ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1781 สาวน้อยเก็บเห็ด
วินนี่นั่งยองๆ อยู่บนพื้นหญ้าแล้วเช็ดคราบสกปรกให้เถียนกวาพลางถามว่า “แล้วหนูว่า กระต่ายน้อยชอบสนามหญ้าหรือว่าชอบอยู่ในกรง?”
เด็กน้อยชอบกลับโดยไม่ลังเลว่า “สนามหญ้า!”
เมื่อได้ยินคำตอบ วินนี่ก็ยิ้มให้พร้อมกับพยักหน้า เถีนหวาก็ยิ้มด้วยความดีใจ ใบหน้ากลมปรากฏรอยยิ้มพิมพ์ใจออกมา แสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกดีใจในความฉลาดของตัวเอง แต่ไม่นานเธอก็หายดีใจ เมื่อวินนี่พูดออกมาว่า “ในเมื่อกระต่ายน้อยชอบสนามหญ้า แล้วทำไมหนูยังขังพวกมันไว้ในกรงล่ะ?”
เถียนกวาหุบยิ้ม เธอจ้องมองผู้เป็นแม่ที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หัวเล็กๆ จึงมองไปรอบๆ เมื่อมองไปรอบแล้วก็หันกลับมาพูดกับวินนี่อย่างระมัดระวังว่า “กระต่าย ชอบกรง”
“ทำไมล่ะ?”
คำถามนี้ทำให้เด็กหญิงหยุดพักชั่วคราว เธอต้องการความช่วยเหลือจึงมองไปยังพี่ตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วก็ไม่สามารถตอบคำถามได้เหมือนกัน เธอจึงมองไปยังฉินสือโอว แต่ภายใต้อำนาจของวินนี่แล้ว ฉินสือโอวก็หมดหนทางเช่นเดียวกัน ดังนั้นเถียนกวาจึงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น คิ้วเล็กๆ ขวมดเข้าหากันอย่างหนัก หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างหนัก เธอก็ตอบกลับว่า “เพราะว่ากวากวาชอบกระต่าย”
ฉินสือโอวหลุดขำออกมา นี่ถือว่าเป็นคำตอบงั้นเหรอ? ลูกสาวของเราไม่มีสติไปแล้วเหรอ?
วินนี่จ้องมองไปยังฉินสือโอว พร้อมเอ่ยเตือนเขาว่า “ข้อตกลงการเลี้ยงบุตร!”
ข้อตกลงในการเลี้ยงบุตรคือข้อตกลงของคนสองคนในการเลี้ยงดูบุตร หนึ่งในนั้นคือไม่ว่าลูกสาวของพวกเขาจะพูดอะไรก็ห้ามหัวเราะกับคำพูดของเธอ ต้องให้ความเคารพให้คำตอบของเธอ
ฉินสือโอวหุบยิ้มทันที วินนี่ยังคงสอนเถียนกวาต่อไป หลังจากนั้นเถียนกวาก็วิ่งกลับไปยังห้องแล้วหยิบกระต่ายน้อยออกมา เธอเปิดกรงพวกมันอย่างไม่เต็มใจ กระต่ายเหล่านั้นจึงวิ่งหนีออกมาทันที
ดวงตาของเด็กหญิงเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ว่าเธอก็ยังคงหันไปพูดกับวินนี่ว่า “พวกมันไปหามะม๊า”
วินนี่เข้าไปกอดเถียนกวา และเช็ดน้ำตาให้พลางหอมแก้มเธอเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยชมเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “กวากวาเป็นเด็กดี มะมี๊และปะปี๊รักกวากวานะ”
“ต้องรักกวากวาที่สุด” เด็กหญิงกล่าวเสียงสะอื้น เธอเป็นคนขี้หวงเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวรู้ว่าเขาต้องเบี่ยงเบนความสนใจของลูก ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเศร้าไปอีกนาน แต่ว่าเมื่อมองไปรอบๆ กลับไม่เห็นของที่น่าเล่นเลยสักอย่างเดียว เขาจึงอุ้มลูกสาวขึ้นเพื่อไปเล่นเกมขี่ม้า
เถียนกวายังคงเศร้าอยู่ เธอนั่งอยู่บนไหล่ของฉินสือโอวและมองไปยังทิศทางที่กระต่ายน้อยหายตัวไป ปากเล็กๆ กำลังพูดพึมพำไม่เป็นภาษา คาดว่าเธอกำลังเอ่ยชื่อที่เธอพึ่งจะตั้งให้เหล่ากระต่าย
ที่ฟาร์มมีของที่ไม่ได้ใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ ระหว่างฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงและฟาร์มร้างมีรั่วไม้กั้นอยู่ มีต้นไม้บางต้นกองรวมกันอยู่ด้านข้าง ฉินสือโอวเดินเล่นกับเถียนกวาและตั๋วตั่วไปแถวนั้น พลางก้มศีรษะหลบเป็นครั้งคราว เมื่อเห็นว่ามีเม็ดฝนโปรยลงมา และที่ไม้พวกนั้นก็มีเห็ดจำนวนหนึ่งงอกขึ้นมา
เห็ดเหล่านี้เป็นสีเทาซีด หัวเห็ดมีขนาดกว้างตามมาตรฐาน และโคนของมันเป็นสีขาว พวกมันอยู่กระจัดกระจายตามไม้ที่เน่าเปื่อย พวกมันจะไม่โตจนมีขนาดใหญ่เกินไป บนหัวเห็ดมีหยดน้ำเกาะประปราย ทำให้ดูน่ารักเป็นประกาย
ตั๋วตั่วก็เห็นเห็ดพวกนี้ด้วยเช่นกัน เสียงเล็กๆ ถามออกมาว่า “คุณพ่อ จับได้ไหมคะ?”
ฉินสือโอวจำลักษณะของเห็ดชนิดนี้ได้ ที่บ้านเกิดของเขาเรียกเห็ดพวกนี้ว่าเห็ดฟาง พวกมันเป็นพืชระดับต่ำ ที่อยู่ในหมวดของเชื้อรา พวกมันไม่มีเมล็ด และสร้างสปอร์สำหรับสืบพันธุ์เท่านั้น เมื่อสปอร์แพร่กระจายไปที่ไหน เห็ดพวกนี้ก็จะไปเกิดใหม่ที่นั่น
เห็ดฟางไม่สามารถสร้างอาหารด้วยตัวเองได้ มันทำได้เพียงใช้รากขยายลงไปในดินและไม้ที่เน่าเปื่อยเพื่อดูดซับสารอาหารเพื่อการดำรงชีวิต ดังนั้นเห็ดจึงมักเจริญเติบโตในพื้นที่ชื้นและเต็มไปด้วยอินทรีย์ ซึ่งที่บ้านเกิดของเขามีกองหญ้าชื้นอยู่หลายกอง
เมื่อเห็นเห็ดฟาง ฉินสือโอวก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมานิดหน่อย เขาไม่คิดเลยว่าที่ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงจะมีสปอร์ของเห็ดฟาง
เห็ดฟางอาศัยสปอร์ในการเจริญพันธุ์ เมื่อพวกมันตกลงไปในดินพวกมันจะสร้างรากเพื่อดูดซับสารอาหารและน้ำ หลังจากนั้นพวกมันก็จะสร้างก้านขึ้นมา และกลายเป็นเห็ดขนาดเล็ก เมื่อเริ่มแรกขนาดของเห็ดจะเล็กมาก ขนาดของมันเท่ากับนิ้วก้อย เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะสังเกตเห็นพวกมัน หลังจากที่พวกมันดูดซับน้ำจนเพียงพอแล้ว พวกมันก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเหตุนี้ หลังจากที่ฝนตก หากที่ไหนมีสปอร์เห็ดฟางอยู่ เห็ดฟางก็จะเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอววางเถียนกวาลง เขาโทรเรียกเหมาเหว่ยหลง เพื่อให้เขานำตะกร้ามาสักสองใบ จากนั้นเขาก็แบ่งตะกร้าให้กับตั๋วตั่วและเถียนกวา แล้วพาเด็กหญิงทั้งสองไปเก็บเห็ด
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้ศึกษาเรื่องเห็ดมา ดังนั้นหลังจากที่เห็นพวกมัน เขาจึงถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ฉันว่านะฉิน ของพวกนี้มันกินได้เหรอ? เห็ดพวกนี้ หากทานไม่ได้มันก็จะฆ่าเราแทนนะ หรือว่าเราปล่อยพวกมันไปดีล่ะ”
ฉินสือโอวมั่นใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เขาตอบว่า “แกสบายใจได้ นี่คือเห็ดฟาง ทานได้ไม่เป็นปัญหา กลับไปเตรียมน้ำมันถั่วลิสงไว้เลย พวกมันต้องใช้น้ำมันเยอะ ไม่จำเป็นต้องปรุงเครื่องปรุงเลย พวกมันมีรสชาติอร่อยมาก”
เรื่องที่สำคัญไม่ใช่เรื่องที่ทานได้หรือไม่ แต่คือการพาเด็กทั้งสองไปเก็บเห็ด เหมือนเป็นการไล่เหมาเหว่ยหลงที่ขี้สงสัยให้กลับไป ฉินสือโอวจึงเริ่มพาเด็กหญิงทั้งสองไปเก็บเห็ด เขาสอนให้เด็กหญิงทั้งสองรู้จักกับเพลง ‘สาวน้อยเก็บเห็ด’ ตั๋วตั่วหัวไวเป็นอย่างมาก เถียนกวาจำได้แค่ไม่กี่คำ “สาว สาว สาวน้อย เก็บ เก็บ เก็บเห็ด…”
เหมาเหว่ยหลงหยิบเห็ดไปสองดอก หลังจากนั้นเขาก็ไปหาข้อมูลเปรียบเทียบในอินเทอร์เน็ต ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเห็ดฟางนี้ราคาค่อนข้างสูง จากนั้นเขาก็หยิบตะกร้าใบใหญ่วิ่งกลับไป เขาหัวเราะหึหึแล้วพูดออกมาว่า ”พวกเรามาเก็บเห็ดกันเถอะ”
ตั๋วตั่วร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุขในขณะที่เก็บเห็ดใส่ตะกร้า เถียนกวานั้นยังไม่สามารถควบคุมแรงได้ เมื่อจับเข้าที่เห็ดที่พึ่งอิ่มจากการดูดน้ำอย่างแรง พวกมันจึงแตกละเอียด เธอเก็บเห็ดมาสองดอก สุดท้ายพวกมันก็ฉีกหมด เธอจึงวางตะกร้าลง และก้มลงจนก้นโด่งในขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเก็บเห็ด
เห็ดที่ฉินสือโอวเก็บมาถูกวางไว้ในตะกร้าใบเล็กของเถียนกวา หลังจากยินขึ้นเถีบนกวาก็มองไปยังตะกร้าของตัวเองและมองไปยังตะกร้าของตั๋วตั่ว รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าอันเปรอะเปื้อนของเธอ เธอวิ่งเข้ามาแล้ววางตะกร้าของตัวเองไว้หน้าตั๋วตั่วเพื่อที่จะอวดผลงาน “พี่สาว ดูสิ พี่สาว ดูสิ”
ตั๋วตั่วมองดูด้วยสายตานิ่งสงบ จากนั้นก็หยิบเห็ดฟางในตะกร้าของเถียนกวามาใส่ยังตะกร้าของตัวเอง เด็กสาวตัวน้อยไม่ยอม เธอยกหมัดเตรียมที่จะต่อสู้ โชคดีที่ฉินสือโอวอยู่ข้างๆ เขารีบคอเสื้อให้เถียนกวามาอยู่ข้างๆ และช่วยเธอเก็บเห็ดอีกกองใหญ่
เถียนกวายังเด็ก สนใจแต่เรื่องกินไม่สนใจเรื่องทะเลาะกับคนอื่น เหมือนกับนกยูงตัวน้อย ที่วิ่งไปมาเพื่ออวดตัวเองไปทั่ว ตั๋วตั่วยิ้มหวานออกมา ต่อมาเธอก็เปลี่ยนวิธีการ เธอเดินตามเถียนกวามา แบบนี้พอจังหวะที่เถียนกวาไม่สนใจเธอ เธอก็จะหยิบเห็ดในตะกร้าของเถียนกวามาใส่ในตะกร้าของตัวเอง
หลังจากที่เถียนกวาเก็บเห็ดอยู่สักพัก เธอก็รู้สึกว่าเห็ดในตะกร้าของเธอนั้นเยอะเแล้ว และอยากจะอวดผลงานของตัวเอง ปรากฏว่าเมื่อเห็นว่าตะกร้าของพี่สาวนั้นมีเห็ดมากกว่าของตัวเอง เธอก็หดหู่ขึ้นมา และทำได้เพียงก้มหน้าโก่งตูดขยันเก็บเห็ดต่อไป
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงนั้นเก็บเห็ดอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็พาเด็กทั้งสองเข้าไปในป่า เพราะว่าที่ป่าแห่งนี้ก็มีเห็ดอยู่ด้วย
………………….