ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1843 ปลาสะบัดฝ่ามือ
การลากปลาทูน่าครีบน้ำเงินขึ้นมาจากน้ำดื้อๆนั้ นเป็นงานที่หนักมาก ปลาพวกนี้เป็นสัตว์ดุร้ายในน้ำอยู่แล้ว ตอนนี้พวกมันบาดเจ็บเพราะติดเบ็ดอยู่ ทำให้นิสัยดุร้ายกว่าเดิมมาก เป็นธรรมดาที่พลังที่ปะทุออกมาจะน่ากลัวกว่าเดิม
เหมือนกับที่ฉินสือโอวเปรียบเปรยไว้ หลังจากนี้พวกเขาก็เริ่มการชักเย่อในทะเลกัน ฝั่งหนึ่งของการชักเย่อคือพวกเขาไม่กี่คน ส่วนอีกฝั่งก็คือปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่โกรธจัดอยู่ มันอุกอาจอยู่ในน้ำ ราวกับรถกระบะที่วิ่งไปบนผืนดินอย่างไรอย่างนั้น
พลังและความอดทนของปลาทูน่าถือเป็นอันดับหนึ่งในอันดับหนึ่งเลย แต่ว่าในตอนนี้พวกมันกัดโดนตะขอเบ็ดอยู่ ยิ่งขัดขืนมากเท่าไร แผลของพวกมันก็ยิ่งใหญ่ ยิ่งรู้สึกเจ็บ เลือดยิ่งไหลมาก และในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าร่างกายก็จะเผาผลาญพลังงานไปได้มากเช่นกัน
นี่ไม่เหมือนกับการเย่อกับปลาตอนที่ใช้เบ็ดตกปลา ครั้งนี้ใช้เวลาไปไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้น สัตว์ดุร้ายในน้ำตัวนี้ก็หมดแรงจะขัดขืนแล้ว ผิวน้ำรอบๆ ได้กลายเป็นสีแดงไปทั่ว นี่ล้วนเป็นเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากปลาทูน่าครีบน้ำเงินทั้งนั้น
สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำก็คือลากปลาขึ้นมาจากในน้ำ แต่ว่าไม่ได้ลากขึ้นบนเรือสปีดโบ๊ท แต่มัดไว้กับเรือแทน รอจนเรือปริ๊นเซสเล่อนมาถึงแล้วค่อยลากมันออกมา แล้วทำการฆ่าแล้วใส่เข้าไปในกล่องเก็บอุณหภูมิ ไม่อย่างนั้นหากว่าปลาทูน่าตายไปก่อนแล้วล่ะก็ จะเป็นการทำลายคุณภาพเนื้อให้เสียหายได้
ด้วยความพยายามของชาร์คกับฉินสือโอว ในที่สุดปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวนี้ก็เผยโฉมหน้าออกมา และเหมือนกับที่นีลเซ็นพูดไว้ นี่เป็นเจ้าตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มีความยาวระหว่างสามเมตรครึ่งถึงสี่เมตรได้ พออยู่ในน้ำแล้วจึงทำให้ดูเหมือนปลาฉลามตัวเล็ก
จงต้าจวิ้นมองแล้วรู้สึกสงสัย จึงทำท่าว่าเขาจะเข้าไปลองจับปลาใหญ่ตัวนี้ แล้วให้ฉินสือโอวถ่ายรูปให้เขา กลับไปจะได้ไปอวดในไทม์ไลน์กับกลุ่มเพื่อน
ฉินสือโอวรับปาก ส่งเชือกให้กับจงต้าจวิ้น ตอนนี้ปลาตัวนี้ไม่มีแรงแล้ว จึงไม่กลัวว่ามันจะหนีไปพร้อมกับเชือก
แต่ว่าในตอนที่จงต้าจวิ้นยกปลาออกมาจากน้ำอย่างสุดความสามารถนั้น ปลาทูน่าครีบน้ำเงินในน้ำกลับใช้หางปลาตบน้ำทะเลอย่างบ้าคลั่ง สภาพของน้ำที่ถูกตีไปมานั้นราวกับว่ามังกรที่กำลังโกรธจัดออกมาจากทะเลอย่างไรอย่างนั้น นำพาเอาคลื่นน้ำทะเลพุ่งขึ้นมาพร้อมกับร่างของมันด้วย
หลังจากกระโดดขึ้นจากผิวน้ำแล้ว เหมือนกับว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวนี้จะหวาดกลัวเล็กน้อย จึงทำการสะบัดหางอย่างแรงอีกที จงต้าจวิ้นไม่ทันหลบ ถูกหางปลาฟาดไปบนไหล่ทีหนึ่ง…
ตอนแรกเพราะคลื่นทะเลที่ม้วนเกลียวเป็นเหตุ ทำให้เรือสปีดโบ๊ทเอนไปมาไม่หยุด จงต้าจวิ้นยืนได้ไม่ค่อยมั่นนัก ทีนี้เมื่อถูกหางอันมหึมาของปลาทูน่าตบโดนแล้ว จงต้าจวิ้นที่โชคร้ายจึงราวกับถูกรถชนอย่างไรอย่างนั้น ร้องเสียงหลงออกมาทีหนึ่งแล้วก็ลอยออกไปจากดาดฟ้าของเรือสปีดโบ๊ดไป เสียง ‘ตู้ม’ ดังขึ้นมาทีหนึ่งแล้วก็ตกลงไปในทะเลเลย
ฉินสือโอวที่มองเห็นฉากนี้แล้วก็ตกใจขึ้นมา เขาไม่สนเรื่องถอดเสื้อผ้า กระโดดตามลงทะเลไปราวกับปลากระโดด ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเล็งจงต้าจวิ้นไว้ เข้าไปใช้แขนทั้งสองข้างอุ้มเขาไว้เตะขาทั้งสองเพื่อลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ แล้วทำการส่งเขาขึ้นบนเรือสปีดโบ๊ดอีกครั้ง
ชาร์คกับอีวิลสันรับเขาขึ้นไป จนถึงตอนนั่งลงแล้วจงต้าจวิ้นยังไม่ได้สติกลับมา เขาร้องออกมาอย่างหวาดกลัวและมึนงงแล้วพูดว่า “เฮ้ยๆๆ สวรรค์คุ้มครอง นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?”
ฟังเสียงร้องตะโกนที่เสียงดังฟังชัดของเขาแล้ว ในใจของฉินสือโอวก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย เขาพูดด้วยความรู้สึกที่ยังตกใจไม่หายว่า “นายต้องขอบคุณที่สวรรค์คุ้มครองจริงๆ นั่นแหละ ที่หางของปลาตัวนี้ตบไปโดนไหล่ของนายไม่ใช่หัวของนาย…”
คำพูดหลังจากนี้เขาไม่ได้พูดต่อ ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องพูดอยู่แล้ว คนอื่นๆล้วนเข้าใจความหมายของเขา หากว่าหางปลาตบไปที่หัวของจงต้าจวิ้นจริงๆ แล้วล่ะก็ ด้วยพลังอันน่ากลัวของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน สามารถตบจนคอเขาหักได้เลย!
ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงเกาะแฟร์เวล เขาได้ไปแทงปลาที่ทะเลสาบเฉินเป่ากับเออร์บัก นั่นเป็นการแทงปลาครั้งแรกของเขา ตอนนั้นมีปลาคาร์ฟตัวหนึ่งที่ตกใจกระโดดขึ้นมาแล้วตบหางไปที่หน้าของเขาก็ตบจนเขาเกือบตายเลย แน่นอน ขอความร่ำรวยต้องขอตอนเสี่ยงอันตราย หลังจากเจอเรื่องใหญ่แล้วไม่ตายต้องมีเรื่องดีตามมาแน่นอน เพราะในครั้งนั้นน่ะแหละที่หัวใจโพไซดอนของฉินสือโอวได้ตื่นขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าจงต้าจวิ้นไม่มีความโชคดีเหมือนกับเขา หลังจากเจ้าคนน่าสงสารนี้ถูกปลาทูน่าตบเข้าแล้ว ได้มาก็แค่รอยเขียวช้ำรอยใหญ่บนไหล่เท่านั้น นอกนั้นแล้วแม้แต่ขึ้หมาก็ไม่ได้เลย
แต่ว่าแค่ไม่เป็นไรก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากในโชคร้ายแล้ว ชาร์คกับนีลเซ็นถึงกับวาดท่าไม้กางเขนบนหน้าอกเพื่อขอบคุณพระเจ้าด้วย หลังจากจงต้าจวิ้นได้รู้ถึงความอันตรายของสถานการณ์นี้แล้วก็ประสานสองมือขึ้นมาโค้งคำนับไปทางตะวันออกรัวๆ ปากก็พูดพล่ามไม่หยุดว่า “พระท่านคุ้มครอง สวรรค์คุ้มครอง…”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “นายสรรเสริญพระเจ้า ไม่ใช่ว่าควรจะหันไปทางทิศตะวันตกเหรอ? นายหันไปทางตะวันออกนี่นับด้วยเหรอ?”
จงต้าจวิ้นรีบหันกลับมาทันที พึมพำว่า “โดนตบจนมึนแล้ว เมื่อกี้ฉันมึนไปแล้ว ฉันยังนึกว่านั่นเป็นฝั่งตะวันออกเสียอีกแหนะ”
เรื่องราวหลังจากนั้นราบรื่นทุกอย่าง เมื่อกี้ท่ากระโดดขึ้นผิวน้ำของปลาใหญ่ตัวนี้ได้ผลาญพลังเฮือกสุดท้ายของร่างกายมันไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีแรงเหลือให้ขัดขืนอีก ชาร์คจึงทำการมัดมันไว้กับเรือสปีดโบ๊ดได้อย่างง่ายดาย
กลับถึงเรือ ฉินสือโอวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเริ่มเตรียมอาหารค่ำต่อ เขาเอาเนื้อปลามาหั่นเป็นแผ่นเล็กๆ ปรุงซอสปรุงรสไว้เพื่อนำมาจิ้มกิน มีเพียงแบบนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงรสชาติที่เลิศรสและเนื้อที่นุ่มลิ้นของปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้
เหมาเหว่ยหลงหาสเปรย์สำหรับแผลภายนอกบนเรือแล้วทำการทำแผลที่ไหล่ของจงต้าจวิ้นให้ จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งอยู่บนโต๊ะเล็กใบหนึ่งดื่มเหล้าขาวกินกับแกล้มกัน พร้อมกับหวนนึกถึงเรื่องเก่าๆ สมัยมหาวิทยาลัย
ในวงเหล้า พวกเขาทำการเผยเรื่องน่าอายและฉาวโฉ่ของกันและกันออกมา ยิ่งกินก็ยิ่งมีความสุข จนกินกันตั้งแต่ช่วงพลบค่ำไปจนถึงเที่ยงคืน
จงต้าจวิ้นคอแข็งมาก อย่างไรเสียก็คนเคยทำงานสายการตลาดมาก่อน หลายปีมานี้แม้ว่าจะหาเงินไม่ได้มากนัก แต่ว่าก็ได้ฝึกฝนจนคอแข็งเลย เขากับฉินสือโอวยื้อจนถึงตอนท้าย แล้วมอมเหล้าเหมาเหว่ยหลงจนเละเทะไม่เป็นท่า
สุดท้ายเหมาเหว่ยหลงดื่มจนเมาแล้ว นอนคลานอยู่บนกราบเรือแล้วร้องไม่หยุดว่าคืนนี้จะไปตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเพื่อแก้แค้นให้กับจงต้าจวิ้น
หู่จือกับเป้าจือที่กินอิ่มดื่มหนักแล้วได้นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน ใช้หางตาที่ไม่สบอารมณ์มองไปทางเหมาเหว่ยหลง ราวกับกำลังหัวเราะเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
จงต้าจวิ้นจุดบุหรี่มามวนหนึ่งยื่นให้ฉินสือโอว ปกติฉินสือโอวไม่สูบบุหรี่ แต่ว่าตอนนี้หลังจากกินเหล้ากินข้าวแถมยังมีความสุขอีก มาสักมวนหนึ่งก็ไม่เป็นไร ดังนั้นจึงรับมามวนหนึ่งคาบอยู่ในปากแล้วสูบไปทีหนึ่ง
มองเห็นทั้งสองคนสูบบุหรี่แล้ว เหมาเหว่ยหลงก็มาขอมวนหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่ได้เอามาสูบเอง หลังจากสูบไปทีหนึ่งแล้วก็วิ่งไปข้างหน้าหู่จือกับเป้าจือ พ่นควันออกมารมแลบราดอร์
การรับกลิ่นของแลบราดอร์ไวอย่างมาก ดังนั้นจึงทนควันบุหรี่ไม่ได้ เจ้าตัวเล็กสองตัวถอยหลังอย่างร้อนรน จากนั้นก็ใช้สายตาที่โกรธเคืองจ้องไปที่เหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบ จึงพิงเสาเรือไว้แล้วหัวเราะร่าออกมา แถมยังขู่แลบราดอร์โดยการพ่นควันบุหรี่ต่ออีก
แต่เขาดื่มมากเกินไปแล้วจริงๆ พอถูกกลิ่นบุหรี่มากระตุ้นเท่านั้น น้ำเหล้าในกระเพาะก็เอ่อขึ้นมา โอบเสาเรือไว้แล้วอ้วก ‘อ๊อกๆ’ ออกมา
ในตอนนี้ หู่จือกับเป้าจือที่จ้องเขาอย่างไม่พอใจราวกับว่าเห็นอะไรเข้าสักอย่าง พวกมันสองพี่น้องใช้สายตาที่แปลกใจจ้องกันทีหนึ่ง แล้วก็แอบวิ่งเข้าไปเงียบๆ ตัวละข้าง ยกขาขึ้นมาฉี่ไปที่ขาของเหมาเหว่ยหลง
ทางฝั่งเหมาเหว่ยหลงกำลังอ้วกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ จะทันสังเกตว่ากางเกงตัวเองได้เปียกชุ่มไปแล้วได้อย่างไร?
ฉินสือโอวเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จึงปัดมือแล้วพูดว่า “พวกนายสองตัวทำอะไรน่ะ? รีบไปอยู่อีกฝั่งไป ห้ามทำแบบนี้อีกนะ!”
หู่จือสะบัดก้นน้อยๆ ไปที จากนั้นก็เชิดหน้ายิ้มมุมปากแล้วเดินไปทางห้องโดยสาร ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกำลังได้ใจอยู่เลย ทำเอาจงต้าจวิ้นที่มองอยู่ข้างๆ พูดออกมาอย่างแปลกใจว่า “โอ้โห เจ้าสองตัวนี้นี่เป็นงานจริงๆ นะเนี่ย…”
………………………