ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1842 ชักเย่อบนทะเล
ทั้งตัวของปลาทูน่าครีบน้ำเงินล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งนั้น ตั้งแต่หัวปลายันหางปลา ตั้งแต่เกล็ดปลายันไข่ปลา แต่ละอย่างล้วนสามารถเอามาทำอาหารได้ทั้งนั้น แถมหลังจากเอามาทำอาหารแล้วรสชาติยังดีมากอีกด้วย
ปลาตัวใหญ่ความยาวสามสี่เมตร หัวปลาใหญ่ราวกับขนาดของกระเป๋าเดินทางเลยทีเดียว ฉินสือโอวใช้ขวานสับออกเป็นหลายชิ้น แต่ใช้เพียงแค่ชิ้นเดียวใส่เข้าไปตุ๋นในหม้อ เพื่อทำซุปหัวปลา แน่นอนว่าเกล็ดปลากับหางก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ แล้วใส่เข้าไปในหม้อ ทำการเร่งไฟเพื่อตุ๋น
จงต้าจวิ้นเป็นลูกมือให้อยู่ข้างๆ เขารู้จักปลาชนิดนี้ไม่มาก ดังนั้นจึงถามตลอดว่า “เฮ้ย หัวปลานี่สามารถเอาไปทำเป็นหัวปลาราดพริกสับได้ไหม? นายจะตุ๋นซุปเหรอ? รู้อย่างนี้น่าจะทำเต้าหู้ไว้ก่อน ซุปหัวปลาเต้าหู้ไง เฮ้ย นายเตรียมเต้าหู้ไว้จริงเหรอเนี่ย?”
“อะไรนะ? นี่เป็นสมองปลา? เข้าใจผิดเสียแล้ว ฉันนึกว่าเป็นเต้าหู้เสียอีก ตาฉิน นายควักตาปลาออกมาทำไม? ให้ตายสิน่าขยะแขยงจริงๆ”
“หางปลาไม่ทิ้งเหรอ? ฉันว่าพวกเราจำเป็นต้องประหยัดขนาดนี้จริงๆเหรอ? แล้วก็ยังครีบปลาพวกนี้อีก ราวกับแปรงพลาสติกเลย นี่ก็กินได้เหรอ?”
“…”
ฟังคำถามของเขาแล้ว ท่านชายฉินก็หมดคำจะพูดขึ้มา เขากลอกตาไปทีพูดว่า “นี่พี่จวิ้นนายยังเป็นเด็กขี้สงสัยด้วยเหรอเนี่ย? ทำไมคำถามเยอะขนาดนี้เนี่ย? สมองปลา หางปลากับตาปลาล้วนเป็นของดีทั้งนั้น โดยเฉพาะหางปลากับครีบปลา ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเป็นปลาชนิดที่เชี่ยวชาญการว่ายน้ำที่สุดในมหาสมุทรเลยรู้ไหม? ครีบกับหางของพวกมันจึงเป็นส่วนที่โตมากที่สุด เอามาตุ๋นเป็นซุปดีๆ ตุ๋นเอาวุ้นปลาออกมาแล้ว สามารถบำรุงสมรรถภาพทางเพศได้ รับประกันได้เลยว่าหลังจากนายหาภรรยาเจอแล้ว คืนหนึ่งแปดครั้งแน่นอน ไม่เชื่อนายลองถามโคโกโร่ดู”
เหมาเหว่ยหลงรีบพูดว่า “น้องแกสิฉิน ทำไมเรื่องอะไรก็มาถามฉันล่ะ? ฉันไม่เคยดื่มสักหน่อย ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?”
จงต้าจวิ้นพูดว่า “ใช่แล้ว ทำไมฉันต้องไปถามโคโกโร่ด้วย เขาทำฟาร์มปศุสัตว์ไม่ใช่ฟาร์มปลาสักหน่อย อีกอย่างจากความสามารถของโคโกโร่แล้ว คืนละแปดรอบยังต้องพึ่งการดื่มซุปนี้ด้วยเหรอ?”
ฟังคำนี้แล้วเหมาเหว่ยหลงก็หน้าตาเบิกบานขึ้นมา เขาตบไปที่ไหล่ของจงต้าจวิ้นแล้วพูดว่า “หัวหน้าห้อง ทำไมคุณถึงชอบพูดแต่เรื่องจริงครับ? ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว ข้อเสียข้อนี้ก็ยังไม่แก้เสียทีนะ แต่ว่าฉันชอบ!”
จงต้าจวิ้นยิ้มอย่างบื้อๆ พูดว่า “แหะๆ อย่างไรเสียพวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งสี่ปีนะ ฉันจะไม่รู้จักนายได้เหรอ? คืนละแปดรอบ รอบละแปดวินาที รวมๆ กันแล้วก็มีหนึ่งนาทีกว่าเลยนะ เก่งกาจมากเลย…”
สีหน้าเหมาเหว่ยหลงที่กำลังยิ้มอย่างเบิกบานอยู่ได้หุบลงไปทันที คราวนี้ถึงตาฉินสือโอวหัวเราะร่าขึ้นมาแล้ว เขาหัวเราะไปพลางชูนิ้วโป้งขึ้นมาพลาง พูดว่า “ฉันว่านะปากของพี่จวิ้นนี่ ยังคงจัดเหมือนกับตอนมหาวิทยาลัยไม่มีผิดเลย! สมแล้วที่เป็นนักขี้ในการแข่งโต้วาทีของห้องเรา เก่งจริงๆ!”
จงต้าจวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “พูดไปเรื่อย ขี้ๆ อะไร นั่นเรียกว่านักอภิปราย นักอภิปราย (อภิปรายและขี้เป็นคำพ้องเสียงกันในภาษาจีน) เข้าใจไหม?”
สมัยพวกเขาอยู่มหาวิทยาลัย ทุกปีทางมหาวิทยาลัยจะจัดการแข่งขันโต้วาทีกันขึ้นระหว่างคณะ ในตอนนั้นจงต้าจวิ้นเฉิดฉายมาก เขามีฝีปากเป็นเลิศ หนังสือที่อ่านตอนปกติก็มาก พอเริ่มอภิปรายกันแล้วจึงสามารถอ้างอิงข้อมูลได้มากมาย จึงถูกเลือกให้เข้าไปในทีมอภิปรายของคณะเป็นธรรมดา
ในทีมอภิปรายจะมีนักอภิปรายอยู่ทั้งหมดสี่คน แบ่งออกเป็นนักอภิปรายมือหนึ่ง มือสอง มือสาม และมือสี่ ส่วนนักอภิปรายมือหนึ่งนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นนักอภิปรายใหญ่หรือก็คือขี้ (ทั้งสองคำออกเสียงเดียวกัน) ส่วนนักอภิปรายมือที่สี่จะถูกเรียกว่านักอภิปรายเล็ก ซึ่งเมื่อออกเสียงออกมาก็จะพ้องเสียงกับคำว่าฉี่นั่นเอง
ตุ๋นซุปแล้ว ฉินสือโอวก็นำหนังปลาที่หั่นเป็นเส้นๆ ใช้น้ำร้อนต้มจนสุกสะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วนำไปคลุกเคล้ากับผักจำพวกสาหร่ายโนริ สาหร่ายคอมบุ พริก หอมใหญ่และน้ำมะนาว ส่วนเกล็ดปลาสีดำนั้นจะเอาไปทอดกรอบ หลังจากลงหม้อแล้วเกล็ดปลาได้เปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงทอดซู่ๆ ซ่าๆ เกล็ดปลาพวกนี้ทอดสุกอย่างรวดเร็ว ตักขึ้นมาโรยผงพริกและผงยี่หร่าเข้าไป กลิ่นนั้นหอมกว่าหมูสันในทอดเป็นอย่างมาก
ที่ยุ่งยากที่สุดก็คือกระดูกปลาย่าง อันนี้เป็นอันที่ขึ้นเตาเป็นอันแรก แต่กลับเป็นของที่ย่างสุกได้ง่ายที่สุด ฉินสือโอวชิมดู ยังกรอบนุ่มไม่พอ ยังคงแข็งอยู่บ้าง แต่ว่าแบบนี้จะทำให้รสชาติอยู่นานกว่า หลังจากใช้น้ำมะนาวกับซอสพริกกลบกลิ่นคาวของปลาแล้ว ต้องเป็นกับแกล้มเหล้าที่ดีมากอย่างแน่นอน
กำลังย่างกระดูกปลาอยู่ เครื่องวิทยุไร้สายก็มีเสียงของนีลเซ็นดังขึ้นมาว่า “บอสครับ มีปลาติดแห ปลาตัวใหญ่!”
ฉินสือโอววางกระดูกปลาลง ปัดมือแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องอยู่วุ่นวายที่นี่แล้ว เด็กขี้สงสัย พี่พานายไปจับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน นี่น่ะถือว่าเป็นการปฏิบัติงานทางทะเลที่ให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จสูงสุดเลยนะ คนทั่วไปไม่มีโอกาสแบบนี้หรอก”
นั่งเรือสปีดโบ๊ดลำหนึ่ง คนทั้งกลุ่มพากันไปที่จุดที่ปลามาติดเบ็ดอย่างรวดเร็ว คลื่นทะเลรอบด้านซัดไปมา น้ำทะเลที่ใสสะอาดเปล่งประกายแสงที่ราวกับแสงสีรุ้ง นี่ก็คือแสงที่มาจากเครื่องแจ้งเตือนในทะเลนั่นเอง
ชาร์คนั่งยองๆ อยู่หัวเรือแล้วจ้องลงไปในน้ำอย่างตั้งใจ ในมือกำฉมวกแทงปลาไว้แน่น จงต้าจวิ้นถามว่าเขาเตรียมจะจับปลาเหรอ? ฉินสือโอวตอบไปว่าไม่ใช่ ชาร์คกำลังใช้ประสบการณ์ประเมินอยู่ว่าปลาที่ติดเบ็ดเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือว่าปลาฉลาม
เบ็ดราวก็เป็นวิธีการตกปลาที่ถูกกรมการประมงและรัฐเดอะมารีนไทม์ (The Marinetime Provinces) ของแคนาดาห้ามใช้เหมือนกัน เหตุผลก็เพราะมันสามารถหลอกให้ปลาฉลามและปลาวาฬมาติดกับได้ง่าย สามารถทำร้ายเจ้าพวกประมาทอย่างเจ้าพวกนี้ได้ หลังจากการสำรวจและการคัดค้านของเหล่าชาวประมง ทางรัฐบาลจึงถอยให้ โดยการห้ามใช้การตกเบ็ดราวในน่านน้ำที่ปลาวาฬและปลาฉลามชุกชุมเท่านั้น
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปตรวจดูก่อนแล้ว เชือกเส้นนี้ตกได้ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน น่านน้ำแถบนี้ไม่มีปลาฉลาม แต่ถึงมีก็ถูกฝูงปลาวาฬหัวทุยทำให้ตกใจหนีไปแล้ว
หลังจากไล่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเข้ามาในอวนล้อมแล้ว ภายใต้การนำทางของหัวหน้าฝูงปลาวาฬหัวทุยก็ได้ว่ายต่อไปยังน่านน้ำทิศใต้แล้ว เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจมาก หากบอกว่าฝูงวาฬไปหลบหนาวกันที่มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ยังสามารถเข้าใจได้ แต่ว่าตลอดฤดูหนาวนี้พวกมันก็อยู่ที่ฟาร์มปลามาแล้ว ทำไมถึงตอนฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มอบอุ่น เจ้าพวกนี้ถึงว่ายไปทางใต้ล่ะ?
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงวาฬแก่ตัวที่มีจิตสำนึกที่เคยทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและมึนงงขึ้นมา เป็นไปได้ไหมที่วาฬแก่ตัวนั้นจะใช้วิธีที่พิเศษอะไรซักอย่างเรียกพวกมันไป?
เมื่อคิดแบบนี้ เขาก็รู้สึกกังวลฝูงปลาขึ้นมา จึงตัดสินใจว่าจากนี้ไปจะทำการติดตามสถานการณ์ของฝูงปลาวาฬทุกวัน
ชาร์คมองดูสักพักแล้วก็หันกลับมาพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ บอส เป็นปลาทูน่า ไม่ใช่ปลาฉลาม!”
ฉินสือโอวพูดว่า “งั้นดี เก็บขึ้นมาเลย จับเจ้าตัวนี้ขึ้นมา!”
ชาร์คยิ้มออกมาด้วยสีหน้าปนดีใจ เก็บแขนเสื้อขึ้นมาแล้วพูดว่า “ตามสั่งเลยครับ บอส ดูผมได้เลย!”
เชือกที่เบ็ดราวใช้ไม่ใช่สายเบ็ดตกปลา เจ้าของสิ่งนี้คุณภาพดีมาก สามารถต่อกรกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้ ดังนั้นในการเก็บอวนในครั้งนี้ หากว่าไม่ใช้เครื่องจักรเก็บอวนแต่ใช้แรงคนแทนแล้วล่ะก็ งั้นก็จะเป็นเหมือนการชักเย่อนั่นแหละชาวประมงชักเย่อกับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
นี่เป็นหนึ่งในงานที่ทดสอบร่างกายและประสบการณ์ของชาวประมงมากที่สุด ชาร์คสวมถุงมือหนาไว้ หยิบเชือกใหญ่ไว้แล้วก็เริ่มสาวขึ้นมา นีลเซ็นกับฉินสือโอวยืนช่วยเขาสาวเชือกอยู่ด้านหลัง จงต้าจวิ้นกับเหมาเหว่ยหลงไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงยืนเหงื่อไหลซกอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
มองเห็นทั้งสองคนยืนบื้ออยู่ข้างๆ แล้ว ฉินสือโอวก็โกรธจนเจ็บนมขึ้นมา เขาพูดว่า “พวกนายดูหนังอยู่หรือไง? ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก!”
จงต้าจวิ้นพูดอย่างแปลกใจว่า “จำเป็นต้องใช้คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด แล้วพูดว่า “ล้อเล่นหรือไง ในน้ำเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ตัวยาวหลายเมตรเลยนะ! แรงม้าตอนที่อยู่ในน้ำของเจ้านี่น่ะ ราวกับรถกระบะที่อยู่บนพื้นดินเลยนะ!”
…………………………