดอกไม้แสนสวยแบบนี้ให้กับเถียนกวากันนะ?”
เถียนกวายกนิ้วอวบๆ ของตัวเองชี้ไปที่ตั๋วตั่ว แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสดใสว่า “กวากวาหอมแก้มพี่สาว พี่สาวเลยทำมงกุฎดอกไม้ให้เถียนกวา”
ฉินสือโอวบีบจมูกเล็กๆ ของลูกสาวแล้วพูดว่า “แล้วเถียนกวาขอบคุณพี่สาวรึยังคะ?”
เด็กหญิงเอียงหัวทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเตาะแตะออกไป เธอกระโดดกอดคอตั๋วตั่วจากนั้นก็หอมแก้มตั๋วตั่วหนึ่งที
ตั๋วตั่วยิ้มออกมา “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เถียนกวาให้พี่เล่นกับเฟอเรทได้ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กหญิงก็ไม่ยอมขึ้นมาทันที เธอซ่อนพี่น้องเฟอเรทที่อยู่บนไหล่ไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง หัวเล็กๆ ของเธอส่ายไปมาอย่าแรง “ไม่ได้ๆ พวกมันหนีไปแล้ว!”
พี่น้องเฟอเรทยอมที่จะไปกับตั๋วตั่ว พวกมันคิดว่าเด็กสาวที่มีท่าทีอ่อนโยนอย่างนั้นเหมาะที่จะเป็นเจ้านายพวกมัน แต่น่าเสียดาย โชคของพวกมันไม่ได้ดีขนาดนั้น พวกมันจึงได้แต่รู้สึกหดหู่อยู่เงียบๆ
น้ำในหม้อเดือดเสียงดัง ไม่นานเกี๊ยวก็ลอยขึ้นมา หลิวซูเหยียนตักเกี๊ยวขึ้นมาส่งให้เหมาเหว่ยหลงหนึ่งชิ้น แล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นอย่างไร สุกรึยังคะ?”
เหมาเหว่ยลงเข้ามากอดเธอจากด้านหลังแล้วพูดว่า “สุกแล้ว กลิ่นหอมมากเลยด้วย นับวันภรรยาของผมก็ยิ่งทำเกี๊ยวอร่อยนะเนี่ย”
ฉินสือโอวเตะเข้าที่ขาด้านหลังของเหมาเหว่ยหลง จากนั้นก็ส่งกองจานให้เขา “เร็วเข้าๆ หิวจะตายอยู่แล้ว รีบกินข้าวเร็ว อย่ามัวแต่แสดงความรัก!”
เหมาเหว่ยหลงด่าออกมา แล้วหัวมารับจานไปใส่เกี๊ยวน้ำและจัดอย่างสวยงาม หลิวซูเหยียนยังเตรียมอาหารไว้ให้อีกหกอย่าง เป็นอาหารพื้นบ้านที่ธรรมดามาก ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งหั่นแช่เย็น ไข่เยี่ยวม้า แมงกะพรุนผัวคั่วกะหล่ำปลี แตงกวาฝาน ถั่วลิสงดอง และ ไก่น้ำลายสอ
หลังจากทุกคนนั่งลง ฉินสือโอวมีท่าทีที่หิวมาก แม้ว่าทั้งเช้าเขาจะนั่งอยู่แต่ในรถก็ตาม แต่เขาก็จต้องขึ้นลงๆ รถบ่อยๆ และยังต้องตั้งสมาธิเพื่อควบคุมทิศทางรถและรอจนกว่าข้าวโพดจะถูกย้ายไปยังถังเก็บ ดังนั้นเขาก็ใช้พลังงานไปไม่น้อยเช่นกัน
เกี๊ยวน้ำกำลังร้อนๆ เขาใช้ตะเกียบคีบมันฝรั่งหั่นเข้าปากก่อน ทันทีที่ชิมเขาก็สัมผัสได้ถึงรสชาติที่วินนี่ทำ เพราะว่าวินนี่รู้ว่าเขาชอบอาหารรสชาติแบบไหน เธอจึงเติมน้ำมันเข้าไปในมันฝรั่งเล็กน้อย เมื่อกัดเข้าไปก็ได้รสชาติที่มันและกรอบ
หลิวซูเหยียนล้างผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เสิร์ฟมาในจานพร้อมกับซอสชนิดหนึ่ง เธอพูดว่า “มาค่ะ มาลองชิมดู ผักพวกนี้ฉันขุดมาเองกับมือเลยนะ เพราะว่าน้ำและดินดี ดังนั้นผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะของฟาร์มเราจึงรสชาติดีกว่าที่อื่น”
ฉินสือโอวหยิบผักหนึ่งใบแล้วพับครึ่งก่อนจะจิ้มผักลงไปในซอส ผักชนิดนี้มีกลิ่นหอมและกรอบอร่อย ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวของผักป่าและวัชพืชเลย รสชาติใช้ได้ทีเดียว
แบล็คไนฟ์และบีบีซวงดื่มเบียร์เย็นๆ คู่กับเกี๊ยวน้ำ ตอนแรกพวกเขายับยั้งชั่งใจ เลยไม่ได้กินอาหารก่อน ปรากฏว่าเมื่อทานเกี๊ยวไปแล้วหนึ่งคำ ทั้งสองคนก็พยักหน้า จากนั้นก็เริ่มยกจานขึ้นเขมือบเกี๊ยวทั้งหมด เมื่อทานเกี๊ยวจนหมดพวกเขาก็ดื่มเบียร์ตาม ท่าทางมีความสุขเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวรอให้น้ำซุปเย็นลงเล็กน้อยก่อนจากนั้นก็ทานเกี๊ยว เขาเคี้ยวเกี๊ยวก่อน ทำให้น้ำเกรวี่ที่มีกลิ่นหอมของผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะโชยออกมา จากนั้นเนื้อแกะที่มีกลิ่นหอมของผักก็ตามมา ไม่แปลกใจเลยที่เหมาเหว่ยหลงพูดติดตลกว่าไม่ให้พวกเขากินเกี๊ยว เกี๊ยวผักนี้อร่อยกว่าที่พ่อแม่ของเขาทำอยู่มาก
ฉินสือโอวจึงรู้สึกเสียดายขึ้นมา เขาน่าจะรู้จักปลูกผักกระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะที่ฟาร์มปลาให้เร็วกว่านี้ แล้วจากนั้นก็ใช้พลังโพไซดอนเลี้ยงดูพวกมัน รสชาติคงจะยิ่งอร่อยกว่านี้เป็นแน่
ฟาร์มที่อยู่นอกเมืองมีข้อได้เปรียบอยู่ นั่นก็คือมีลมพัดอยู่ตลอดทั้งวัน ดังนั้นการนั่งอยู่ใต้ร่มเงาไม้รับประทานอาหารกลางวันกันแบบนี้จึงไม่ได้รู้นึกร้อน อีกทั้งบางครั้งลมที่พัดเข้ามายังทำให้รู้สึกเย็นอีกด้วย
เมื่อกินดื่มกันจนอิ่มแล้ว เหมาเหว่ยหลงก็หยิบเบียร์แช่เย็นออกมาอีกหนึ่งกล่อง แบล็คไนฟ์และบีบีซวงต่างเป็นคนคอแข็ง ปกติแล้วดื่มเบียร์เพียงอย่าเดียวไม่ทำให้พวกเขาเมาได้ ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อการทำงานในช่วงบ่าย
เมื่อถึงเวลาบ่ายสอง พระอาทิตย์ก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังทิศตะวันตก หลังจากที่อากาศเริ่มเย็นพวกเขาก็ออกไปทำงานกันอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นเหมาเหว่ยหลงก็บอกให้เลิกงาน และให้ใช้พวกเขาไปเตรียมตัวทานอาหารเย็น ในขณะเดียวเขาก็ขยิบตาให้ฉินสือโอวอย่างมีลับลมคมใน แล้วพูดว่า “ฉันจะให้แกจะลิ้มรสของอาหารทะเลที่นี่ รับรองว่าไม่เหมือนที่ฟาร์มแกแน่นอน”
โดยทันที ฉินสือโอวนึกถึงปลาไหลนาและปลาไหลที่อยู่ในบ่อน้ำทันที นอกจากพวกมันแล้วเขาก็นึกไม่ออกว่าที่ฟาร์มแห่งนี้จะมีอาหารทะเลอะไรอีก
แล้วเขาก็เดาถูก เหมาเหว่ยหลงนำเบ็ดตกปลาไม้ไผ่และกรงไม่ไผ่ออกมา จากนั้นก็เตรียมไส้ไก่และเลือดไก่มาวางข้างๆ แม่น้ำ เขานำปลาเล็กๆ ใส่ไว้ในกรงไม้ไผ่ จากนั้นก็วางกรงลงในน้ำ แล้วพูดออกมาอย่างขันแข็งว่า “วันนี้ฉันจะให้พวกแกได้กินอาหารทะเลสดๆ!”
………………….