ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1848 ซื้อเรือประมงเพิ่ม
สำหรับของขวัญ แน่นอนว่าพาวลิสและชาร์คน้อยพอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพาวลิส หลังได้บัตรสมาชิกสโมสรกิลเลส วิลล์เนิฟก็ตื่นเต้นดีใจมาก ถามว่า “นี่เป็นก้าวแรกสู่เส้นทางรถแข่งของผมใช่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวโอบกอดเขา คนดำโตเร็ว กระดูกก็ใหญ่ พาวลิสที่อายุ 16 ปีก็จะสูงและแข็งแรงว่าเขาแล้ว ที่ปากก็มีหนวดขึ้นแล้ว ท่าทางเป็นลูกผู้ชายเต็มวัยโดยสมบูรณ์แล้ว
ด้วยแบบนี้ พาวลิสถึงได้ไม่มีชะตากับนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันมืออาชีพ เพราะว่าเขาเริ่มตอนนี้มันช้าเกินไปจริงๆ
บางเรื่องต้องพูดแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะพาวลิสที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ในอเมริกาเหนือได้รับใบขับขี่ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นเขากอดพาวลิสไว้แล้วพูดว่า “เพื่อน พูดตามตรงนะ ฉันหวังว่านายจะประสบความสำเร็จบนนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันได้ แต่ว่ามันยากมาก”
พาวลิสมีสีหน้าเสียใจเผยออกมา จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีว่า “ผมรู้ครับ ฉิน ผมรู้ถึงความยากในการเข้าแข่งขันรถสูตรอาชีพ อันที่จริงผมไม่คาดหวังว่าตัวเองจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เหมือนแฮมิลตัน บางทีผมสามารถเป็นนักแข่งสูตรธรรมดาคนหนึ่ง บางทีก็สามารถเป็นคนอุ่นเครื่องของทีมฟอร์มูล่าวันคนหนึ่งก็ได้ คุณว่าแบบนี้ผมจะมีโอกาสไหม?”
ดูท่าทางดวงตาที่เปล่งประกายของพาวลิสตอนที่พูดถึงฟอร์มูล่าวันและการแข่งรถสูตรอาชีพ ฉินสือโอวและวินนี่รู้ว่าเขาหลงใหลในการแข่งขันนี้มากจริงๆ มีความสนใจแบบนี้เป็นแรงผลักดัน บวกกับการปรับปรุงสมรรถภาพร่างกายจากพลังโพไซดอน ถ้าหากพาวลิสได้เข้าโรงเรียนรับความรู้เร็วกว่านี้หน่อย ไม่แน่เขาอาจจะกลายเป็นดาวในฟอร์มูล่าวันได้
ตอนนี้ดูแล้วเป็นดาวคงจะยากแล้ว แม้กระทั่งเข้าสู่การแข่งฟอร์มูล่าวันมืออาชีพก็ยากมาก แต่ถ้าหากเขาแค่อยากเข้าสู่การแข่งรถสูตรธรรมดาอย่างเช่นพวกการแข่งขันฟอร์มูล่าเรโนลด์ การแข่งขันรถฟอร์มูล่า 3 หรือเอฟ 2000 ก็ยังมีโอกาสอยู่
สำหรับการฝึกฝนในทิศทางนักกีฬาแข่งรถเตรียมฟอร์มูล่าวัน การแข่งรถสูตรธรรมดาแบบนี้เป็นรายการที่พวกเขาต้องเข้าร่วมในช่วงอายุ 16 ถึง 20 ปี ซึ่งก็คือ พาวลิสอาจจะเข้าสู่การแข่งขันพวกนี้ตอนอายุ 24-25 ปี แต่คนอื่นเขาได้เลื่อนระดับเข้าสู่ฟอร์มูล่าวันตอนอายุ 20 ปีแล้ว
ถ้าหากพาวลิสทำผลงานโดดเด่นเป็นที่จับตาในการแข่งรถสูตรพวกนี้ ถ้าอย่างนั้นบางทีก็อาจถูกทีมรถฟอร์มูล่าวันมองเห็น และกลายเป็นคนทดสอบรถของทีมรถฟอร์มูล่าวัน
สำหรับนักกีฬารถแข่งที่มาเริ่มกลางทางแล้วล่ะก็ สามารถกลายเป็นคนทดสอบรถของทีมรถฟอร์มูล่าวันเป็นความสำเร็จที่ใหญ่ที่สุดแล้ว และคนหนึ่งในหมื่นที่สามารถประสบความสำเร็จแบบนี้ได้
พาวลิสมีความมั่นใจในตัวเอง เขาเข้าใจสภาพร่างกายและความสามารถในการเรียนรู้ของตัวเอง มั่นใจว่าตัวเองสามารถเดินไปถึงจุดนั้นได้
ในขณะที่วางแผนให้ตัวเอง เขาก็บอกอย่างกระตือรือร้นว่า “ถ้าหากสามารถกลายเป็นคนทดสอบรถได้ บางทีผมยังมีโอกาสเข้าแข่งฟอร์มูล่าวันนะ แม้ว่าจะไม่ได้ ผมก็สามารถฝึกฝนลูกๆ ของผมให้สัมผัสถึงวัฒนธรรมพวกนี้ได้ ผมคิดว่าถ้าหากเขาชอบรถเหมือนกันกับผม นั่นจะทำให้เขากลายเป็นดาวฟอร์มูล่าวันคนหนึ่งได้ในอนาคต”
คนทดสอบรถของฟอร์มูล่าวันไม่มีหน้าที่แข่งขัน นอกจากเป็นผู้เล่นสำรองตอนที่นักแข่งตัวจริงได้รับบาดเจ็บหรือไม่สามารถแข่งได้ หน้าที่ของคนทดสอบรถคือขับรถแข่งฟอร์มูล่าวันอย่างต่อเนื่อง ให้ความเห็นกับนักออกแบบรถแข่ง เพื่อยกระดับรถแข่งให้สูงขึ้น
ชาร์คน้อยหัวเราะถามว่า “ถ้าลูกของนายไม่ชอบรถยนต์ล่ะ?”
พาวลิสยักไหล่ว่า “ถ้าหากลูกชายคนแรกของฉันไม่ชอบรถยนต์ ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีอีกคน ถ้าหากคนที่สองยังไม่สนใจ ถ้าอย่างนั้นก็มีอีกคน จนกว่าจะมีเด็กคนหนึ่งที่ชอบรถยนต์เหมือนฉัน”
วินนี่ถอนหายใจว่า “ให้ตาย ฉันเป็นกังวลแทนภรรยาในอนาคตของนาย หวังว่าเขาจะเป็นผู้หญิงที่ชอบเด็กเหมือนกับฉันนะ” จากนั้นเขามองไปถามฉินสือโอว “ที่รักคะ คุณไม่มีความชอบหรือความฝันที่อยากจะให้ลูกสานต่อเหรอคะ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ว่า “ไม่ ผมไม่มี”
วินนี่ยิ้มขึ้นมา ท่านชายฉินพูดต่อว่า “ผมไม่มีความชอบหรือความฝันที่อยากให้ลูกสานต่อ ผมหวังแค่ว่าลูกของผมจะตั้งทีมฟุตบอลได้หนึ่งทีม!”
วันนี้ชาร์คน้อยและพาวลิสได้รับใบขับขี่แล้ว วินนี่ฟื้นฟูหลังคลอดได้ค่อนข้างดี ฉินสือโอวจึงจัดปาร์ตี้ฉลองในสวนหย่อม ปาร์ตีเล็กๆ มีเพียงวัยรุ่นในบ้านและครอบครัวมารวมตัวกัน
ปาร์ตี้ครั้งนี้ก็เป็นปาร์ตี้อำลาด้วย พี่สาวฉินสือโอวและพี่เขยจะพาเสี่ยวฮุยกลับประเทศแล้ว ฉินสือโอวแนะนำให้เสี่ยวฮุยเข้าเรียนที่แคนาดา พวกพี่สาวฉินสือโอวสองคนปฏิเสธหลังปรึกษากันแล้ว บอกว่าถึงเวลาให้เขามาเรียนมหาลัย แต่ชั้นมัธยมเรียนที่ประเทศจีนจะเหมาะสมกว่า สามารถเรียนรู้ความรู้ได้เยอะกว่า
ซึ่งก็ใช่ ตอนนี้พวกพาวลิสข้ามชั้นถึงชั้นมัธยมปลาย เสี่ยวฮุยเพิ่งจะขึ้นมัธยมต้น แต่เรื่องความรู้ทั่วไปล่ะก็ พวกเขารวมกันก็สู้เสี่ยวฮุยไม่ได้
หลังงานปาร์ตี้ ฉินสือโอวส่งบ้านพี่สาวขึ้นเครื่องบิน ร้านอาหารทะเลต้าฉินกำลังจะเข้าสู่ประเทศจีน ทั้งสองจะเข้าไปเป็นคนบริหารจัดการ แต่มีเงื่อนไขคือพวกเขาต้องทดลองบริหารก่อน ถ้าหากทำงานแบบนี้ไม่ได้ ก็กลับไปดูแลร้านอาหารทะเลและอ่างเก็บน้ำ
ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว ฟาร์มปลาต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตจำนวนมาก ดังนั้นฉินสือโอวไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนวินนี่ที่นครเซนต์จอห์นได้ เขาต้องกลับไปสั่งการเหล่าชาวประมงในการเก็บเกี่ยว งานนี้เขาจำเป็นต้องไปทำเอง
แม้ว่าปกติแล้วตอนที่เหล่าชาวประมงออกเรือจะทำการรวบรวมข้อมูลสถิติให้ฟาร์มปลาโดยละเอียดตลอด แต่ว่าสถิติพวกนี้ไม่แน่นอน ฝูงปลามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เครื่องตรวจหาปลาทำได้เพียงตรวจหาปลาทะเลที่อยู่น่านน้ำชั้นบน ตั้งแต่ชั้นกลางเช่น ปลาทูน่า กุ้งมังกร ปู ปลาลิ้นหมา ปลาจะละเม็ดและอื่นๆ ไม่สามารถตรวจสอบเจอได้ แบบนี้ทำให้เรือหาปลากำหนดเป้าหมายได้ยาก
ฉินสือโอวสั่งการเรือประมงหาปลา มีเป้าหมายชัดเจน เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเลือกตำแหน่งการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม จากนั้นปล่อยอวนลงจากเรือ แบบนี้ก็จะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลงานมาก
หลังจากฟาร์มปลาขยายการจับปลาออกไป อาศัยแค่เรือปริ้นเซสเมล่อนไม่ค่อยพอแล้ว เรือลำนี้ค่อนข้างใหญ่จริง บรรทุกน้ำหนักได้เยอะ อุปกรณ์การแบ่งแยกแช่แข็งข้างในก็ค่อนข้างก้าวหน้า แต่ว่าประสิทธิภาพการเก็บเกี่ยวไม่ค่อยดี เจาะจงเป้าหมายไม่ได้
ชาร์คและเหล่าชาวประมงจึงรายงานปัญหานี้ให้กับฉินสือโอว ดังนั้นก่อนจะกลับจากนครเซนต์จอห์น เขาพาเหล่าชาวประมงไปยังอุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนนครเซนต์จอห์น ใช้บัตรเครดิตจองเรือไปสี่ลำ
ชาร์คแนะนำเขาส่งเรือกำปั่นทะเลสี่ลำกลับโรงงานไปซ่อมครั้งใหญ่ เปลี่ยนเป็นเรือประมง แบบนี้ก็สามารถประหยัดงบได้ส่วนหนึ่ง
ฉินสือโอวปฏิเสธไป เรือกำปั่นทะเลสี่ลำเป็นเรือยนต์ความเร็วสูง ใช้สำหรับคุ้มกันให้กับเรือประมง ประสิทธิภาพของพวกมันต่างกับเรือประมงมาก ถ้าหากปรับปรุงแก้ไขใหญ่ จะต้องใช้เงินจำนวนมาก บวกกับต้องบำรุงรักษาเรือทั้งสี่ลำ เงินที่ต้องเสียรวมแล้วก็ไม่น้อยไปกว่าการซื้อเรือประมงสี่ลำ
แม้ว่าเรือทั้งสีลำนี้จะใช้ประโยชน์ได้ไม่มากแล้ว แต่ว่าถ้าจะเปลี่ยนเป็นเงิน ก็ยังเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม่น้อยเลย ฟาร์มปลาที่เป็นสมาชิกพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์จะเจอกับเรื่องการขโมยปลา เรือกำปั่นทะเลสามารถให้พวกเจ้าของฟาร์มปลายืมไปใช้สำหรับป้องกันโจรขโมย แบบนี้เขายังซื้อใจของเจ้าของฟาร์มปลาได้เยอะเลย บุญคุณพวกนี้สำคัญกว่าเงินทองมาก
…………………………..