ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1796 ลมแรงขึ้น
แผ่นไข่ทอดต้องกินในขณะที่มันยังร้อน แม่ของฉินสือโอวทำออกมาให้ฉินสือโอวลองชิมรสชาติก่อนชิ้นหนึ่ง ผลคือหู่จือกับเป้าจือได้กลิ่นหอมจึงตื่นเต้นสุดขีด พวกมันซ่อนตัวอยู่ที่ประตูและยื่นหัวออกมา แกล้งทำเป็นเขินอายมองแผ่นไข่ทอดที่อยู่ในมือฉินสือโอวจนน้ำลายไหล
ฉงต้าพุ่งเข้ามาเหมือนกับรถถัง มันผลักหู่จือกับเป้าจือเพื่อเปิดทาง และอ้าปากขออาหารอย่างไม่ปิดบัง
ฉินสือโอวตบหัวของฉงต้าและยิ้มให้พ่อกับแม่ “แผ่นไข่ทอดชิ้นนี้ต้องอร่อยแน่นอน พวกคุณดูเจ้าตัวน้อยพวกนี้สิ ปากของพวกมันจู้จี้จุกจิกมากที่สุด แผ่นไข่ทอดออกจากกระทะก็เริ่มวิ่งมา อธิบายได้ดีที่สุดว่าแผ่นไข่ทอดชิ้นนี้กลิ่นหอมมาก”
แม่ของฉินสือโอวแบ่งครึ่งแผ่นไข่ทอดอย่างมีความสุข ครึ่งหนึ่งให้ฉงต้า อีกครึ่งหนึ่งก็ฉีกแบ่งให้หู่จือกับเป้าจือ ฉินสือโอวจ้อง “แม่ ผมยังไม่ได้กินเลย!”
“ไม่ใช่ว่าฉันยังต้องทำอีกหรือไง” แม่ของฉินสือโอวกลอกตา หลังจากนั้นก็พับแขนเสื้อขึ้นและทำต่ออย่างคล่องแคล่ว
พ่อของฉินสือโอวหั่นไข่เค็ม 10 กว่าฟอง และเอาขิงฝรั่งดองออกมาอีกจาน เขาลองชิมดูและพยักหน้า “ขิงฝรั่งพันธุ์นี้อร่อย ทั้งกรอบทั้งหอม ของจากต่างประเทศก็ต้องกินที่ต่างประเทศถึงจะอร่อยใช่ไหม?”
แม่ของฉินสือโอวไม่พอใจการบูชาสินค้าจากต่างประเทศของสามีมาก จึงพูดว่า “คุณคะ พระจันทร์ของต่างประเทศน่ะกลมใช่ไหม? งั้นตดที่คนต่างชาติปล่อยออกมาก็หอมเหมือนกัน ใช่ไหม?”
พ่อของฉินสือโอวไม่พูดมาก และหยิบขิงฝรั่งชิ้นหนึ่งส่งให้เธอกินทันที แม่ของฉินสือโอวกินเสร็จก็เม้มปาก และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พระจันทร์ของต่างประเทศ มันก็ยังกลมจริงๆ นั่นล่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะ รสชาติกับแหล่งที่มาของขิงฝรั่งพันธุ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เป็นพลังแห่งโพไซดอนปรับเปลี่ยนมันทั้งนั้น
ในห้องครัวมีกล่องเก็บความร้อน แผ่นไข่ทอดที่แม่ของฉินสือโอวทำเสร็จแล้วก็ใส่เข้าไปในนั้น หลังจากเออร์บัก พวกเด็กๆ และเหมาเหว่ยหลงตื่นและมานั่งที่โต๊ะอาหาร ฉินสือโอวก็ถือมันขึ้นไป และมีกลิ่นหอมกรุ่นก็ระอุออกมาในทันที
เหมาเหว่ยหลงสูดจมูกและทำท่าทางน้ำลายไหลออกมา “กลิ่นหอมจริงๆ!”
ฉินสือโอวพูดอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ผลงานที่ไม่เหมือนใครของแม่ฉัน แม่แกทำไม่ได้แน่นอน”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะ “แม่ฉันทำมิลค์เชคกับพิซซ่าได้!”
เถียนกวาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่หนูก็ทำได้เหมือนกัน!”
เหมาเหว่ยหลงตะลึง เขามองเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ และกำลังรอการเสิร์ฟอาหารแล้วไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี แต่ฉินสือโอวกลับมีความสุขมาก เขากอดลูกสาวและหอมแก้มอย่างแรงหนึ่งที “ม๊วฟ!”
เออร์บักนำพวกเด็กๆ กับวินนี่สวดภาวนาก่อนกินข้าวอย่างเรียบง่ายก่อน หลังจากนั้นพวกเด็กๆ ก็แสดงความขอบคุณต่อแม่ของฉินสือโอวอย่างสุภาพ เมื่อวินนี่พยักหน้า กอร์ดอน ไวส์ มิเชลก็กลายเป็นหมาบ้าและเริ่มสู้กันเพื่อแย่งแผ่นไข่ทอด “ของฉัน!” “นี่มันของฉัน!” “ทั้งหมดเป็นของฉัน!”
พยากรณ์อากาศแม่นมาก ช่วงสุดท้ายของต้นเดือนพฤศจิกายน เกล็ดหิมะเริ่มลอยลงมา เกล็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ลมทะเลพัดหวือ ดูเหมือนท่าทางจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ตอนบ่าย มีคนพูดผ่านทางวิทยุไร้สายว่าพวกเขาได้รับข่าวที่แน่นอนมาว่า สองสามวันนี้อาจจะมีพายุพัดเข้ามา ให้ทุกคนเตรียมต้านพายุให้ดี
ตอนแรกฉินสือโอวคิดว่านี่ก็แค่มีคนพูดออกไปเฉยๆ ผลคือตอนกลางคืนกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนพายุสีแดงที่นิวฟันด์แลนด์จริง ในอีก 3 วันถึง 7 วันข้างหน้า และแจ้งว่าไม่แน่นอนว่าพายุจะพัดมาถึงนครเซนต์จอห์นตอนไหน ท่าเรือจะต้องปิดในทันที ความรุนแรงของพายุครั้งนี้น่ากลัวมาก
ผลคือ กรมอุตุนิยมวิทยาหลอกลวงอีกครั้ง สองวันหลังจากนั้น ยามรุ่งสางมีพายุพัดเข้ามา ฉินสือโอวที่กำลังนอนอยู่รู้สึกว่าหน้าต่างถูกลมพัดกระแทกเสียงดังปังๆ เขาจึงรีบลุกขึ้น เวลานั้นซีมอนสเตอร์กับชาร์คออกมาเผชิญหน้ากับพายุหิมะและตรวจสอบสภาพที่ยึดเรือประมงที่ท่าเรือเรียบร้อยแล้ว
โชคดีที่พวกเขาเตรียมมาตรการรับมือล่วงหน้าไว้แล้ว เรือทุกลำใช้โซ่เหล็กยึดไว้อย่างดี อวนจับปลากับอุปกรณ์ตกปลาก็เก็บไว้ในโกดัง แบบนี้แค่ตรวจสอบนิดหน่อยก็พอ
รุ่งสางกับไม่สว่างแตกต่างกันไม่มาก เมฆดำปกคลุมหนาแน่น ไม่มีแสงแดดเลย
หลังจากกินอาหารเช้า มีคนมาหาฉินสือโอวที่นี่เพื่อยืมเฮลิคอปเตอร์ ตำรวจทะเล 2 นายพูดอย่างสุภาพว่าสองสามวันก่อนมีเรือออกทะเลไปและยังไม่กลับมา พวกเขาต้องไปคุ้มกันที่ทะเล แต่จำนวนเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจทะเลมีน้อยเกินไป จึงต้องมายืมเฮลิคอปเตอร์ของพลเรือนใช้
นี่เป็นเรื่องของการช่วยชีวิตคน ปกติฉินสือโอวจะไม่ขี้เหนียว เขายืมเฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำเล็กกับเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวรุ่นเอซี 310เอ็นออกไปทั้ง 2 ลำ แต่ตัวเองกลับพานีลเซ็นกับเบิร์ดที่กลับจากลาแต่งงานนั่งเฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำใหญ่ออกทะเลไปตรวจสอบ
ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำใหญ่นั้นเร็วที่สุด และก็เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดและนั่งสบายที่สุดเหมือนกัน ฉินสือโอวนั่งอยู่ในห้องโดยสารมองเกล็ดหิมะที่ลอยอยู่ด้านนอก ปีกของเฮลิคอปเตอร์หมุนอย่างบ้าคลั่ง และเกล็ดหิมะที่อยู่รอบๆ ออกไป แต่ลมทะเลพัดแรงมาก ถ้าเฮลิคอปเตอร์บินต่ำเกินไปจะสั่นสะเทือนได้
ตอนที่เพิ่งจะออกทะเลเฮลิคอปเตอร์บินค่อนข้างต่ำ ฉินสือโอวนั่งติดกระจกหน้าต่างและมองออกไปข้างนอก เขาเห็นว่ามีร่องรอยของปลาค็อดกับปลาซาบะบนผิวน้ำทะเล นี่คือสัญญาที่ปรากฏขึ้นมาของพายุฝน
ถ้าเรือประมงมีแมงกะพรุน เขาก็จะได้เห็นภาพที่งดงามมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นเขาไปที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เป็นครั้งแรก มันเป็นโอกาสดีที่เขาได้เห็นการอพยพครั้งใหญ่ของแมงกะพรุนนับสิบล้านตัว ตอนนั้นเขาเดาข่าวที่พายุจะพัดมาล่วงหน้าจากการอพยพของแมงกะพรุน จึงหลีกเลี่ยงวิกฤติครั้งนั้นได้
เมื่อความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้น การหมุนของปีกจึงไม่สามารถพัดเกล็ดหิมะออกไปได้ เกล็ดหิมะบางส่วนถูกลมทะเลกวาดและพัดมาที่เฮลิคอปเตอร์ มันกระแทกหน้าต่างของเฮลิคอปเตอร์จนเกิดเสียงดัง ‘แกร๊กๆ’ ราวกับมีคนใช้หินทุบเครื่องบิน
เฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำใหญ่ติดตั้งเรดาร์เพิ่มเอาไว้ มันคือสิ่งที่ฉินสือโอวขอติดตั้งเป็นพิเศษ แบบนี้เฮลิคอปเตอร์ก็จะหาเรือประมงที่ล่องด้วยความยากลำบากในคลื่นทะเลเจออย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขา คนที่อยู่บนเรือก็โบกมือร้องขอความช่วยเหลือ ใบหน้าของชาวประมงพวกนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความกังวล เรือประมงของพวกเขาส่ายไปมาตามคลื่นยักษ์ และมีน้ำทะเลไหลเข้าไปในเรืออย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะวิกฤติมาก
นีลเซ็นถามว่า “พวกเราทำอย่างไรดีครับ? ปล่อยเชือกดึงพวกเขาขึ้นมาหรือทำอย่างไรดี? ”
ฉินสือโอวก็รู้สึกว่ายากเหมือนกัน ความจริงแค่ช่วยคนน่ะง่ายมาก แต่แบบนี้เรือประมงก็จะพัง ถ้าไม่มีคน เรือลำนี้คงจะถูกคลื่นซัดพังอย่างรวดเร็ว แต่เรือประมงถือเป็นชีวิตจิตใจของชาวประมง ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจแย่ขนาดนี้ ถ้าเรือประมงถูกทำลาย ครอบครัวของชาวประมงพวกนั้นก็คงไม่มีลู่ทางทำมาหากินเหมือนกัน
ฉินสือโอวกัดฟันแน่นและถามเบิร์ดว่าแรงลมตอนนี้มีกี่ระดับ หลังจากนั้นก็คำนวณอยู่ในใจ และพูดว่า “นำทางเรือลำนี้กลับไป ช่วยแค่คนไม่ได้ พวกเขาไม่ยอมทิ้งเรือแน่นอน!”
การคาดเดาของเขาถูกต้อง เบิร์ดจัดทำแผนช่วยเหลือผ่านทางวิทยุไร้สาย คนที่อยู่บนเรือตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ไม่ๆ พวกผมไม่สามารถทิ้งเรือได้ ครอบครัวของผมต้องทำมาหากิน ผมต้องพึ่งเรือทำมาหากิน!”
ไม่ใช่ทุกคนที่ร่ำรวยเหมือนฉินสือโอว ชาวประมงพวกนี้ซื้อเรือด้วยเงินกู้ ถ้าเรือถูกทำลาย พวกเขาก็ไม่มีทางพลิกตัวได้แล้ว
โชคดีที่ ถึงแม้ว่าลมจะแรงมาก แต่พายุก็ยังไม่แรงเต็มที่ เฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำใหญ่นำทางไปตลอดทาง ในที่สุดเรือประมงก็เข้าสู่เขตน้ำตื้นที่ฟาร์มปลาต้าฉิน เมื่อมาถึงตรงนี้เรือประมงก็ไม่อันตรายขนาดนั้นแล้ว คลื่นตรงเขตน้ำตื้นนั้นเบากว่ามาก
ประสิทธิภาพในการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่ดีนัก สิ่งสำคัญคือเรือบางลำอาจจะสูญหายหลังจากที่ออกทะเลไป อันที่จริงสภาพอากาศแย่ขนาดนี้ สัญญาณของวิทยุไร้สายกับโทรศัพท์ดาวเทียมก็ไปไม่ถึงไหน ทำให้ติดต่อยาก
………………………