ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1847 ของขวัญที่ต่างกัน
ฉินสือโอวและวินนี่ต่างก็รับรู้เรื่องความฝันของพาวลิส พวกเขาเองก็สนับสนุนเด็กๆ ไปไล่ตามความฝัน แต่เงื่อนไขคือความฝันนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
สิ่งที่พาวลิสขาดมีมากเกินไป ก่อนอายุ 12 ปี เขาไม่เพียงไม่มีความรู้เรื่องรถแข่ง ยิ่งไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องวัฒนธรรมเลย
การแข่งรถสูตรไม่ใช่เรื่องของการเติมน้ำมันและเหยียบธรรมดา มันมีวัฒนธรรมเป็นพื้นหลัง บางทีพาวลิสเองก็รู้ถึงจุดนี้ ดังนั้นตอนที่เรียนในโรงเรียน เขาถึงได้พยายามถึงขนาดนั้น จนมีผลการเรียนที่โดดเด่น
แต่ไม่ว่ายังไง พาวลิสมาถึงฟาร์มปลาช้าเกินไป เขาสามารถเป็นนักแข่งที่ยอดเยี่ยมได้ แต่ไม่สามารถเป็นนักกีฬารถแข่งในการแข่งสูตรได้!
ระหว่างรอผลการสอบปฏิบัติของพาวลิสและชาร์คน้อย ฉินสือโอวหมวดคิ้วแล้วเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ ไวส์มาหารือสามพี่น้องมังกรฟ้า VS หลวงจีนกวาดลานวัด เขาส่ายหัวปฏิเสธ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาจะบอกเรื่องความฝันการเป็นนักแข่งรถกับพาวลิสยังไงหลังจากได้ใบขับขี่
เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ สอบปฏิบัติผ่านไปได้อย่างราบรื่น ชาร์คน้อยและพาวลิสวิ่งมาด้วยความดีใจ ยื่นผลการสอบที่มีตราประทับสีแดงสดให้เขาดู หนึ่งวันหลังจากนั้นทางสำนักงานขนส่งจะทำใบขับขี่ตัวจริงส่งไปรษณีย์ไปให้พวกเขา
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมชนมัดกับทั้งสองคน บอกว่า “ยินดีกับพวกนายด้วย ตอนนี้พวกนายสองคนสามารถขับรถไปบนถนนได้แล้ว พรุ่งนี้พวกเราไปเอาใบขับขี่ด้วยกัน แล้วฉันจะซื้อรถให้พวกนายคันหนึ่งด้วย”
พาวลิสพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ชาร์คน้อยร้องตะโกนว่า “ไชโยๆๆ ในที่สุดฉันก็จะมีรถของตัวเองแล้ว!”
วันที่สอง ชาร์คน้อยตื่นขึ้นมาแต่เช้า จากนั้นเห็นพ่อกำลังมองเขาแล้วยิ้ม
“ผมได้ใบขับขี่แล้วนะครับ พ่อ” ชาร์คน้อยอวดกับชาร์ค เมื่อวานชาร์คยังยุ่งอยู่ที่ฟาร์มปลา ไม่ได้ไปสอบใบขับขี่กับเขาด้วย
ชาร์คนั่งลงข้างเขาลูบหัวเขาแล้วพูดว่า “ทำได้ดีมาก ลูกชาย แกไม่ได้ทำให้ตระกูลสตินสันของพวกเราอับอาย เจ้าลูกชาย เหมือนกับที่ฉันคาดหวังเอาไว้ แกเป็นความภูมิใจของตระกูล!”
ชาร์คน้อยพยักหน้าอย่างแรง พูดว่า “แน่นอน ผมเป็นความภูมิใจของพ่อ!”
ชาร์คอมยิ้มแล้วบอกว่า “วันนี้ฉันมาเพื่อเอาของขวัญมาให้ ตอนนี้แกมีใบขับขี่แล้ว เมื่อคืนนี้ฉันกับแม่แกหารือกัน จากนั้นพวกเราคิดว่าถึงเวลาที่จะให้แกมีรถคันแรกของตัวเองแล้ว”
ชาร์คน้อยตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว ถามติดอ่างอย่างคาดหวังว่า “เป็นรถอะไร? แลนด์โรเวอร์? ฮัมเมอร์? ลินคอล์น? อย่าบอกผมนะว่าเป็นรถคาดิลแลค ฉินมีสองคันแล้ว แม้ผมจะคิดว่ารถคันนี้ค่อนข้างเข้ากับผม แต่ผมไม่อยากอยู่ในกรอบเก่าๆ หรอกนะ”
ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ แอบอมยิ้ม ชาร์คน้อยช่างน่ารักจริงๆ เลย โง่ได้น่ารัก หรือว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เห็นสีหน้าของพ่อเขายิ่งนานยิ่งไม่สู้ดี?
ชาร์คเข้าใจนิสัยโง่ของลูกตัวเอง เขาไม่ได้โมโห แต่ยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ ไม่ใช่แลนด์โรเวอร์ ฮัมเมอร์ และไม่ใช่ลินคอล์นหรือรถคาดิลแลค…”
“หรือว่าพ่อจะให้รถแอสตันมาร์ตินกับผมคันหนึ่งเหรอ?” ชาร์คน้อยสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว “แต่ว่าผมก็ไม่อยากได้รถแอสตันมาร์ติน พ่อก็รู้นี่ ผมต้องขับรถพาเพื่อนไปเรียน มาร์ตินมีสองที่นั่ง รองรับคนได้ไม่เยอะ”
ครั้งนี้ชาร์คปล่อยให้ลูกชายฝันกลางวันต่อไม่ไหวแล้ว เขาก้าวเท้าใหญ่เข้าไป ด่าว่า “บ้าไปแล้วเหรอ แกนี่? รถแอสตันมาร์ติน? ฉันซื้อโบอิ้ง 777 ให้แกคันหนึ่งเอาไหม? ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีแต่ฟอร์ดเอฟ150!”
ชาร์คน้อยรีบหลบฝ่าเท้าใหญ่ของพ่อทันควัน เขาเยาะเย้ยว่า “เอฟ150 ก็ไม่เลวแล้ว แต่ว่าในเมื่อต้องเสียเงินซื้อรถคันนี้ ทำไมไม่ซื้อรถคาดิลแลค xts สักคันเลยล่ะ?”
รถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสเป็นรถครอบครัวเอสยูวี พวกชาร์คและบูลเคยให้คันหนึ่งกับวินนี่ ราคาแค่ 44000 หยวน ถูกกว่าฟอร์ดเอฟ150 จริง
พอได้ยินที่ลูกชายพูด ชาร์คฉีกยิ้มเห็นฟัน “ไม่ ฉันไม่ได้เสียเงินซื้อรถ”
ประโยคนี้เหมือนกับลูกศรปักเข้ากลางใจของชาร์คน้อย สีหน้าของเขาซีดเผือด แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พ่อ พ่อไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม? หรือว่าพ่อขับรถรุ่นปู่ที่บ้านคันนั้นมาเหรอ?”
ชาร์คจ้องลูกชายอย่างไม่พอใจว่า “รถรุ่นปู่อะไรกัน? ฉันเพิ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงแปดปี นี่เรียกรถรุ่นปู่แล้วเหรอ?”
ชาร์คน้อยหน้ามืด ฉินสือโอวรีบไปประคองเขาให้เขาดื่มชาร้อนแก้วหนึ่ง ยิ้มว่า “ดื่มชาอบอุ่นร่างกายตอนเช้าก่อน มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
ชาร์คน้อยสีหน้าสิ้นหวัง ตะโกนว่า “ตอนนี้ที่ผมหนาวคือใจต่างหาก ไม่ใช่ท้อง ดื่มชาแล้วใจผมอุ่นขึ้นได้ไหม? ทำไมกัน? ทำไมกัน? พ่อ ผมใช่ลูกแท้ๆ พ่อหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวคิดแล้วก็เศร้า ชาร์คซื้อรถกระบะคันนั้นมาไม่นานมาก เวลาแปดปีสำหรับรถกระบะไม่ถือว่านานมาก แต่ปัญหาคือรถฟอร์ดของชาร์คถูกกระทำรุนแรงมาก เดินทางรับลมทะเลและเกลียวคลื่นตลอดทั้งปี ข้างในและข้างนอกล้วนเป็นสนิมหมด…
แต่ว่าเขาต้องปลอบใจชาร์คน้อย จึงบอกว่า “ไม่เป็นไร เพื่อน รถกระบะนานไปยิ่งมีรสชาติ นายดูคุณลุงฮิคสัน รถฟอร์ดคันนั้นของเขาอายุเยอะกว่าของพ่อนายอีกนะ เขายังขับได้ดีอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ชาร์คน้อยหน้าเศร้าบอกว่า “ถ้าหากคุณลุงฮิคสันเอารถกระบะเก่าคันนั้นของเขาให้ผมขับ ผมยินดี ของเขานั่นเป็นวัตถุโบราณ ของพ่อผมมันเป็นรถพุ…”
“ให้ตายสิ แกพูดอะไรกัน? มาให้ฉันตีแกให้ตายซะ! มีรถขับก็ไม่เลวแล้ว แกยังจะเลือกมากอีก?” ชาร์คโกรธในทันที ยกขาก็จะถีบอีก
ฉินสือโอวลากทั้งสองออกจากกัน สุดท้ายเขารับปากชาร์คน้อย ตัวเองจะออกเงินช่วยเขาเอารถกระบะไปซ่อมบำรุงที่ร้านซ่อมบำรุง และยังจะพ่นสีรถให้อีก แบบนี้ชาร์คน้อยจึงยอมรับของที่พ่อให้
ในเมื่อรถที่ชาร์คให้ลูกชายเป็นแค่รถกระบะเก่าคันหนึ่ง ฉินสือโอวก็ให้รถดีๆ กับพาวลิสไม่ได้ เดิมทีเขาอยากพาไปเลือกรถเอสยูวีราคาประมาณหนึ่งแสนหยวนคันหนึ่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เอารถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสของวินนี่ให้เขาก็แล้วกัน พ่นสีใหม่ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำที่พาวลิสชอบ
พาวลิสชอบของขวัญชิ้นนี้มาก เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสีแล้ว สีแดงดั้งเดิมของรถคาดิลแลคสวยมาก วัยรุ่นขับรถสีแดงก็ดี ดูแล้วมีชีวิตซีวา
วินนี่เองก็เตรียมของขวัญไว้ให้ทั้งสองคน เขาให้บัตรซ่อมบำรุงใบหนึ่งกับชาร์คน้อย นี่เป็นบัตรสมาชิกวีไอพีของร้านซ่อมรถที่ใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น พอมีบัตรใบนั้น รถกระบะเก่าของชาร์คน้อยก็เปลี่ยนหน้าตาใหม่ได้แล้ว
สำหรับพาวลิส ของขวัญที่เขาเตรียมไว้ไม่ธรรมดา บัตรสมาชิกวีไอพีใบหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่บัตรซ่อมบำรุง แต่เป็นบัตรสมาชิกสโมสรกิลเลส วิลล์เนิฟในมอนทรีออล!
ชื่อกิลเลส วิลล์เนิฟนี้ มีชื่อเสียงมากในการแข่งขันเอฟวันในแคนาดา เพราะว่านอกจากสโมสรที่หนึ่งแล้ว ยังเป็นชื่อรันเวย์หนึ่งด้วย และรันเวย์นี้เป็นรันเวย์การแข่งเอฟวันแห่งเดียวในแคนาดา ตั้งอยู่ที่มอลทรีออล เป็นสถานีย่อยแคนาดาในการแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก!
…………………………..