ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1850 ไม่มีปิ้งย่างก็แก้ปัญหาไม่ได้
เตาย่างที่ฟาร์มปลาใช้มีขนาดใหญ่ เพราะอย่างไรก็ตามพวกชาวประมงก็เป็นพวกกินจุ อาหารที่ปิ้งย่างออกมาแต่ละครั้งในรอบเดียวจึงยิ่งเยอะยิ่งดี
แต่สำหรับอีวิลสันแล้ว เตาย่างอันนี้เป็นเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง ร่างใหญ่ของเขาขวางอยู่ด้านหน้า ฉินสือโอวที่อยู่ด้านหลังมองอะไรไม่เห็นสักอย่าง เห็นแค่ด้านหลังของเขาที่ผึ่งผายกว้างราวกับประตูบานใหญ่
แต่พอเขาเข้าใกล้ เขามั่นใจเลยว่ากลิ่นหอมลอยมาจากเตาย่างแน่นอน
มีชามกระเบื้องหลายใบบนเตาย่าง แต่ละใบแบ่งใส่น้ำมันถั่วลิสง ซอสมะเขือเทศ ซอสเนื้อ น้ำเชื่อม ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอยู่ใบหนึ่งใส่ของเหลวสีเหลืองอมส้ม ฉินสือโอวมองไม่ออกว่าคืออะไร จึงชี้ไปแล้วถามขึ้นว่า “เฮ้ อีวิลสัน ในนี้คืออะไรเหรอ?”
อีวิลสันทำจมูกฟุดฟิด แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มทึ่มๆ ว่า “แหะๆ คือไอซ์ไวน์ อีวิลสันเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง แก่นตะวันละเลงบนไอซ์ไวน์ รสชาติดีกว่า”
เขานับว่าได้เรียนรู้คำพูดประจำเกี่ยวกับอาหารจากฉินสือโอวแล้ว รสชาติดีกว่า
กลิ่นของแก่นตะวันคั่วแรงเกินไปจนกลบกลิ่นหอมจางๆ ของไอซ์ไวน์ ฉินสือโอวถือขึ้นมาแล้วสูดดม เป็นไอซ์ไวน์จริงๆ ไม่รู้ว่าอีวิลสันค้นพบวิธีกินแบบนี้ได้จากไหน
ผิวด้านนอกของแก่นตะวันถูกขูดออกด้วยมีดโกนเผยให้เห็นเนื้อครีมสีเหลือง อีวิลสันล้างเป็นวงกลมในไอซ์ไวน์ก่อนแล้วจึงอบบนเตาย่าง
เขาใช้แปรงทาน้ำเชื่อมลงบนแก่นตะวันก่อน จากนั้นจึงทาน้ำมันถั่วลิสงชั้นหนึ่งแล้วจึงทาซอสเนื้อด้านบน น้ำมันถั่วลิสงและน้ำมันในซอสเนื้อหยดลงบนกองถ่านไฟ ซึ่งทำให้เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แก่นตะวันคั่วแตกเสียงดังเปรี๊ยะๆ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว
ชาร์คขับรถมาหาฉินสือโอว พอเห็นว่าอีวิลสันกำลังย่างแก่นตะวันอยู่ดวงตาก็เบิกโพลง วิ่งเข้ามาหาด้วยความสนใจ “เชี่ย นี่มันอีวิลสันเปล่าเนี่ย? อีวิลสันย่างอาหารด้วยซอสเนื้อด้วย? พิถีพิถันอะไรขนาดนี้?”
อีวิลสันมองไปที่ชาร์คอย่างระแวดระวัง ทำจมูกฟุดฟิดแล้วพูดว่า “ไม่แค่มีซอสเนื้อนะ ยังมีน้ำมันถั่วลิสง น้ำสลัด และซอสมะเขือเทศ และยังมีของอย่างอื่นอีกเยอะ คุณกินไม่ได้ นี่เป็นอาหารของอีวิลสันและฉินนะ”
ชาร์คหัวเราะ เขายืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยความสนใจสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ขับรถจากไป
หลังจากเขาจากไป สีหน้าระแวดระวังของอีวิลสันก็หายไป เขาถอนหายใจ พูดพึมพำว่า “อันตรายเกินไปแล้ว อันตรายเกินไป”
ฉินสือโอวหัวเราะ “อย่าแบบนี้สิ อีวิลสัน นายต้องใจกว้างหน่อย ชาร์คก็เคยให้ของกินนายตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?”
อีวิลสันเกาหัวทำท่าครุ่นคิด สุดท้ายพูดด้วยความไม่เต็มใจว่า “ก็ได้ ถ้าครั้งหน้าชาร์คมาอีก ผมจะไม่ไล่เขาไป แต่ว่าเขาคงไม่มาแล้วใช่ไหมครับ?”
คำพูดของเขาเพิ่งพูดออกไปได้ไม่นาน รถกระบะคันใหม่ของชาร์คก็ขับมาทางนี้เสียงดังหึ่มๆ เขาให้รถฟอร์ดคันเก่าของเขากับลูกชาย ตอนนี้จึงมีเงินในมือเปลี่ยนเป็นรถ F650 เหมือนฉินสือโอวได้ สัตว์ดุร้ายบนบก เป็นรถกระบะที่ดีที่สุด
ในสายตาไม่เต็มใจของอีวิลสัน ชาร์คหยิบเบียร์ถังใหญ่ลงมาจากรถ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “กินปิ้งย่างจะขาดเบียร์ได้ยังไงกัน?”
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของอีวิลสัน พูดว่า “ต้องใจกว้างนะเพื่อน ต้องใจกว้าง”
อีวิลสันฝืนยิ้มออกมา พูดพร้อมสีหน้าอมทุกข์ “แก่นตะวันมีแค่นี้เอง กินไม่อิ่มแน่เลย “
ชาร์ควางถังเบียร์ เขาหยิบพิซซ่าสองจานใหญ่และไก่ทอดถุงใหญ่จากที่นั่งข้างคนขับแล้วพูดว่า “ดูนี่สิ เพื่อนรักของฉัน ฉันไม่ได้มามือเปล่านะ วางใจได้ พวกเรากินอิ่มอย่างแน่นอน “
พอเป็นแบบนี้อีวิลสันก็ยิ้มออกมาในที่สุด เพราะสำหรับเขาแล้ว ขอเพียงแค่อาหารมีเพียงพอ เขาก็พึงพอใจมากแล้ว
ฉินสือโอวหยิบแก้วเบียร์ใบใหญ่ออกมา แล้วรินเบียร์สีเหลืองส้มลงไป ฟองเบียร์แน่นๆ ลอยขึ้นมาราวกับเมฆสีขาวที่อยู่บนท้องฟ้า
อีวิลสันนำแก่นตะวันที่ย่างเสร็จชุดแรกวางลงบนจาน แล้วหาอันที่ย่างออกมาดีที่สุดไว้อยู่ด้านหน้าฉินสือโอว หัวเราะแล้วพูดว่า “อีวิลสันย่างเอง รสชาติดีมากเลยนะ”
ชาร์คดื่มเบียร์ไป ก้มองด้วยความอิจฉาไป แล้วพูดขึ้น “บอส อีวิลสันมันรักบอสจริงๆ นะเนี่ย”
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าชายร่างใหญ่เบาๆ พูดด้วยความภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว อีวิลสันเป็นผู้พิทักษ์ของฉัน ถ้าฉันเป็นโพไซดอน อีวิลสันก็เป็นยอดฝีมือแห่งโพไซดอนเลยนะ!”
อีวิลสันงอแขนโค้ง ส่วนกล้ามเนื้อของแขนด้านบนขยายใหญ่ ราวกับสะพานหินโค้ง พูดอย่างดีใจว่า “โอ้ โอ้ ฉันเป็นยอดฝีมือให้ฉิน!”
ฉินสือโอวยิ้มไป ก็หั่นแก่นตะวันย่างชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปาก รสของซอสเนื้อเข้มมาก ทำให้ลิ้มรสไม่ออกถึงรสหวานของแก่นตะวันที่มีอยู่เดิม แน่นอนว่านี่ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของแก่นตะวัน มันคล้ายกับเต้าหู้ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนประกอบของแป้งอยู่ แต่รสหวานไม่มาก สามารถดูดซับรสเพื่อแสดงรสชาติของเครื่องปรุงรสได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พอคนในครอบครัวไม่ได้อยู่ที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ขี้เกียจทำงาน เขาคิดว่ารสชาติของแก่นตะวันย่างนี่ไม่เลวเลย จึงกินติดต่อกันเป็นเวลาสองสามวัน เหตุผลโดยหลักเลยคือเขากินแก่นตะวันย่างได้โดยไม่ต้องลงมือทำเอง อีวิลสันเห็นว่าเขาชอบ จึงหาโอกาสแสดงฝีมือตัวเองได้ในที่สุด ขอเพียงแค่ฉินสือโอวบอกว่ากินแก่นตะวันย่าง แน่นอนว่าต้องเป็นเขาที่เป็นคนลงมือ ต่อให้ฉินสือโอวอยากจะย่างเองก็ไม่ได้
กลางเดือนเมษายน อากาศเริ่มอุ่นขึ้น วินนี่โทรศัพท์หาฉินสือโอวเรียกให้เขาไปหา ให้เขาพาฉงต้าและหมีโลลิกลับไปที่ฟาร์มปลา โดยบอกว่าหมีสีน้ำตาลและหมีขั้วโลกเป็นอันตรายเกินกว่าที่จะอยู่ในเขตเมืองและทำให้เกิดความตึงเครียดในละแวกใกล้เคียงได้ง่าย นอกจากนี้แล้วฉงต้าและหมีโลลิก็ไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่เป็นตึก พวกมันมีความดุร้ายมาก ถ้าต้องอยู่ในตัวตึกก็เล่นได้แค่บริเวณสวนดอกไม้เล็กๆ ซึ่งสำหรับพวกมันแล้วสวนดอกไม้นี่เล็กเกินไปจริงๆ แค่หมุนตัวยังลำบาก
หลังจากที่ฉงต้าและหมีโลลิกลับไปที่ฟาร์มปลา ก็พอดีบังเอิญกับที่อีวิลสันจะย่างแก่นตะวันตอนกลางวัน เจ้าสองตัวกินจุพอได้กลิ่นหอมหน่อยก็ตาเบิกกว้างอย่างพร้อมใจกัน รีบวิ่งไปนั่งอยู่ข้างๆ เตาทั้งสองด้าน ยื่นคอไป จ้องมองแก่นตะวันที่อยู่บนเตาพร้อมน้ำลายไหลย้อย
อีวิลสันโบกมือไล่ ขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “อาหารนี้อีวิลสันทำให้ฉิน พวกแกกินไม่ได้!”
จริงๆ แล้วฉินสือโอวกินจนรู้สึกเลี่ยนแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามถ้ากินแก่นตะวันย่างติดกันสิบวัน วันหนึ่งกินอย่างน้อยสองมื้อก็คงทนไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีจะหลอกล่ออีวิลสัน เพื่อแบ่งแก่นตะวันที่ย่างเสร็จแล้วให้ฉงต้าและหมีโลลิ
หมีสองตัวกินจนซอสเลอะปากไปหมด แล้วก็สนิทกับอีวิลสันไวมาก แค่วันเดียวก็ไปไกลแล้ว
ก่อนหน้านั้นความสัมพันธ์ระหว่างอีวิลสันและฉงต้ามีความขัดแย้งกันอยู่ แน่นอนว่าความขัดแย้งนั้นเกิดจากตอนที่ฉงต้ายังเด็ก แล้วอีวิลสันมักจะแกล้งมัน จึงก่อให้เกิดรอยร้าวในใจของฉงต้า ต่อมาฉงต้าโตขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็แยกย้ายอยู่ในของตัวเอง ตอนนี้พออีวิลสันแสดงฝีมือความสามารถในการย่างแก่นตะวัน ความทรงจำของฉงต้าที่มีต่อเขาจึงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ช่วงสองวันนี้พอว่างก็จะไปเล่นกับเขา
ตอนปลายเดือนเมษายน ฉินสือโอวกำลังบังคับเครื่องบินแทรกเตอร์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าให้ทิ้งเมล็ดสาหร่ายลงในฟาร์มปลา ในเวลานี้เองมีคนมาหาถึงที่ ฮานี่ย์รองนายกเทศมนตรีพาชายหนุ่มวัยกลางคนสามคนมาบอกว่ามาเยี่ยมเขา
ตอนนี้ฉินสือโอวก็เป็นคนดังในเมืองเซนต์จอห์นแล้ว บางครั้งจึงมีคนแวะมาหาเขา แต่หลักๆ จะเป็นเจ้าของฟาร์มปลาหรือไม่ก็พวกชาวประมง แต่สามคนที่ฮานี่ย์พามาสวมชุดสูทพร้อมกระเป๋าเอกสาร ดูๆ แล้วเหมือนจะเป็นคนทำธุรกิจมากกว่า ไม่ใช่คนที่ทำงานด้านการประมง
………………………………