ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1791 ค่าแรงที่น้อยลง
หลังจากที่ขยายสายการผลิต ตอนนี้จำนวนพนักงานเกิน 100 คนแล้ว แค่คนงานฝ่ายผลิตก็มีประมาณ 120 คนแล้ว บวกกับชาวประมงที่เก็บสาหร่ายทะเล พ่อครัวและช่างซ่อม จำนวนคนทั้งหมดเกือบจะ 150 คน นี่คือบริษัทขนาดกลางในเมืองเล็กๆ อย่างมาร์กาเร็ต
ภายในนั้นมีพนักงานครึ่งหนึ่งรู้จักฉินสือโอว พนักงานกลุ่มแรกคือกลุ่มที่เขาไปสัมภาษณ์และรับสมัครที่บริษัทรับจัดหางานเรนโบว์ด้วยตัวเอง แต่การรับสมัครของพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา เป็นแผนกทรัพยากรบุคคลของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ไปรับสมัครมา
แบบนี้ บางครั้งจึงมีพนักงานชี้มาที่ฉินสือโอว และพูดคุยกันเสียงเบาๆ คาดว่าพวกเขาคงคุยกันเรื่องสถานะของเขา
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขากับเบิร์ด และนีลเซ็นนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง กินไปพลางคุยเล่นกันไปพลาง บรรยากาศก็ผ่อนคลาย หลังจากเบิร์ดพูดสองสามประโยคก็ไม่ได้เข้าร่วมหัวข้อสนทนาอีก เขามองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักเขาก็พูดเสียงเบาๆ “บอส ที่นี่อาจจะมีปัญหา พวกพนักงานดูเหมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างอยากบอกคุณ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเบิร์ด ฉินสือโอวก็มองไปรอบๆ ผลคือพนักงานหลายคนหลังจากกินข้าวเสร็จก็ไม่ได้ออกไปจากโรงอาหาร และนั่งมองเขาอยู่บนที่นั่ง เห็นสีหน้าบางคนดูเหมือนจะสนใจอยากเข้ามาคุยกับเขา แต่ถูกคนห้ามไว้ ชายวัยกลางคนหน้าตาสงบนิ่งสองสามคนส่ายหน้า ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกับพวกเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเด็กหนุ่มพวกนั้นถึงค่อนข้างหดหู่
แต่นี่เป็นแค่ทัศนคติของพนักงานส่วนหนึ่ง หลังจากกินอาหารเสร็จพนักงานส่วนใหญ่จะล้างช้อนส้อมของตัวเอง คุยเล่นและออกจากโรงอาหารไป ตอนกลางวันพวกเขามีเวลาพักผ่อน 2 ชั่วโมง พวกเขาสามารถงีบหลับหรือกลับไปเล่นเกมออนไลน์ได้ ถ้าสภาพอากาศไม่ร้อนเกินไปยังมีกีฬาบางอย่างเช่นบิลเลียดและบาสเกตบอล ชีวิตเต็มไปด้วยสีสันมากมาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีพนักงานส่วนหนึ่งมีปัญหาและต้องการคำตอบจากเขา ฉินสือโอว ฉินสือโอวยังสังเกตเห็นอีกว่าคนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นใบหน้าที่คุ้นเคย คงจะเป็นคนที่เขารับสมัครเข้ามาเมื่อตอนนั้น
ดังนั้น เขาจึงให้นีลเซ็นทำความสะอาดข้าวของ ส่วนตัวเขาก็เดินไปอยู่ด้านหน้าคนหนุ่มสองสามคนที่ให้ความสนใจเขามาโดยตลอดเองและยิ้ม “เฮ้ เพื่อน พวกนายมีอะไรอยากจะบอกกับฉันหรือเปล่า?”
เพื่อแสดงความปรารถนาดีของตัวเอง เขาตั้งใจใช้ภาษาจีนกลางเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา พวกคนงานก็ยืนขึ้นทีละคน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งหัวเราะเสียงดัง “ไม่มีครับ บอสสุภาพมาก พวกผมไม่ได้เจอคุณนานมาก วันนี้เห็นคุณมาที่ฟาร์มปลาจึงรู้สึกว่าใกล้ชิดมาก และมองคุณหลายครั้ง”
ชายวัยกลางคนพูดไปพลางและขยิบตาให้เด็กหนุ่มพวกนั้นไปพลาง พวกเด็กหนุ่มเดินจากไปด้วยความโกรธ ฉินสือโอวขวางพวกเขาไว้ และพูดว่า “ฉันรู้ว่าการมาทำงานที่ต่างประเทศมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ดังนั้น พวกนายมีปัญหาอะไรก็ถามฉันได้ตามสบาย อย่าเก็บไว้ในใจ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ถ้าฉันสามารถแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้ ฉันจะช่วยพวกคุณแก้ไขอย่างแน่นอน”
หลังจากได้ยินเขาพูดแบบนี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน เขาหยุดเดินและพูดว่า “บอส พวกเราทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนใหญ่คนโต พวกเราพี่น้องเป็นคนบ้านนอกไม่มีความรู้ ความจริงตอนนี้พวกเรามีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณนิดหน่อย…”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ กังวล เขาขมวดคิ้วและตะโกนสั่ง “อาตง นายคุยกับบอสได้อย่างไร? มีเรื่องอะไรยังต้องปรึกษาบอสอีก? นายอิ่มแล้วใช่ไหม? กลับไปนอนเถอะ ถ้าทำงานตอนบ่ายนายไม่กระปรี้กระเปร่า ฉันจะหักคะแนนงานนาย!”
ฉินสือโอวยิ้มและโบกมือ “ไม่เป็นไรๆ ทุกคนอย่าเครียด ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้น นายชื่ออาตงใช่ไหม? นายมีปัญหาอะไรก็ถามมาตรงๆ เลย”
อาตงยืดคอตรง “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับบอส กะที่ 1 ถึงกะที่ 4 ของพวกเราคือคนที่มาทำงานที่โรงงานของพวกเราก่อน ตามเหตุผลแล้วนับว่าพวกเราเป็นพนักงานเก่า แต่ทำไมค่าแรงของพวกเราถึงต้องน้อยกว่าคนที่อยู่กะ 5 ถึงกะ 8 ล่ะ? บอส ผมไม่ได้สงสัยว่าค่าแรงที่คุณให้มันน้อย เงินที่คุณให้มันไม่น้อยเลย ในใจของพวกเรารู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่ทำไมพวกเราถึงได้น้อยกว่าพนักงานใหม่ที่มาทีหลังล่ะครับ? นี่มันไม่ยุติธรรมหรือเปล่า?”
ชายวัยกลางคนผลักเขาออก และหัวเราะเสียงดัง “บอสมีแผนของตัวเองแน่นอน ค่าแรงเป็นอย่างไรทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แยกย้ายกันเถอะ อย่าติดอยู่ที่นี่เลย จริงไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอาตง ฉินสือโอวงง เขาหยุดชายวัยกลางคน “คุณปล่อยให้เขาพูดให้ชัดๆ หมายความว่าอะไร? ค่าแรงของพวกนายน้อยกว่าค่าแรงของพนักงานใหม่เหรอ? เป็นไปได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเงินเดือนที่ฉันให้มันเท่ากัน!”
สายการผลิตหนึ่งสายมี 2 กะ ตอนนี้ฟาร์มปลามีสายการผลิตทั้งหมด 4 สาย สายการผลิต 2 สายในนั้นสร้างและเสร็จในเฟสแรก พนักงานจะเป็นกะที่ 1 ถึงกะที่ 4 พนักงานพวกนี้เป็นพนักงานที่เขารับสมัครเข้ามา ส่วนสายการผลิตอีก 2 สายสร้างในเฟสที่ สอง พนักงานเป็นกะที่ 5 ถึงกะที่ 8 และเป็นพนักงานที่แผนกทรัพยากรบุคคลของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์รับสมัครเข้ามา
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหน เงินเดือนของพวกเขาก็เท่ากัน เงินเดือนรายชั่วโมงคือ 15 ดอลลาร์แคนาดาทุกคน พวกคนงานทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันจะได้รับเงิน 120 ดอลลาร์แคนาดา แต่เพราะหน้าที่การผลิตอาหารปลามันหนัก เขาจึงใช้ระบบการทำงานแบบ 8+4 พนักงานต้องทำงาน 12 ชั่วโมง และในการทำงานล่วงเวลา 4 ชั่วโมงนั้นจะได้ค่าแรงเป็นสองเท่า รวมแล้วจะได้รับ 240 ดอลลาร์แคนาดาต่อวัน
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้วิธีการทำงานล่วงเวลาแบบครบ 4 เพิ่ม 1 อีก ถ้าทำงานล่วงเวลาติดต่อกัน 5 วัน ค่าแรงล่วงเวลาในวันที่ 5 นั้นจะคิดตามค่าแรงในวันหยุดสำคัญ หรือก็คือค่าแรงสามเท่า ดังนั้น ตราบใดที่ไม่ขอลางาน ค่าแรงของคนงานนั้นจะได้ถึง 6 พันดอลลาร์แคนาดาทุกเดือน หลังจากเสียภาษีจะเหลืออยู่ 5 พัน 5 ร้อยดอลลาร์แคนาดา แปลงเป็นสกุลเงินจีนคือ 3 หมื่นหยวนนิดๆ
หลังจากฉินสือโอวพูดจบ คนที่อยู่รอบข้างล้วนตื่นเต้น พวกเขาต่างคนต่างแย่งกันพูด “ไม่ใช่หรอกครับบอส ค่าแรงไม่เหมือนกัน พวกเราขยันเต็มที่ก็ได้รับแค่ 4 พัน 5 ร้อยดอลลาร์แคนาดาต่อเดือน กะที่ 5 พวกเขาถึงจะได้รับ 5 พัน 5 ร้อยดอลลาร์แคนาดา ต่างกัน 1 พันดอลลาร์แคนาดา!”
“ดอลลาร์แคนาดาคืออะไร? ใช้เงินหยวน นั่นคือ 5 ถึง 6 พันหยวน!”
“ใช่ๆ บอส ค่าแรงที่คุณให้สูงพวกเราทุกคนรู้ ความดีของคุณพวกเราก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นในการทำงานพวกเราและพนักงานเก่าพวกนี้จึงทำงานอย่างหนัก แต่ไม่มีใครกล้าอาศัยคนที่คิดว่าตนอายุมากและทำเป็นอาวุโสกว่า ปริมาณการผลิตทั้ง 4 กะของพวกเราก็เยอะขึ้น แต่ทำไมค่าแรงถึงน้อยล่ะ?”
ยังมีคนงานย้ายสลิปเงินเดือนอิเล็กทรอนิกส์จากในกล่องจดหมายของโทรศัพท์มือถือออกมาให้ฉินสือโอวดูอีกด้วย รายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 1 พันดอลลาร์จริง และน้อยกว่า 1 พันดอลลาร์อย่างงุนงง
ฉินสือโอวแสดงสีหน้าเคร่งขรึม เขาคิดว่าแลนซ์ยักยอกค่าแรงของพนักงาน เพราะหัวหน้าคนงานเจ้าถิ่นบางคนจะเก็บค่าหัวจากแรงงานต่างชาติที่เข้ามา ถ้าแลนซ์แตะสลิปเงินเดือนของพวกเขา ผลลัพธ์มันอาจจะเป็นแบบนี้
ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าให้เบิร์ด ไม่จำเป็นต้องพูดมากเบิร์ดก็เข้าใจความหมายของเขา และวิ่งออกไปเรียกแลนซ์เข้ามาทันที
แลนซ์รีบเดินตามเบิร์ดเข้ามา และใช้เสียงใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ หัวหน้า?”
ฉินสือโอวส่งสลิปเงินเดือนให้แลนซ์ “นายดูสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
แลนซ์เหลืองมองมัน และพูดอย่างงุนงง “นี่หมายความว่าอะไร หัวหน้า ผมไม่ค่อยเข้าใจ”
ฉินสือโอวย่นคิ้วและพูดว่า “ค่าแรงของคนงานควรจะเป็น 5 พัน 5 ร้อยดอลลาร์ ทำไมถึงได้แค่ 4 พัน 5 ร้อยดอลลาร์? การจ่ายค่าแรงเป็นหน้าที่ที่คุณรับผิดชอบอยู่ไม่ใช่เหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
………………………