ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1776 กลัวว่าจะสายไปสำหรับการศึกษา
ก้านข้าวโพดถูกรถเก็บเกี่ยวทำให้ล้มลง ก้านตรงของพวกมันล้มลงอยู่ที่พื้น ทั่วทั้งไร่เต็มไปด้วยสีทอง ตอนนั้นมีคนยืนอยู่กลางไร่ ดวงตาของเขามองไปยังผืนไร่สี่เหลี่ยมรอบๆ จากนั้นก็ทอดสายตาไปยังท้องฟ้าสีครามของแฮมิลตัน อดไม่ได้ที่รู้สึกถึงความโอ่อ่า
ฉินสือโอวรู้สึกว่า สิ่งที่จำกัดความคิดของคนหนุ่มสาวในประเทศไม่ใช่ ‘กำแพงเครือข่าย’ แต่ว่าเป็นท้องฟ้าอันมืดมิดต่างหาก การอยู่ใต้ท้องฟ้าสีครามอันไร้จุดสิ้นสุดนี้ ทำให้ผู้คนเกิดความทะเยอทะยานมากขึ้น
เขาพูดถึงความคิดนี้กับเหมาเหว่ยหลง เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ทำไมแกถึงมาเจ้าบทเจ้ากลอนกับฉันล่ะ ที่แอฟริกาก็มีบรรยากาศแห่งความทะเยอทะยาน แล้วที่แอฟริกามีวัยรุ่นที่ยิ่งใหญ่หรือเปล่า? แอฟริกาใต้ก็ถือว่ายังดี แต่ปรากฏว่าทำให้แมนเดลาและชาวผิวสีเล่นกันจนเกือบตาย!”
ความคิดนี้ก็ถือว่าไม่ผิด ฉินสือโอวทำได้เพียงเปลี่ยนความสนใจ เขาโบกมือไปมาและพูดออกมาว่า “ไป ไปล่ากระต่ายกัน!”
เถียนกวาโบกมืออ้วนไปมาพลางตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “กระต่าย กระต่าย! กระต่ายๆๆๆ!”
เหมาเหว่ยหลงขับรถลากมาคันหนึ่ง รถคันนี้ส่งเสียงดังมาก เขาขับมันไปรอบๆ ฟาร์ม ถ้าหากว่ามีกระต่ายหรือนกป่าพวกมันก็จะวิ่งออกมาด้วยความตกใจกลัว แบบนี้ฉินสือโอวก็จะได้พาสุนัขพิตบูลไปจับกระต่ายมาได้
กระต่ายยังไม่วิ่งออกมา แต่มีนกสีดำตัวใหญ่คู่หนึ่งกำลังสยายปีกบินไปมาอยู่กลางท้องฟ้า พวกมันบินไปมาอย่างรวดเร็วเพราะความหวาดกลัว ฉินสือโอวแทบจะมองไม่เห็นร่างของพวกมัน และไม่นานพวกมันก็หายเข้าไปในท้องฟ้า
วินนี่ที่เดินตามหลังมาช้าๆ พูดขึ้นว่า “น่าจะเป็นห่านดำคู่หนึ่งนะคะ พวกมันออกจากฝูง อาจจะมาสร้างรังเล็กๆ ที่นี่ก็ได้”
ตั๋วตั่วยิ้มออกมาด้วยความดีใจพลางพูดว่า “งั้นพวกเรารีบไปดูกันเถอะค่ะ ที่รังของห่านดำจะต้องมีไข่อยู่แน่นอน” เถียนกวาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอได้แต่พยักหน้าและตามไป และก็ยิ้มใสซื่อออกมา
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงพูดออกมาว่า “เอาล่ะๆ เด็กๆ พวกเรายังต้องไปหากระต่ายกันอยู่นะ พวกหนูอาจจะไม่รู้ แต่ห่านดำน่ะ เพื่อที่จะปกป้องลูกของตัวเองจึงออกจากฝูงมา สถานการณ์แบบนี้พวกเราจำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกมัน แบบนี้ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ?”
ตั๋วตั่วพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เถียนกวามองพี่สาวคนสวยที่กำลังพยักหน้าอยู่ จากนั้นก็พยักหน้าตาม น่าเสียดายที่ตอนนี้สีหน้าของเธอยังคงดูไร้เดียงสาอยู่ ดังนั้นเธอพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มไร้เดียงสา เป็นภาพที่น่ารักและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
วินนี่ดึงพวกเธอมา จากนั้นดวงตาคู่สวยก็หันมามองอย่างฉลาด วินนี่ตั้งใจเลียนเสียงแหบพร่าของชายชราแล้วพูดกับพวกเธอว่า “เด็กๆ ทุกอย่างที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ สิ่งที่พวกหนูเห็นเต็มไปด้วยสายสัมพันธ์ที่สมดุลและละเอียดอ่อน ในฐานะกษัตริย์ หนูจำเป็นที่จะต้องเข้าใจสายสัมพันธ์นี้ และต้องให้ความเคารพทุกสิ่งบนโลกไม่ว่าพวกมันจะเป็นมดที่เดินมาอย่างเชื่องช้าหรือแม้แต่ละมั่งกระโดด”
“แต่ว่า ปะป๊า หรือว่าพวกเราจะไม่กินละมั่งเหรอ?”
“พวกเรากิน ซิมบ้า ฟังปะป๊าอธิบายก่อน พวกเราจะกินก็ต่อเมื่อพวกมันตายแล้ว ศพของพวกมันจะกลายเป็นพืชหญ้า จากนั้นละมั่งก็จะกินหญ้าพวกนั้น สายสัมพันธ์ของพวกเราเป็นแบบนี้ อาศัยร่วมกันวงจรชีวิตขนาดใหญ่นี้”
เมื่อฉินสือโอวได้ฟังก็รู้ว่านี่คือท่อนหนึ่งจากหนังสือสุดคลาสสิคอย่างเรื่อง ไลอ้อน คิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมากให้สหรัฐอเมริกาและแคนาดา หลังจากภาพยนตร์เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาในปี 1994 เป็นต้นมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เกิดผลกระทบต่อเนื่องมาหลายรุ่น
วินนี่ต้องการพูดเรื่องนี้กับตั๋วตั่วและเถียนกวาโดยเฉพาะ ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะทำเสียงแหบพร่าเหมือนคนแก่เพื่อเลียนแบบสิงโตเฒ่าอย่างมูฟาซา และเสียงเล็กๆ ของราชาสิงโตอย่างซิมบ้า เธอพูดช้าๆ แต่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เถียนกวาที่ยืนอยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นฟังอย่างออกรส
สิ่งที่แคนาดาให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็คือการศึกษาของเด็กๆ พวกเขาคิดว่านี่เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวกำหนดทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองต่อโลกของเด็กๆ ในตอนนี้สิ่งที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์หรือการเอาชีวิตีอด แต่เป็นความเข้าใจโลกและการเข้าใจชีวิต พวกเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับการศึกษาจากทุกๆ ด้าน
ตอนนี้วินนี่กำลังเริ่มปลูกฝังความคิดให้แก่เถียนกวาและตั๋วตั่ว ซึ่งเป็นความคิดเรื่องอาหาร ฉินสือโอวดูข่าว ที่แคนาดามักจะมีผู้พิทักษ์สัตว์ออกมาทำการสาธิตเรื่องพวกนี้ เพื่อที่หวังว่ามนุษย์จะไม่กินเนื้อสัตว์และเข้าร่วมทานมังสวิรัติเข้าสักวัน แน่นอนว่าเขาก็หวังแบบนั้นเช่นกัน ถ้าหากว่าผู้คนไม่ทานเนื้อสัตว์ เพื่อให้ได้โปรตีนและไขมัน พวกเขาต้องทานอาหารทะเล แบบนี้เขาก็จะสามารถทำเงินได้
กลับมาที่เรื่องนี้ เพราะว่ายังมีคนบางกลุ่มทานเนื้อและรู้จักกับนักพิทักษ์สัตว์พวกนี้ ดังนั้นความขัดแย้งทางมุมมองจึงมักปรากฏขึ้นเสมอ วินนี่สอนเด็กๆ ให้รู้จักคิดผ่านมุมมองจากเรื่องนี้
“เด็กน้อยที่รักทั้งหลาย ธรรมชาติมีความสมดุลที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถ้าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องการมีชีวิตรอด พวกเขาต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องได้รับพลังงาน เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่พวกเราจะสามารถเปลี่ยนได้ก็คือเปลี่ยนวิธีการได้รับพลังงาน”
“พวกเราจำเป็นที่จะต้องทานสัตว์เล็กๆ แต่พวกเราสามารถทานพวกมันได้หลังจากที่พวกมันตายอย่างสงบ พวกเราสามารถเลี้ยงดูพวกมันและหลังจากนั้นก็ทานพวกมันได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นๆ ในการฆ่าสัตว์และทานเนื้อของพวกมัน และ พวกเราสามารถที่จะฆ่าพวกมันและไม่ทานพวกมันได้ด้วย การฆ่าสัตว์เป็นเพียงการสนองความคิดความต้องการของตัวเองเท่านั้น”
“พวกเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
วินนี่มองไปยังเถียนกวา ใบหน้ากลมของเด็กน้อยนั้นไร้ความรู้สึก เธอหาคำตอบให้ตัวเองไม่เจอ ดวงตากลมโตจึงจ้องมองไปยังพี่สาวคนสวย เมื่อเห็นดังนั้น ฉินสือโอวจึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ที่รัก ตอนนี้คุณพูดเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลาพูดน่ะสิ ลูกเลยไม่เข้าใจ”
“ความรู้ไม่มีคำว่าเร็วไปหรือช้าไป ฉันไม่ได้เป็นกังวลว่าลูกจะฟังไม่เข้าใจ แต่ฉันกังวลเพียงว่าเมื่อถึงเวลาที่ลูกจำเป็นที่จะต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ จะไม่มีใครสอนเธอ” วินนี่ยิ้มพลางพูดออกมา เธอไม่ได้ถามเถียนกวาอีก แต่หันไปมองตั๋วตั่วแทน
ตั๋วตัวลองตอบคำถามว่า “พวกเราแค่รับมาเท่าที่ต้องการ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บอาหารไว้เกินความจำเป็นใช่ไหมคะ?”
วินนี่ลูบผมของเธอ แล้วพูดพร้อมกับรอยยิ้มหวานว่า “ใช่ แบบนั้นแหละ”
เถียนกวาพยักหน้าตาม แล้วพูดว่า “พวกเราแค่รับมาเท่าที่ต้องการ ใช่ แบบนั้น แบบนั้นแหละ…”
เด็กน้อยยังคงไม่ค่อยรู้เรื่อง เธอยังไม่สามารถพูดประโยคยาวๆ ได้
ฉินสือโอวรู้สึกตลกกับท่าทางจริงจังของเถียนกวา เขาอุ้มเธอนั่งไว้ที่ไหล่แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ พวกเราไปจับกระต่ายกัน!”
แบล็คไนฟ์เดินตามเขามา หลังจากที่ออกห่างจากวินนี่มา เขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “มิน่าตอนที่ผมหาแฟน แม่ของผมอยากให้ผมหาผู้หญิงที่มีการศึกษาสูง การศึกษาของเด็กๆ นั้นต่างออกไปจริงๆ”
ฉินสือโอวถามกลับว่า “แล้วจากนั้นล่ะ?”
แบล็คไนฟ์ยักไหล่ ตอบกลับว่า “จากนั้นผมก็ไปเป็นทหาร ไม่ได้แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ เดิมทีผมคิดจะหาสาวสวยสักคนหลังจากที่หาเงินได้มาจากการทำการประมง แต่ตอนนี้ผมหวังเพียงผมจะได้เจอกับผู้หญิงที่ฉลาด อย่างน้อยก็ต้องเป็นสาวสวยฉลาดที่จบปริญญาตรี”
ฉินสือโอวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แบล็คไนฟ์อายุขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่แต่งงานอีก ถ้าเป็นที่ประเทศจีนอายุขนาดนี้ถือว่าหาภรรยาได้ยากแล้ว แต่ว่าพอคิดไปคิดมาเขาคือคนอเมริกา อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ตอนนั้นเองในที่สุดเสียงดังของรถแทรกเตอร์ก็ทำให้กระต่ายตกใจกลัว และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นก็จะเจอเข้ากับรังของพวกมันด้วย กระต่ายสีเทาเหลืองสองสามตัววิ่งไปทั่วไร่ และสามารถเห็นร่างของพวกมันได้อย่างชัดเจน
ฉินสือโอวตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาหันไปตะโกนเรียกสุนัขพิตบูลที่อยู่ด้านหลังทันที “ไปๆๆๆ เจ้าเพื่อนยาก ไปจับพวกมันเร็ว!”
…………………….