ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1852 เปลี่ยนวิธีร่วมมือ
ค่าตอบแทนไม่น้อยก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่อยากได้ค่าตอบแทนแบบไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ธุรกิจก็คือธุรกิจ ตอนนี้ฉินสือโอวเป็นนักธุรกิจที่มีคุณสมบัติผ่านเรียบร้อยแล้ว
หลังจากอ่านบทสคริปต์ ฉินสือโอววางสมุดลงแล้วพูดขึ้น “โอเค เพื่อนผอง โฆษณานี้ถือว่าไม่เลวเลย แต่ว่าราคาที่คุณเสนอมาน้อยไปหน่อยนะ ถ้าพวกคุณยินดีที่จะจ่าย 500,000 ผมคิดว่าเราก็พอร่วมมือกันได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คาเรนส่ายศีรษะไปยิ้มไป พูดขึ้น “นั่นเป็นไปไม่ได้ครับ คุณฉิน ราคาห้าแสนสามารถเชิญดาราเกือบระดับแถวหน้าได้เลยนะ”
ฉินสือโอวก็ส่ายศีรษะเช่นกัน “อย่ามาหลอกผมเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเลี้ยงปลา แต่ก็ทำธุรกิจ ห้าแสนเชิญดาราเกือบแถวหน้าได้เนี่ยนะ? คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า? บางทีคุณอาจจะเชิญดาราระดับปลายแถวได้ เพราะว่าเขาต้องอาศัยโฆษณารถ JEEP ในการทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งก็วินวินทั้งสองฝ่าย แต่หมีที่บ้านผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้”
คาเรนจิบกาแฟ แล้วพูดช้าๆ ว่า “คุณบางทีอาจจะไม่รู้ คุณฉินโฆษณานี้ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวที่เรามี”
ฉินสือโอวก็จิบน้ำผลไม้เช่นกัน เลียนแบบน้ำเสียงของคาเรนแล้วพูดว่า “คุณบางทีก็อาจจะยังไม่รู้ ท่านประธาน เงินห้าแสนนี่เป็นแค่มูลค่าสินค้าที่เราใช้เวลาจับแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
คาเรนสำลักในสิ่งที่เขาพูด เขามองตรงไปที่ฉินสือโอว สันนิษฐานว่ากำลังคิดที่จะเล่นสงครามจิตวิทยา ปรากฏว่าสิ่งนี้ส่งผลให้ฉงต้ารู้สึกถึงความดุร้ายในดวงตาของเขา การรับรู้สัมผัสที่หกของสัตว์ร้ายนั้นไวกว่ามนุษย์มาก ดังนั้นมันจึงลุกขึ้นยืนทันที มันถลึงตามอง อ้าปากเผยให้เห็นฟันแหลมคมสีขาว ส่งเสียงขู่คำรามด้วยความโกรธเคือง “ฟู่! ฟู่!”
เสียงคำรามแห่งราชา! ฉงต้า
ท่าทางขู่คำรามของฉงต้าที่ยื่นหัวออกไปทำให้กลุ่มคาเรนสามคนกลัวจนตัวสั่น หลังจากนั้นทาบีสท์ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของพวกเขาก็ดีใจยกใหญ่ บอกว่า “แบบนี้แหละ ดุร้ายโหดเหี้ยมแบบนี้แหละ!”
คาเรนยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอครึ่งล้านซึ่งเกินงบประมาณของพวกเขา
ฉินสือโอวก็แสดงท่าทีไม่รู้ร้อนอะไร ให้พวกเขากลับไปคิดพิจารณาก่อน
ผลสุดท้ายปรากฏว่ายังไม่ได้กลับไป ผ่านไปสักพักฮานี่ย์ยื่นโทรศัพท์ให้เขา บอกว่า “นายกเทศมนตรีวินนี่โทรมา พอดีเธอโทรมาถามแผนงานการโปรโมตในช่วงฤดูใบไม้ผลิในเมือง ผมเลยเล่าให้เธอฟังถึงความร่วมมือในโฆษณาของ JEEP และฉงต้า เธอให้คุณคุยกับเธอหน่อย”
ฉินสือโอวรับโทรศัพท์ เสียงใสๆ ของวินนี่ก็ดังขึ้นมา “เฮ้ ที่รัก ฉันได้ยินที่ฮานี่ย์บอกแล้วนะ บริษัท JEEP แคนาดากำลังคุยเรื่องแผนการโฆษณากับคุณเหรอคะ?”
เขาเล่าให้วินนี่ฟังถึงสถานการณ์ตอนนี้ แล้วถามขึ้นว่า “คุณคิดว่าฉงต้าต้องได้เงินเท่าไรถึงเหมาะในการถ่ายโฆษณานี้?”
วินนี่ตอบว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของเงิน บอกคนของ JEEP นะว่าราคาคุยกันได้ แต่สถานที่ในการถ่ายทำต้องเป็นที่เกาะแฟร์เวลของเราเท่านั้น และพวกเราต้องการโฆษณาแอบแฝงไว้ในนั้น ซึ่งก็คือตอนที่ฉงต้าวิ่งต้องวิ่งชนป้ายโฆษณา ซึ่งบนป้ายโฆษณานั้นต้องมีสโลแกนของเกาะแฟร์เวลของเราอยู่”
ฉินสือโอวตะลึงกับคำพูดของภรรยา ผู้หญิงอย่างไรก็ร้ายกว่าผู้ชาย วินนี่อยากได้ผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย! แต่ทว่าสิ่งนี้น่าจะสำเร็จได้ยาก JEEP เป็นบริษัทนานาชาติขนาดใหญ่ คงทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ โฆษณาแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งอัปยศสำหรับพวกเขา!
วินนี่อธิบายต่ออีกว่า “ไม่เพียงแค่เป็นการโปรโมตเมืองเล็กๆ ของเรา สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฉงต้าคงไม่สามารถเดินทางไกลไปออตตาวาหรือไปเทือกเขาร็อกกีสถานที่เหล่านี้เพื่อถ่ายทำได้ เพราะถ้าต้องไปถ่ายทำนอกเกาะแฟร์เวล คงจะต้องเป็นคุณไม่ก็ฉันที่ต้องไปด้วย แล้วคุณคิดว่าใครเหมาะสมที่จะไปล่ะ?”
พอได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจขึ้นมาทันที ก็จริงอยู่ เมื่อกี้เขาคิดไม่รอบคอบมากพอ
หลังจากนั้น ฉินสือโอวได้ถ่ายทอดสิ่งที่วินนี่ต้องการให้กลุ่มคาเรนทั้งสามคนฟัง เป็นไปตามที่เขาคาดไว้คาเรนปฏิเสธที่จะพิจารณาเรื่องนี้ทันที ไม่คิดก่อนด้วยซ้ำ
ดังนั้นฉินสือโอวจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “ถ้าไม่ถ่ายทำที่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็คงเสียดายน่าดู พวกเราคงไม่สามารถร่วมงานกันได้ครับ เพราะงานของผมก็ยุ่งมาก ฟาร์มปลาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็มีเรื่องให้ทำมากมาย ส่วนภรรยาของผมก็เพิ่งคลอดลูกเสียด้วย ถ้าไม่มีพวกเราไปด้วย ฉงต้าคงไม่สามารถไปจากเกาะแฟร์เวลนี้ได้ครับ”
พอได้ยินชื่อตัวเอง ฉงต้าก็ยืดคอของมันและอ้าปากกว้างร้องเสียง “หวู้!”
คาเรนตอบอย่างลังเล “สถานที่ในการถ่ายโฆษณาสามารถคุยกันได้ครับ แต่เราไม่สามารถเพิ่มข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของเมืองคุณในโฆษณาได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น…”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็วินวินไง” ฮานี่ย์ตบไปที่บ่าคาเรนแล้วพูดว่า “เพื่อน ทำไมพวกคุณต้องดื้อรั้นขนาดนี้ด้วย? ก็แค่ใส่สโลแกนคำโฆษณาเข้าไปเพิ่มเท่านั้นเอง ผมให้สัญญากับคุณได้เลยว่า เมืองของพวกเราจะร่วมมือในการถ่ายทำโฆษณาของคุณอย่างเต็มที่”
“อีกอย่างค่าตัวของฉงต้ายังคุยกันได้ ผมคิดว่าหนึ่งแสนก็โอเคแล้ว” ฉินสือโอวพูดเสริม
จากการเตือนของวินนี่ พวกเขาจึงได้ผลลัพธ์ออกมาที่ดีกว่า นั่นก็คือยืมโฆษณา JEEP มาโปรโมตเกาะแฟร์เวล
JEEP เป็นผู้ผลิตรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทรงพลังที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ จุดแข็งนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับเงินทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทรัพยากรของพวกเขาด้วย เมืองนี้สามารถใช้เงินมากกว่านี้ในการถ่ายโฆษณาเพื่อโปรโมตได้ แต่พวกเขาไม่มีความสามารถเหมือน JEEP เพราะช่องทางในการปล่อยโฆษณาน้อยเหลือเกิน
หากพวกเขาสามารถใช้การโฆษณาของ JEEP เพื่อโปรโมตได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้รับทรัพยากรในส่วนช่องทางโฆษณาจำนวนมากโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพราะทรัพยากรในส่วนช่องทางการโฆษณาเหล่านี้ไม่สามารถใช้เงินเพียวๆ ในการแก้ปัญหาได้
มั่นใจได้เลยว่า โฆษณาของ JEEP ตัวนี้จะต้องกระจายไปทั่วทั้งในโทรทัศน์ ภาพยนตร์ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ถ้าหากจะให้พึ่งพาเกาะแฟร์เวลเพียงลำพัง พวกเขาคงไม่สามารถหาช่องทางมากมายขนาดนี้ได้
งบโฆษณาที่มากที่สุดไม่ได้อยู่ที่การจ้างดาราและขั้นตอนการถ่ายทำ แต่เป็นค่าช่องสำหรับการออกอากาศในอนาคต หากป้ายโฆษณาของเมืองแฟร์เวลสามารถอยู่ในโฆษณา JEEP ได้ก็จะสามารถประหยัดเงินไปได้มาก
ความสัมพันธ์ระหว่างคาเรนและฮานี่ย์ดูไม่ธรรมดา เขาเริ่มใจอ่อน แต่ก็ยังคงลังเล
ฉินสือโอวตัดสินใจที่จะเพิ่มตัวต่อรองเข้าไป เขาบอกว่า “ฟาร์มปลาของผมไม่ได้มีแค่หมีสีน้ำตาล แต่ยังมีหมีขั้วโลกเหนือ เต่าอัลลิเกเตอร์ กวางมูสสีทอง อินทรีทอง อินทรีหัวขาว เป็นต้น บางทีพวกคุณอาจจะเปลี่ยนสคริปต์ ราคาที่สองแสน ผมอนุญาตให้เจ้าพวกนี้ไปถ่ายโฆษณากับคุณได้หมดเลย”
ฮานี่ย์พูดต่อ “ใช่แล้วครับ รถขับเคลื่อนสี่ล้อไม่เพียงแต่มีพลัง แต่ยังต้องการความรวดเร็ว ความคล่องตัว การป้องกัน การตอบสนองได้อย่างว่องไว เป็นต้น ทำไมพวกคุณถึงทำให้มันเปลี่ยนร่างเป็นแค่หมียักษ์ล่ะ? แต่ยังเปลี่ยนเป็นสัตว์อื่นๆ ได้ด้วย ไม่ใช่เหรอ?”
คาเรนถูมืออย่างครุ่นคิด เขากระซิบคุยกับทาบีสท์ จากนั้นทาบีสท์ก็ออกไปโทรศัพท์ แล้วกลับมาพร้อมพยักหน้าให้ พอเห็นแบบนี้ คาเรนก็บอกว่า “ผมรับข้อเสนอของพวกคุณได้ แต่ไม่ใช่แค่โฆษณาเดียว สองแสนสองโฆษณา สามารถนำป้ายโฆษณาของเมืองคุณเข้ามาไว้ในโฆษณาได้หมด”
ฉินสือโอวตอบอย่างมีความสุข “ตกลง!”
ฉงต้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วร้องเสียง “อุ๋ง อุ๋ง!”
หลังจากนั้น เจ้านี่ก็ยื่นอุ้งมือไปลากฉินสือโอว มองไปที่เขาด้วยหน้าตาน่าสงสาร แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอยู่ตลอดเวลา
คาเรนถามด้วยความสงสัย “นี่มันจะทำอะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มแห้ง “บ้าเอ๊ย เจ้านี่หาของกินจากผม โอเค ก็ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เพื่อนๆ อยู่ต่อก่อนนะครับ ให้ผมต้อนรับพวกคุณด้วยอาหารกลางวันแบบชาวประมง”
ฮานี่ย์ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข “ยินดีมากๆ เลยครับ”
คาเรนยังเกรงใจ ฮานี่ย์รั้งเขาไว้ก่อนแล้วพูดขึ้นว่า “เชื่อผมเถอะ เพื่อน อาหารมื้อนี้คุณกินหมดเกลี้ยงแน่!”
……………………….