ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1831 บ้านใหม่ที่สวยงาม
ทั้งฮิวจ์และเรคมีคนรู้จักในเซนต์จอห์นมากมาย คนแรกมีเพื่อนตามท้องถนนเยอะ ส่วนคนหลังก็รู้จักกับคนในวงการการประมงไปทั่ว และเพราะเซนต์จอห์นเป็นเมืองท่า ธุรกิจสำคัญต่างๆ จึงเกี่ยวข้องกับการประมงทั้งนั้น
พอทั้งสองคนได้ยินว่าวินนี่จะมาพัก จึงรีบมาถามคุณสมบัติของบ้านที่ฉินสือโอวต้องการ แล้วก็ให้พวกเพื่อนๆช่วยหาบ้านที่เหมาะสมให้ในทันที
ฉินสือโอววางแผนไว้ว่าจะจบเรื่องในสามวัน เพราะวินนี่อยู่โรงพยาบาลต่ออีกสามวันก็สามารถออกโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นต่อได้แล้ว แต่เพียงแค่ในวันเดียวกันเรื่องก็ดำเนินไปได้พอประมาณแล้ว เรคกับฮิวจ์ก็รวบรวมรายการบ้านละแวกนั้นไว้ ถ่ายรูปพร้อมกับคำแนะนำไว้เพื่อให้เขาดู
พอเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวจึงไม่ได้กลับฟาร์มปลา แต่พักอยู่ในตัวเมืองแทน จึงรวดหาที่พักให้กับจงต้าจวิ้นกับบ้านของเหมาเหว่ยหลงไว้พักชั่วคราวด้วย ให้พวกเขาไปดูบ้านพร้อมกับเขา
วันแรกใช้เวลาไปครึ่งวันในการรวบรวมข้อมูลบ้านละแวกรอบๆ เพื่อนำมาเลือกอีกที วันที่สองฉินสือโอวก็พาคนไปเยี่ยมชม บ้านที่เขาดูล้วนเป็นประเภทขายยกเซ็ต และเป็นอพาร์ทเม้นท์ระดับสูงเป็นหลัก หลังจากเลือกมาไม่กี่หลังแล้ว ก็มีอพาร์ทเม้นท์เดี่ยวที่ตั้งอยู่ข้างสวนสาธารณะเข้ามาในสายตาเขา
อพาร์ทเม้นท์นี้เพิ่งสร้างขึ้นไม่กี่ปี ถือว่าเป็นตึกสไตล์ใหม่ เจ้าของซื้อไว้ก็เพื่อเป็นการลงทุน ด้วยกระแสการย้ายถิ่นฐานของผู้อพยพที่มากขึ้น ราคาอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดาในไม่กี่ปีมานี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เรื่องซื้อบ้านยากไม่ได้เป็นเพียงเรื่องปวดหัวของคนหนุ่มสาวในประเทศจีนเท่านั้น ที่แคนาดา พวกพนักงานออฟฟิศหนุ่มสาวก็ปวดหัวเช่นกัน
แต่ช่องว่างในการขึ้นราคาของอสังหาริมทรัพย์ในเซนต์จอห์นกลับไม่มาก เหตุผลก็อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ นี่เป็นเมืองท่า หัวใจหลักของเศรษฐกิจคืออุตสาหกรรมการประมงและการท่องเที่ยว ดังนั้นหากต้องการใช้ชีวิต หรือสร้างอนาคตแล้วล่ะก็ พวกเขาจะไม่มาที่นี่กัน
แน่นอนว่า เซนต์จอห์นเป็นดินแดนสวรรค์ในการใช้ชีวิตเกษียณ แต่ผู้อพยพในตอนนี้มีเท่าไรกันที่ออกมาเพื่อใช้ชีวิตเกษียณ? ดังนั้นราคาอสังหาของที่นี่ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนเกินไป ในเขตตัวเมืองไม่กี่ปีก่อนหน้านี้คือห้าพันกว่า ตอนนี้ก็ขึ้นมาถึงแค่หกพันกว่าเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ พวกพนักงานออฟฟิศและพนักงานแรงงานในเซนต์จอห์นก็พากันโวยวายเรื่องราคาบ้านสูงขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ฉินสือโอวเห็นเสียงโห่ร้องของคนเหล่านี้ ก็อยากจะส่งพวกเขาไปลองดูที่ประเทศจีนหรือไม่ก็เซี่ยงไฮ้เสียจริง พวกเขาจะได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าราคาบ้านที่สิ้นหวัง!
แต่ว่าถ้าลองคิดในแง่อื่นดู ราคาบ้านในเซนต์จอห์นก็ไม่ต่ำเลย หกพันดอลลาร์แคนาดาก็คือสามหมื่นหยวน แต่ปัญหาคือ คนที่ซื้อบ้านที่นี่ส่วนมาจะเป็นคนพื้นที่เป็นหลัก แถมเงินที่คนพื้นที่หาได้ก็คือหน่วยดอลลาร์แคนาดา ไม่ว่าเงินเดือนจะสี่พันหกพันหรือว่าแปดพัน ก็ล้วนเป็นเงินดอลลาร์แคนาดา ในสถานการณ์แบบนี้การจะซื้อบ้านสักหลังมีแรงกดดันก็จริง แต่ว่าไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับในประเทศจีน
บังเอิญมาก เจ้าของอพาร์ทเม้นท์เดี่ยวนี้ก็เป็นชาวอพยพเหมือนกัน เป็นคนสิงคโปร์ สิงคโปร์มีราคาบ้านที่น่ากลัวกว่าประเทศจีน ชาวอพยพคนนั้นรู้สึกว่าราคาบ้านในเซนต์จอห์นยังมีช่องว่างให้เติบโตอยู่ จึงลงทุนซื้อที่นี่ไว้
แต่สุดท้าย กลายเป็นว่าเกือบจะเข้าเนื้อตัวเองแล้ว บ้านตรงนี้เขาได้แขวนป้ายไว้สองปีแล้ว คนที่มาดูบ้านยังน้อยจนน่าสงสาร ยิ่งคนซื้อยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย แน่นอนว่า นี่เกี่ยวเนื่องกับราคาที่เขาตั้งไว้ด้วย ราคาบ้านในตลาดคือระหว่างตารางเมตรละ 6000 ถึง 6500 แต่ที่เขากลับเรียกถึง 7000 จึงเป็นธรรมดาที่คนมาดูบ้านจะน้อย
อีกเหตุผลหนึ่งที่คนมาดูบ้านน้อยก็คือ บ้านนี่ค่อนข้างใหญ่ ราคาค่อนข้างสูง คนปกติสู้ไม่ไหว
อพาร์ทเม้นท์ตึกนี้มีทั้งหมดสามชั้น บวกกับห้องใต้หลังคาก็เท่ากับมีสี่ชั้น ด้านหน้าสวนมีโรงจอดรถสองที่กับสนามหญ้าเล็กๆแห่งหนึ่ง ส่วนด้านหลังคือสวนดอกไม้ใหญ่สวนหนึ่ง พื้นที่ใช้สอยในแต่ละชั้นคือประมาณ 260 ตารางเมตร แบบนี้ถ้าสามชั้นรวมกันก็เท่ากับมีประมาณ 800 ตารางเมตรเลย
เจ้าของเป็นชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน แน่นอนว่าเขาอพยพไปที่แคนาดาตั้งแต่รุ่นคุณปู่แล้ว นอกจากสายเลือดแล้ว เขากับเชื้อสายจีนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่ว่าเขามีความหลักแหลมของชาวเชื้อสายจีน นั่นก็คือแขวนป้ายแยกห้องแต่ละยูนิตไว้ ก็คือสามารถซื้อแค่ชั้นเดียวได้ เมื่อทำการแบ่งขายแบบนี้ สามารถยกราคาบ้านขึ้นได้ด้วย
แต่ว่าเขาได้รับปากแล้ว หากว่าขายออกทั้งหมดเลยเขายินดีที่จะยกชั้นใต้หลังคาให้ฟรี ฉินสือโอวดูแล้วก็ยิ้มแล้วส่ายหัว ถ้าไม่ยกห้องใต้หลังคาให้แล้วจะเอาไปทำอะไรได้อีก? เซนต์จอห์นไม่ใช่นิวยอร์ก จะมีใครมาซื้อชั้นใต้หลังคากัน?
การออกแบบของตึกนี้ดูดีมาก ชั้นล่างเป็นกระเบื้องที่ส่องประกายระยิบระยับ ชั้นบนตกแต่งด้วยไม้ที่ได้รสนิยมมาก โดยรวมบ้านเป็นสีเหลืองอ่อน ผนังมีไม้เลื้อยๆ อยู่ และเพราะเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิทำให้เต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วง ด้านหน้าติดถนน และยังมีโรงจอดรถและสนามหญ้าเล็กๆ ส่วนด้านหลังก็คือสวนดอกไม้ที่กว้างขวาง
ฉินสือโอวเข้าไปดูในบ้าน การตกแต่งในบ้านหรูหราสวยงาม พื้นเป็นพื้นไม้เนื้ออ่อน คนสิงคโปร์คนนั้นเข้าไปแล้วก็เดินเท้าเปล่าไปมา แล้วพูดชมขึ้นมาเองว่า “พื้นนี่สบายเท้ามากเลยครับ แม้จะเดินเท้าเปล่าตอนฤดูหนาวก็ไม่หนาวเลย ถ้ามีเด็กจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แม้เด็กจะตกลงมาจากโซฟา ก็ไม่ทำให้เจ็บด้วย”
พื้นทางเดิน โคมไฟระย้า โต๊ะยาวไม้แท้ เฟอร์นิเจอร์ยกชุด ห้องครัวที่สะอาดเป็นระเบียบกับชุดเครื่องครัวยกเซ็ต ระเบียงได้ถูกดัดแปลงไปเป็นบาร์เล็กๆ ช่วงบ่ายสามารถมานั่งรับแสงแดดที่นี่หรือไม่ก็ดื่มสักแก้วได้ ดูแล้วคงสบายมาก
ผนังด้านข้างบันไดมีภาพสีน้ำมันแขวนอยู่ ฉินสือโอวเห็นดอกทานตะวันของแวนโก๊ะจากในนั้นด้วย ภาพนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะว่าเขาเคยได้รับภาพดอกทานตะวันที่เป็นของปลอมแบบนี้มาก่อน
โดยรวมแล้วพอใจ ฉินสือโอวจึงพยักหน้าให้เรค ฝ่ายหลังจึงพูดเสียงเบาว่า “จะไปดูต่ออีกไหม?”
ฉินสือโอวพูดว่า “คุยราคาเถอะ ซื้อหลังนี้แหละ อย่างไรก็ไม่กี่ตังอยู่แล้ว”
เรคฉีกยิ้มให้เขา ชูนิ้วโป้งขึ้นมาชมเขาว่า “ไอ้คำพูดของนายคำนี้นี่นะ ทำเอาคนตกใจฉี่ราดได้เลย!”
เจ้าของคนสิงคโปร์หลักแหลมมาก เขายืนยันราคาบ้านไว้ที่ 7000 ต่อตารางเมตร เท่ากับว่าอพาร์ทเม้นท์ตึกนี้ ต้องมีห้าล้านกว่าเหรียญจึงจะสามารถซื้อได้ ราคานี้สูงมาก การซื้อบ้านในเซนต์จอห์นล้วนซื้อกันเป็นเซตทั้งนั้น วิลล่าหนึ่งเซ็ตก็ราคาเพียงแค่ห้าล้านเหรียญเท่านั้น
หนำซ้ำ เจ้าของคนนี้ยังแยกสวนดอกไม้กับโรงจอดรถอีก ราคาสวนดอกไม้คือสองแสนเหรียญ โรงรถทั้งสองห้องๆ ละห้าหมื่นเหรียญ สนามหญ้าเขาฟรีให้ บวกกับภาษีต่างๆ แล้ว ฉินสือโอวต้องจ่ายเงินกว่าหกล้านดอลลาร์แคนาดา
สำหรับเขาแล้วเงินเท่านี้ไม่ใช่ปัญหา หกล้านก็หกล้าน แต่ว่าเรคกลับไม่ยอม พูดด้วยเสียงโกรธเคืองว่า “นายนี่มันเอาเปรียบคน เพื่อน ราคานี้อย่างไรก็ขายไม่ออกแน่นอน! หกล้าน? ฮะ ทำไมฉันไม่ไปซื้อวิลล่าสักหลังริมทะเลไปเลยล่ะ?”
คนสิงคโปร์นอกจากเรื่องโลภมากแล้วไม่มีข้อเสียอื่นๆ เลย เขานิสัยดีมาก จึงยิ้มรับแล้วพูดว่า “วิลล่าต้องจ่ายภาษีเท่าไร แล้วคุณดูว่าอพาร์ทเม้นท์หลังนี้จ่ายภาษีแค่เท่าไรเองครับ? อีกอย่าง ตึกอพาร์ทเม้นท์แบบนี้สามารถเอามาออกเช่าได้ด้วย วิลล่าจะให้เช่าได้อย่างไรครับ? แล้วก็คุณดูบ้านของผมหลังนี้สิ ทำเลดีแค่ไหน รอบๆ มีโรงพยาบาล มีโรงเรียน มีสวนสาธารณะ มีห้างสรรพสินค้า ถ้าเป็นที่โทรอนโต บ้านแบบนี้ขายกันอยู่ที่สิบล้านเหรียญนะครับ!”
“ถ้าคุณไปที่ประเทศจีน งั้นสองร้อยล้านก็ยังซื้อบ้านแบบนี้ไม่ได้เลย” เหมาเหว่ยหลงพูดเสียงนิ่งว่า “แต่ที่นี่เป็นเซนต์จอห์นไม่ใช่เหรอ? ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ”
คนสิงคโปร์กะพริบตาปริบๆ ทำท่าทีเหมือนเข้าเนื้อ พูดว่า “เอาเถอะ งั้นโรงจอดรถผมให้พวกคุณแล้วกัน เท่านี้ก็ได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“ยกทั้งโรงจอดรถกับสวนดอกไม้ให้พวกผม ราคาบ้านผมจะไม่ต่อคุณแล้ว อยู่ที่ 7000 เหรียญว่าอย่างไร?” ฉินสือโอวมองออก ว่าเจ้าของคนนี้ก็คือกร็องเด้ด์อีกคน ถ้าจะต่อราคากับเขาล่ะก็คงมีให้ต่อแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับแขวนป้ายไว้สองปีแล้วราคาก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรอก
เจ้าของถอนหายใจอย่างปวดใจทีหนึ่ง กุมมือฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ใครให้พวกเราต่างก็เป็นชาวเชื้อสายจีนกันล่ะ? เห็นแก่บรรพบุรุษของพวกเรา เอาตามที่คุณว่าแล้วกัน จะจัดการเรื่องส่งมอบเมื่อไรครับ?”
“ตอนนี้”
………………………