ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1826 ทำใหญ่หน่อย
ฉินสือโอวเข้าไปหิ้วเถียนกวาขึ้นมาแล้วตีไปที่ก้นเธอหลายที สอนเธอว่าห้ามเอาเรื่องอันตรายแบบนี้มาเล่นพิเรนท์เด็ดขาด กับเขาแน่นอนว่าไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากว่าคนที่เถียนกวาโยนประทัดใส่เมื่อกี้เป็นเด็กอ้วนแล้วล่ะก็ เห็นทีตอนนี้คงจะปล่อยโฮดังก้องไปทั่วแล้ว
ตาดวงโตของเถียนกวาขยับไปมา คุณพ่อไม่ให้เธอเล่นพิเรนท์แบบนี้กับคน งั้นเธอไปเล่นกับหู่จือกับเป้าจือแล้วกัน
เมื่อเป็นแบบนี้หู่จือกับเป้าจือก็โชคร้ายแล้วล่ะ สมองน้อยๆ อันชาญฉลาดของพวกมันแยกประทัดสองแบบนี้ไม่ออก ตอนแรกเถียนกวาโยนประทัดแบบหน่วงเวลาไปให้พวกมันก่อน พวกมันเลือกที่จะวิ่งหนีอย่างหลักแหลม แต่หลังจากนั้นเมื่อพวกมันเห็นว่าไม่ระเบิดออก ดังนั้นพอเถียนกวาเข้าไปเก็บขึ้นมาแล้วโยนไปข้างตัวพวกมันอีกครั้ง พวกมันจึงไม่วิ่งหนี
แต่ว่า ไม่นานประทัดก็ระเบิดออก แลบราดอร์ตกใจสุดขีด หางจุกตูดแล้วก็เริ่มส่งเสียงร้องอู๊วๆ ออกมา
แลบราดอร์กล้าหาญมาก แต่ว่าการที่สัตว์จะกลัวเสียงปืนกับเสียงประทัดนั้นเป็นธรรมชาติของสัตว์อยู่แล้ว ฉินสือโอวคิดว่านี่น่าจะเป็นผลพวงมาจากสมัยก่อนที่เหล่านายพรานมักใช้ปืนในการล่าสัตว์ พวกสัตว์จึงถ่ายทอดการกลัวเสียงปืนผ่านไปทางสายเลือด จากนั้นก็สืบทอดกันมาเรื่อยๆ
เถียนกวาเล่นอยู่หลายครั้ง แลบราดอร์ถูกเธอแกล้งจนหมดหนทาง จึงเก็บหางแล้ววิ่งไปหาฉินสือโอวเพื่ออ้อนวอน ฉินสือโอวโกรธจัดมาก เขาใช้สายตาขู่เถียนกวา จึงสามารถช่วยหู่จือกับเป้าจือไว้ได้
เล่นมาเป็นเวลากว่าครึ่งค่อนวัน พลุดอกไม้ไฟทั้งหมดก็เล่นไปพอประมาณแล้ว ปลาสเมลท์ในกล่องเก็บความเย็นได้เพิ่มขึ้นมาเป็นหกสิบกว่าตัว แถมในนั้นยังมีปลากะพงตัวเล็กตัวหนึ่งอีกด้วย ความจริงเจ้าตัวนี้กะว่าจะมาจับปลาสเมลท์กิน แต่เพราะถูกระเบิดน้ำหลายลูกระเบิดออกข้างๆ ทำให้มันมึนไปเลย….
หลังจากกลับถึงบ้านพัก เถียนกวาเอาปลาสเมลท์พวกนี้โชว์ให้แม่ของฉินสือโอวดู เพื่อให้ท่านทอดให้กิน
แม่ของฉินสือโอวหุบยิ้มไม่ลงเลย พูดย้ำๆ อยู่ตลอดว่าหลานสาวเก่งจริงๆ ตัวเล็กแค่นี้ก็จับปลาเป็นแล้ว พ่อของฉินสือโอวชะงักไปนิดหนึ่ง พูดว่า “อีกหน่อยเถียนกวาคงไม่ได้ฝึกเป็นชาวประมงเหมือนเสี่ยวโอวหรอกใช่ไหม?”
แม่ของฉินสือโอวจ้องตาเขม็ง พูดว่า “เป็นชาวประมงแล้วอย่างไร? น่าอายเหรอ? งานดีออกขนาดนี้ แถมอีกหน่อยถ้าไม่เอาฟาร์มปลาให้เถียนกวาแล้วจะให้ใคร?”
พ่อของฉินสือโอวพูดพึมพำว่า “ถ้าหลานสาวเป็นชาวประมงแล้ว จะหาคู่ชีวิตได้ยาก ยัยแก่จอมทึ่มนี่ ไม่คุยกับเธอแล้ว แต่ว่าเป็นชาวประมงก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเครียดเรื่องหาเงิน”
คุยไปคุยมาสรุปได้ว่า คุณปู่แกกังวลว่าฟาร์มปลาจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
แม่ของฉินสือโอวอุ้มเถียนกวาขึ้นมา จุ๊บไปที่แก้มตุ่ยๆ สีชมพูทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า “ดูสิหลานสาวของฉันสวยขนาดไหน สวยๆ อย่างนี้จะหาคู่ไม่ได้เหรอ? เป็นไปไม่ได้ ต่อไปหลานสาวของฉันจะต้องแต่งกับเจ้าชายอังกฤษอะไรนั่นแน่!”
จริงตามนั้น ยัยตัวเล็กสืบทอดหน้าตาของวินนี่มา มีแค่ตอนแรกเกิดเท่านั้นที่น่าเกลียดมาก แต่ตอนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งสวย เผยจุดเด่นของลูกครึ่งออกมาให้เห็น คิ้วโก่งได้รูป ตาโตสว่างใส หน้าตาได้รูป ผิวพรรณอ่อนนุ่ม เหมือนกับตุ๊กตาเซรามิกอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าเถียนกวาจะอายุน้อย แต่ก็พอรู้เรื่องบ้างแล้ว เธอส่ายหัวพูดว่า “ไม่เอา ไม่เอาเจ้าชาย กวากวาไม่เอาเจ้าชาย”
แม่ของฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ พูดว่า “แล้วหนูจะเอาใครคะ? จะอยู่กับป่าป๊าหม่าม๊าตลอดชีวิตเหรอ?”
เถียนกวาหันหัวมองไปรอบด้าน ชี้ไปที่บลูน้อยที่น้ำมูกไหลอยู่แล้วพูดว่า “บลูน้อยแล้วกัน บลูน้อยสนุกกว่าเจ้าชาย แถมหนูยังแกล้งบลูน้อยได้ด้วย ใช่ไหมคะ?”
บลูน้อยกลับกลัวขึ้นมา เขาส่ายหัวอย่างแรง พูดว่า “ฉันไม่ๆๆ งั้นฉันจะเอาเจ้าชาย ฉันไม่อยู่กับเธอ เธอชอบตีฉันตลอดเลย”
พูดจบ เด็กอ้วนก็เสียงเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเถียนกวาได้ประทับแผลในใจให้เขาไว้มากแค่ไหนเลย
คำตอบนี้ทำให้เถียนกวาโมโหสุดขีด เธอเตะขาไปมาเพื่อให้แม่ของฉินสือโอวปล่อยเธอลงเพื่อจะไปตีบลูน้อย บลูน้อยเห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงสะบัดแขนวิ่งตุบๆ หนีไป
ผ่านไปสักพัก หัวกลมอ้วนของบลูน้อยก็โผล่ออกมาจากนอกประตู แล้วมองดูเถียนกวาอย่างหวาดกลัว
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดว่า “เป็นอะไรไป บลูน้อย นี่คือหนูทิ้งเถียนกวาไม่ลงเหรอ?”
บลูน้อยสูดน้ำมูกที่ไหลออกมา พูดเสียงอ่อนว่า “ไม่ใช่ครับ คุณน้า ผมเสียดายปลาพวกนั้น ปลาทอดของคุณย่าอร่อย”
คนทั้งบ้าน “…”
ฉินสือโอวลูบหัวของเถียนกวา พูดว่า “กวากวาเอ้ย ต่อไปหนูต้องรักตัวเองนะ อย่าได้ไปเล่นกับคนประเภทนี้อีกเลย ดูสิน่าขายหน้าแค่ไหน”
ปลาทอดของแม่ของฉินสือโอวนั้นคือที่สุดของที่สุดแล้ว ปลาสเมลท์ทอดยิ่งอร่อยกว่า เรื่องนี้จะว่าบลูน้อยเห็นแก่กินก็คงไม่ได้ แต่ก็แน่นอน เด็กคนนี้ก็เห็นแก่กินจริงๆ ฉินสือโอวทำการถ่ายวีดีโอฉากเมื่อกี้ไว้ อีกหน่อยพอพวกเด็กๆ โตแล้วเอามาเปิดให้พวกเขาดูจะต้องมีความหมายมากแน่นอน
การทอดปลาสเมลท์ง่ายที่สุด นำปลาทั้งตัวไปทอดในน้ำมันก็ได้แล้ว แต่ว่าแม่ของฉินสือโอวตัดหัวปลาออกด้วย เพราะหัวปลาแข็งเกินไปกลัวว่าจะไปติดคอเด็กสองคนนี้ เถียนกวากับเด็กอ้วนยังเด็กเกินไป
ดีที่ในบ้านมีแป้งข้าวเหนือเหลือมาจากตอนวันเทศกาลบัวลอยอยู่ เธอจึงเอามาผสมกับไข่ไก่และน้ำเชื่อมเมเปิล นำปลาสเมลท์มาคลุกกับไข่ไก่และแป้งก่อนทีหนึ่งแล้วค่อยไปทอดในกระทะ รอจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วค่อยตักขึ้นมา
แม่ของฉินสือโอวนำปลาสเมลท์มาแบ่งเป็นสามถ้วย แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็เอาปลาสองตัวออกจากสองถ้วยมาใส่ไว้ในอีกถ้วยแทน
ฉินสือโอวนึกว่าเธอจะเอาถ้วยที่มีปลามากกว่าให้กับเสี่ยวฮุยหรือไม่ก็เถียนกวา อย่างไรเสียเสี่ยวฮุยก็อายุมากกว่าส่วนเถียนกวาก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเธอ แต่สุดท้ายเธอกลับเอาให้เด็กอ้วน พูดว่า “ให้ลูกคนอื่นกินเยอะหน่อย จะให้คนอื่นมาว่าไม่ได้ ว่าคนในครอบครัวของบอสน่ะใจดิบใจดำ”
เขาเข้าไปกอดแม่ไว้ ยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า “แม่ แม่เป็นคนดีจัง”
แม่ของฉินสือโอวมองค้อนเขาไปทีหนึ่งพูดว่า “เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้น่า”
ฉินสือโอว “…”
เสี่ยวฮุยนำถ้วยที่มีปลาเยอะที่สุดวางไว้ตรงหน้าบลูน้อย พูดหยอกเขาว่า “บลูน้อย ถ้านายกินปลาถ้วยนี้ไปแล้ว จะต้องออกห่างจากเถียนกวา ห้ามแต่งกับเธอนะรู้ไหม?”
เด็กอ้วนมองดูเขาด้วยความตื่นเต้นแล้วถามว่า “มีเรื่องดีแบบนี้ด้วยเหรอ? โอ้พระเจ้า!”
เถียนกวาตาเขม็งอยากจะเข้าไปตีเขา แต่ว่าแม่ของฉินสือโอวยัดปลาทอดให้เธอชิ้นหนึ่ง พอเธอกินไปคำหนึ่งแล้ว ก็หน้าตาเบิกบานในทันที นั่งลงบนเก้าอี้เล็กแล้วกินปลาทอดอย่างมีความสุข
เด็กอ้วนกินได้ดูอร่อยกว่ามาก ปลาแทบทุกตัวที่เขากินเข้าไปในพอเข้าปากแล้วก็ถูกกลืนลงไปเลย ฉินสือโอวกลัวว่าเขาจะติดคอ ให้เขาค่อยๆ กิน
ปลาสเมลท์ในฤดูนี้มีไข่ปลาเยอะที่สุด เนื้อก็นุ่ม แต่ว่าจะไม่อ้วนเท่ากับช่วงต้นฤดูร้อน แต่แน่นอนว่าตอนกินรสชาติก็ยังยอดเยี่ยมอยู่
ความสำเร็จที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองนั้นหอมหวานที่สุด วันที่สอง เสี่ยวฮุยก็พาน้องชายน้องสาวไประเบิดปลากันอีกแล้ว ฉินสือโอวไม่ห้ามพวกเขาไม่ได้ ตรงปากทางเข้าทะเลเป็นจุดที่เต่าบึงจุดอาศัยอยู่ นั่นน่ะเป็นสัตว์สงวนระดับประเทศเลยนะ อย่าไปยุ่มย่ามกับพวกมันดีกว่า
ตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ วินนี่ได้อ่านเอกสารฉบับหนึ่ง แล้วพูดอย่างปวดหัวว่าทางรัฐบาลนิวฟันด์แลนด์ได้ออกคำสั่งให้ทุกๆ อ่างเก็บน้ำและทะเลสาบของแต่ละพื้นที่จัดกิจกรรมล่าปลาคาร์ฟเอเชียกันในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เพราะว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูผสมพันธุ์ของปลาคาร์ฟเอเชีย ดังนั้นจึงต้องฆ่าปลาตัวเล็กให้ตาย
วินนี่พูดอย่างหมดทางเลือกว่า “ปลาคาร์ฟเอเชียพวกนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว ในฤดูหนาวเดียวนี้ไม่รู้ว่าขยายพันธุ์กันไปถึงไหน ฉันเห็นด้วยกับแผนการของทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนะคะ แต่ว่าทะเลสาบเฉินเป่าล้วนแข็งเป็นน้ำแข็งกันหมด จะไปล่าปลาคาร์ฟเอเชียอย่างไรล่ะ? จะให้ซื้อเรือตัดน้ำแข็งที่ราคาสูงก็ไม่ใช่เรื่องหรือเปล่าคะ?”
รัฐบาลแคนาดาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อมีคำสั่งออกมาแล้วก็จำเป็นต้องทำตาม
ฉินสือโอวนึกถึงเรื่องที่พวกเถียนกวาใช้ประทัดระเบิดปลาตรงริมแม่น้ำขึ้นมา จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้เรือตัดน้ำแข็งหรอก? ใช้ระเบิดน้ำไประเบิดสิ! ระเบิดปลาได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
วินนี่ยิ้มทีหนึ่ง ชี้ไปที่กล่องดอกไม้ไฟแล้วพูดว่า “ใช้อันนี้เหรอคะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่หรอก ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ทำใหญ่นิดหนึ่ง ใช้ดินระเบิดที่ใช้สำหรับในน้ำไปเลย เอาไประเบิดปลา!”
……………………