ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1830 ซื้อบ้านสักหลัง
ตอนที่ครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงกับจงต้าจวิ้นมาถึงโรงพยาบาลนั้น ฉินสือโอวกำลังปลอบลูกสาวอยู่ ใจบางราวกับกระจกของยัยตัวเล็กอ่อนไหวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย พอน้องชายปรากฏตัวเท่านั้น เธอก็รู้สึกว่าสถานะของตัวเองในบ้านได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เลยกำลังเสียใจอยู่
ฉินสือโอวไม่อยากเพียงเพราะลูกชายคลอดออกแล้วทำให้ในใจของลูกสาวบอบช้ำ ดังนั้นจึงอุ้มยัยตัวเล็กแล้วพูดปลอบใจอยู่ตรงนั้น แถมยังพาเธอไปดูลูกชายคนเล็กที่หน้าตาน่าเกลียด แล้วก็พูดว่า “ดูสิ น้องชายของหนูน่าเกลียดขนาดนี้ พวกเราต้องรักและปกป้องเขาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นจะยังมีใครชอบเขาอีกล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าน้องชายน่าเกลียดจริงๆ ยัยตัวเล็กจึงคลายคิ้วที่ขมวดออกในที่สุด เธอตบอกเบาๆ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “ดีที่ลูกสาวจะหน้าตาเหมือนแม่ ลูกชายจะหน้าตาเหมือนพ่อ ถ้าเกิดว่าลูกสาวเหมือนพ่อน่ะน่ากลัวเกินไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครชอบเถียนกวาแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว ท่านชายฉินก็สำลักในทันที ยังดีที่ยั้งใจไม่ไปจัดการยัยตัวเล็กได้
แต่ว่าต่อหน้าจงต้าจวิ้นและเหมาเหว่ยหลงแล้ว แน่นอนว่าฉินสือโอวต้องวางมาดว่าได้ใจเต็มที่ เขาชี้ไปที่ห้องเด็กอ่อนข้างหลังแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เห็นหรือยัง ลูกชายฉัน มีครบทั้งลูกชายลูกสาว ชีวิตนี้ไม่มีเรื่องเสียใจแล้ว!”
จงต้าจวิ้นหัวเราะเหอๆ พูดว่า “นี่ไม่ถือว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบนะ นายยังต้องมีคนรู้ใจสาวสวยที่คอยสนับสนุน แล้วก็ต้องมีสาวน้อยอีกคนที่ทำให้ร่างกายนายกระชุ่มกระชวยด้วย นี่สิถึงจะเป็นชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริงๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดว่า “ดีๆ หัวหน้าห้องต้าจวิ้นไว้รอตอนที่นายแต่งงาน ฉันจะต้องเอาคำพวกนี้ไปพูดให้กับเจ้าสาวฟังแน่นอน”
เหมาเหว่ยหลงเอาของขวัญมอบให้กับฉินสือโอว เป็นเครื่องประดับทองที่เขาเอามาจากประเทศจีน มีกำไลข้อมือทองของเด็กอ่อน สร้อยข้อเท้าทอง แล้วก็จี้ทองอายุยืน เป็นต้น เป็นเซ็ตตั้งแต่หัวจรดเท้า ราคาอย่างต่ำก็ต้องมีเลขหกหลัก
ฉินสือโอวปัดมือแล้วพูดว่า “อันนี้เก็บไว้ให้ลูกของต้าจวิ้นในอนาคตแล้วกัน เครื่องประดับทองน่ะหนักเกินไป ลูกชายฉันไม่ใช่ลูกวัวสักหน่อย จะไปใส่ของเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร? นายจะล่ามวัวหรือไง”
จงต้าจวิ้นพูดเหน็บตัวเองว่า “ข้อเสนอของนายดีมาก ฉันเต็มใจรับของขวัญชิ้นนี้แทนลูกของฉันนะ แต่ว่าให้ตายสิตอนนี้ฉันยังไม่มีภรรยาเลย จะไปหาเด็กมาจากไหนล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงยัดให้ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “อย่ามา ลูกของต้าจวิ้นคลอดก็มีของอย่างอื่นอยู่ เซ็ตนี้เป็นของที่ฉันตั้งใจไปหาช่างใหญ่จากจีนทำให้เลยนะ แถมยังส่งไปให้อาจารย์ในวัดเจิมให้แล้วด้วย ดูสิ ข้างบนมีชื่อลูกชายของนายด้วย”
ฉินสือโอวเอาจี้อายุยืนขึ้นมาดู บนนั้นมีเพียงคำว่า ‘โชคดี’ อยู่เท่านั้น แต่มีรูปทรงกลมอยู่อันหนึ่งด้วย เขาชี้ไปที่รูปแล้วถามว่า “อันนี้เหรอ? นี่คือแตงโมเหรอ?”
สำหรับชื่อของลูกชาย ฉินสือโอวกับภรรยากับฉินเฟยและแม่ของฉินสือโอวได้มีความเห็นตรงกันในที่สุด ฉินสือโอวบอกว่าในเมื่อลูกสาวชื่อเถียนกวา งั้นลูกชายก็ต้องชื่อซีกวา (แตงกวา) เพราะคำนึงถึงว่าเขาเกิดอยู่ในประเทศฝั่งตะวันตก แถมแตงโมยังเป็นผลไม้ที่คนชื่นชอบ งั้นชื่อซีกวานี่แหละที่เป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุด
วินนี่เห็นด้วยกับจุดนี้ เธอก็รู้สึกว่าชื่อของเด็กจะต้องเรียกง่ายจำง่ายสำคัญที่สุด ชื่อที่ต้องมีกลิ่นอายวัฒนธรรมหรือพวกที่ตั้งตามยศศักดิ์และหลักการทั้งห้านั้นไม่จำเป็นต้องสนใจ
สำหรับชื่อเรียกของเด็กก็คือชื่อเล่นนั่นเอง ท่าทีของมิแรนด้ากับมาริโอ้จึงปล่อยวางไม่สนใจนัก ลูกชายของลูกสาว จะชื่ออะไรก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขา
ตอนแรกพ่อแม่ของฉินสือโอวไม่เห็นด้วย อุตส่าห์ตั้งตารอจนได้หลานชายคนโตมาแล้วทั้งที แต่สุดท้ายกลับรอได้แตงโมมาเหรอ? แต่ฉินสือโอวบอกกับพวกเขาว่า ชื่อเถียนกวาก็เป็นของกินเหมือนกัน แต่ว่าตั้งแต่ยัยตัวเล็กเกิดมาจนถึงตอนนี้ทุกอย่างราบรื่นมาก บ่งบอกว่าชื่อนี้ตั้งได้ดีแล้ว
เมื่อคิดถึงจุดนี้ พ่อแม่ของฉินสือโอวจึงทำได้แต่เก็บความเห็นของตัวเองไว้ คนแก่มีความเชื่อในเรื่องนี้มาก ฉินสือโอวได้จี้ตรงจุดสำคัญของพวกเขาแล้ว
ฉินสือโอวได้บอกชื่อลูกชายของตัวเองในกลุ่มเพื่อนไปตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ดังนั้นพวกเหมาเหว่ยหลงจึงรู้ว่าเด็กผู้ชายที่เพิ่งคลอดนั้นมีชื่อว่าซีกวา แถมพวกเขายังรู้อีกว่า ถ้าเด็กคนนี้เกิดเร็วอีกนิดคือเกิดในฤดูหนาวแล้วล่ะก็ ชื่อของเขาต้องเป็นตงกวา (ตงแปลว่าฤดูหนาว) อย่างแน่นอน…
ชื่อเล่นของลูกชายคือซีกวา ส่วนชื่อภาษาอังกฤษคือมาริโอ้ ใช้ชื่อเดียวกับคุณตาของเขา นี่เป็นความคิดของวินนี่และพ่อแม่ของเธอ ฉินสือโอวเห็นด้วย เพราะว่านี่เป็นวัฒนธรรมของคนผิวขาว ชื่อของคุณปู่คุณตาเป็นเหมือนสมบัติ ลูกหลานต้องสืบทอดต่อ
ทั้งสามคนพูดคุยหัวเราะกันอยู่ เถียนกวาก็วิ่งตุบๆเข้ามา พูดว่า “ป่าป๊า หม่าม๊าให้เรียกไปหาค่ะ”
หลังจากคลอดลูกเสร็จแล้ววินนี่ก็หลับไปตื่นหนึ่ง เพื่อนอนเติมน้ำตาลกลูโคสชดเชยพลังงาน ในตอนนี้จึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อเห็นฉินสือโอว เธอก็ยิ้มแล้วถามว่า “เฮ้ ที่รัก เจ้าตัวน้อยของพวกเราเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ดีมาก เขากำลังหลับอยู่น่ะ หลับปุ๋ยเลย ร่างกายปกติทุกอย่าง แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กน้อยที่แข็งแรงคนหนึ่ง”
วินนี่พูดว่า “คุณรู้ความหมายของฉันค่ะ ฉันถามว่า เด็กคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินสือโอวถอนหายไปไปที พูดว่า “น่าเกลียดกว่าตอนเถียนกวาเกิดมาอีก!”
เขานึกว่าที่ภรรยาเรียกเขามาก็เพื่ออยากจะหวานกันเสียอีก ที่ไหนได้ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไร้เดียงสาเกินไป เหตุผลที่แท้จริงที่วินนี่เรียกเขามาคือ ครั้งนี้เธอจะออกโรงพยาบาลก่อนกำหนด หลังจากคลอดเถียนกวาแล้วเธอก็ยอมทำตามความต้องการของพ่อกับแม่ฉินสือโอวโดยการอยู่เดือน ตอนนั้นเกือบจะทำเธอเบื่อจนตายไปเลย เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่น่าเบื่อนั้นแล้ว คนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่ก็รักอิสระอย่างวินนี่ก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ท่านชายฉินลำบากใจแล้ว พ่อกับแม่ของฉินสือโอวไม่มีวันยอมให้วินนี่ออกไปแบบนี้แน่ แถมพวกเขาก็มีเหตุผลด้วย ตอนที่วินนี่คลอดเถียนกวาร่างกายฟื้นฟูได้เร็วมาก นี่ก็คือผลของการอยู่เดือนนั่นเอง
สำหรับเรื่องนี้ฉินสือโอวมีเรื่องจะพูดเหมือนกัน นี่เป็นผลงานของพลังเทพแห่งท้องทะเลเถอะ วินนี่จะอยู่หรือไม่อยู่เดือนไม่มีผลเลย พลังเทพแห่งท้องทะเลสามารถปกป้องดูแลได้ครบทุกด้าน ร่างกายของวินนี่จึงอยู่ในโหมดที่ดีที่สุดตลอดแบบนี้
เป็นไปตามนั้น เขาไปหารือกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ของฉินสือโอวไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ตกลงให้ลูกสะใภ้คลอดลูกเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ครั้งนี้มิแรนด้ากับมาริโอ้ก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขาด้วย หลักๆ คือสภาพแวดล้อมของฟาร์มปลาเย็นชื้น ไม่ส่งผลดีต่อการพักฟื้นร่างกายของคนที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จ
ฉินสือโอวจึงเลือกใช้วิธีที่ประนีประนอมที่สุด นั่นก็คือทำการซื้อคอนโดห้องหนึ่งแถวๆ โรงพยาบาล ให้วินนี่ทำการพักฟื้นในคอนโดนั้น ถ้าหากรู้สึกว่าร่างกายไม่สบายตรงไหนจะได้มาโรงพยาบาลได้ทันท่วงที แถมการทำแบบนี้วินนี่จะได้มีพื้นที่ให้ยืดเส้นยืดสายได้ด้วย ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องผู้ป่วย
หลังจากข้อเสนอนี้ออกมา ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงยอมความกันทันที ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่มีเวลาดูแลเพื่อนเก่าอย่างจงต้าจวิ้น เพราะต้องไปหาบ้านก่อน
จงต้าจวิ้นแสดงออกมาว่าไม่เป็นไร เขาจะได้ตามไปดูด้วยเลย ความจริงเขาเองก็รู้สึกสงสัยเรื่องการเช่าและซื้อบ้านในต่างประเทศเหมือนกัน การตามไปซื้อบ้านด้วยจะได้เป็นการเปิดวิสัยทัศน์ไปในตัวด้วย
แต่เรื่องที่เกิดหลังจากนั้นทำให้เขาผิดหวังแล้ว ฉินสือโอวไม่ได้ไปหานายหน้าขายบ้านหรือไปหาบ้านบนอินเทอร์เน็ต เขาไปหาเรค บิ๊กฟุตกับฮิวจ์ ให้ทั้งสองคนหาเพื่อนมาช่วยเขาหาบ้าน พื้นที่ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ราคาก็ยิ่งแพงยิ่งดี
ราคาบ้านในเซนต์จอห์นอยู่ในระดับต่ำในแคนาดา โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ด้านข้างมีสวนสาธารณะสองแห่ง เล็กหนึ่งใหญ่หนึ่ง เป็นพื้นที่สีเขียวที่ดีมาก สาธารณูปโภคพื้นฐานก็ครบครัน สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตก็สะดวกมาก แต่ราคาของคอนโดอยู่ที่แค่ตารางเมตรละประมาณหกพันดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น
จงต้าจวิ้นฟังฉินสือโอวพูดจบแล้วก็อึ้งไปเลย พูดว่า “นายซื้อบ้านทีง่ายแบบนี้เลยเหรอ?”
ฉินสือโอวมองเขาอย่างแปลกใจแล้วพูดว่า “ไม่นะ ไม่ง่ายเลย นายไม่เห็นเหรอว่าฉันไปหาเพื่อนให้มาช่วยหาบ้านด้วยน่ะ?”
“หลังจากหาเจอแล้วล่ะ?”
“ฉันก็ไปดูบ้าน ถูกใจก็ซื้อเลย ไม่ถูกใจก็หาต่อไป ก็วุ่นวายอยู่นะ หวังว่าจะสามารถทำเสร็จได้ในสามวันแล้วกัน” ฉินสือโอวพูดพร้อมขมวดคิ้ว
จงต้าจวิ้น “…”
……………………