ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1854 วันพืชผักที่ต่างออกไป
จริงๆ แล้วการที่ไม่นอนห้องเดียวกับเถียนกวาเป็นความคิดของฉินสือโอว ไม่ง่ายเลยกว่าที่ภรรยาจะกลับมาได้ ดังนั้นจะต้องระรื่นด้วยกันทุกคืนถึงจะทดแทนชีวิตที่ว่างเว้นจากโลกีย์ของตัวเองในสองไตรมาสที่ผ่านมาได้
วินนี่จะไม่รู้ความคิดของผู้ชายอย่างเขาได้อย่างไร? ดังนั้นเธอจึงยอมเป็นแม่นิสัยไม่ดี ไล่ให้ลูกตัวเองไปนอนที่ห้องของพ่อกับแม่ฉิน
หลังจากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน สุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนก็มาถึง เมืองแฟร์เวลครึกครื้นขึ้นมาและเทศกาลพืชผักที่มีเวลาสองวันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
พอดีกับที่วินนี่กลับมา ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรี เธอไม่สามารถพลาดเทศกาลนี้ได้ เพราะนี่คือเทศกาลใหญ่ของเกาะแฟร์เวล เป็นเทศกาลที่ทางเมืองจัดขึ้นมาเอง แต่ก็แน่นอนว่าเทศกาลนี้ก็จัดขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
สื่อมวลชนสำคัญหลายแห่งของเมืองเซนต์จอห์นและนิวฟันด์แลนด์ต่างแห่มาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อทำข่าววันพืชผัก เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เมืองเซนต์จอห์นที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ เศรษฐกิจและประชากรในนิวฟันด์แลนด์ก็ไม่โอเค พอเกาะแฟร์เวลเปิดตัวเทศกาลเช่นนี้ จึงส่งผลให้พื้นที่มีความครึกครื้นมากทีเดียว
ฉินสือโอวเก็บผักและผลไม้ส่วนหนึ่งขึ้นรถกระบะฟอร์ด อีวิลสันรีบเอาเตาย่างของเขาขึ้นไปด้วยอย่างกระตือรือร้น พาวลิส เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ปิดเทอมแล้วจึงกลับมาฟาร์มปลา เชอร์ลี่ย์ถามอีวิลสันว่าทำอะไร อีวิลสันตอบว่า “ไปขายแก่นตะวันย่าง ฉินบอกว่าผมสามารถหาเงินได้เยอะมาก”
“ได้เท่าไร?” เชอร์ลี่ย์ถามเยาะเย้ย
อีวิลสันพยายามคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็เกาหัวแกรกๆ ที่ด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่รู้สิ แต่ฉินบอกว่าเยอะมาก อีวิลสันสามารถหาเงินได้เยอะมาก”
เชอร์ลี่ย์ครุ่นคิดสักพักและแนะนำว่า “อย่างนี้ดีไหม อีวิลสัน พวกเรามาร่วมมือกัน นายย่างแก่นตะวัน ฉันเก็บเงิน สุดท้ายนายแบ่งให้ฉันสองส่วน โอเคไหม? เพราะอย่างไรก็ตามนายก็ต้องมีคนช่วยเก็บตังทอนตัง ถูกไหม?”
อีวิลสันมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความลังเล ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดังกับเชอร์ลี่ย์ “สาวน้อยที่รัก เธอแน่ใจนะว่าความรู้ด้านคณิตของเธอจะช่วยอีวิลสันได้? ฉันเป็นห่วงจริงๆ ว่าเธอจะทอนตังผิด”
กอร์ดอนที่ถือลูกรักบี้หัวเราะและพูดว่า “ผมพนันได้เลยว่า เรื่องนี้คงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น คะแนนวิชาคณิตของเชอร์ลี่ย์ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน…”
เชอร์ลี่ย์หันกลับไปทันทีกะจะดึงหูของเขา แต่กอร์ดอนเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว เขายังไงก็เล่นรักบี้ จึงมีความว่องไว เหมือนเป้าจือไม่มีผิด ถอยห่างหนีไปเหลือไว้เพียงหัวเราเย้ยหยันที่ดังก้องไปทั่วหน้าวิลล่า
รถคันหนึ่งขับเข้ามาในฟาร์มปลา ฉินสือโอวพอเห็นว่าเป็นรถฮานี่ย์จึงเดินเข้าไปหา ผลปรากฏว่าพอประตูรถเปิดออก คนที่ลงมาคือแฮมเล็ต นายกเทศมนตรีใส่ชุดสบายๆ บนศีรษะยังมีหมวกฟาง เป็นการแต่งกายสไตล์ลำลองเพื่อเดินเล่น
“เฮ้ ฉิน ตกใจใช่ไหมล่ะ?” แฮมเล็ตพอเห็นเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวเข้าไปกอดเขาหนึ่งที ยิ้มแล้วพูดว่า “เซอร์ไพรส์มากจริงๆ ครับ แม้ว่าผมจะเดาถูกว่าคุณจะมา คุณคงไม่พลาดออกงานที่ออกสื่อแบบนี้ ถูกไหมครับ?”
แฮมเล็ตยักไหล่ “แน่ล่ะ แน่นอน แต่ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่พูดออกมา เพราะแบบนี้ฉันคงดูไร้ยางอายอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ”
หลังจากเจอหน้าก็คุยเรื่อยเปื่อยสักพัก แฮมเล็ตเห็นรถกระบะที่ขนเต็มหลังรถไปหมด จึงถามขึ้นว่า “พวกนายก็จะไปตั้งแผงลอยขายผักเหรอ?”
ฉินสือโอวตบไปที่ผักและผลไม้ที่อยู่เต็มรถ ตอบว่า “แน่นอนครับ วันพืชผักของวินนี่ ผมต้องไปสนับสนุนอยู่แล้ว”
แฮมเล็ตหยิบแอปเปิลแดงอเมริกาเหนือขึ้นมาลูกหนึ่ง ใช้มือถูๆ แล้วกัดกินเข้าไปหนึ่งคำ “อย่างนั้นก็ดีเลย ไอ้หนุ่ม เดี๋ยวเราเจอกัน เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูในเมืองก่อน ไม่ได้กลับมาตั้งนานแล้ว ไปดูความเปลี่ยนแปลงของเมืองเราสักหน่อย”
ฉินสือโอวโบกมือลาเขา ด้านนี้เขาก็มีเรื่องยุ่งๆ หลายเรื่องต้องทำ อย่างเช่นเติมลมให้บอลลูน
ทุกครั้งที่ในเมืองมีกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอีสเตอร์ คริสต์มาส หรือแข่งเรือฟักทองจะต้องใช้บอลลูนตลอด และก็คงเป็นแค่ช่วงเวลานี้ที่บอลลูนจะได้เอามาใช้ประโยชน์ ถ้าเป็นช่วงอื่นก็คงมีแค่ตอนที่ฉินสือโอวอยากพาวินนี่บินลอยไปอยู่บนที่สูง ถึงจะได้ใช้บอลลูน ไม่เช่นนั้นมันก็จะอยู่ในโกดังเงียบๆ ไป
บอลลูนค่อยๆ ลอยตัวขึ้น เบิร์ดตั้งใจกลับมาคุมบอลลูนจากนิวยอร์ก รอจนมันลอยขึ้นไปบนฟ้า ก็คุมให้มันลอยไปทางเมืองเล็ก แผ่นป้ายโปรโมตที่สั่งทำถูกแขวนไว้อยู่ด้านล่าง มองดูแล้วเป็นทางการมาก
วันพืชผักของเมืองมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวและชาวเมือง เมื่อก่อนทำโฆษณาง่ายๆ ในเมืองเซนต์จอห์น ดังนั้นเมื่อเทียบกับเทศกาลชอปปิ้งของชาวจีนที่จัดขึ้นในเซนต์จอห์นในช่วงปีใหม่จึงไม่ค่อยมีคนมาที่เกาะ เป็นแค่ถนนที่มีงานจัดวันพืชผักขึ้นมา ดังนั้นมองดูแล้วคนยังถือว่าหนาแน่น
วันพืชผักเดิมทีคือการเฉลิมฉลองของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของผู้คนในเขตชานเมืองทางตอนเหนือและในชนบท เมื่อใดก็ตามที่ผักสุกแล้ว พวกเขาจะเรียกเพื่อนพ้องมากินและดื่ม และเอากลับบ้านติดไม้ติดมือถ้ามีของชอบตอนจากไป
ดังนั้นในวันงานนี้ราคาของผักที่ขายจึงค่อนข้างต่ำไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างแก่นตะวันย่างของอีวิลสันหรือวัตถุดิบที่คัดมาสดๆ เลย แก่นตะวันย่างหนึ่งอันมีราคาเพียงสองดอลลาร์แคนาดาซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงมาก คนทั่วไปกินสองอันก็อิ่มแล้ว
ฉินสือโอวช่วยอีวิลสันหาที่ตั้งแถวทางแยก อีวิลสันกังวลมาตลอดทางเพราะเขาเห็นว่านอกจากเขาแล้วยังมีคนขายแก่นตะวันย่างเหมือนกัน มีแม้กระทั่งแก่นตะวันทอดที่เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม
หลังจากที่พลังโพไซดอนเปลี่ยนรสชาติของแก่นตะวันแล้ว มันก็ได้รับความนิยมขึ้นมา จะนึ่งต้มจี่ทอดหรือปิ้งย่าง สามารถทานได้ทุกรสชาติ
กิจกรรมประเภทนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นเทศกาลจึงมีของกินเล่นมากขึ้นโดยส่วนใหญ่เน้นเป็นรูปแบบขนมขบเคี้ยวของแคนาดาตะวันออก
ฉินสือโอวนำผักและผลไม้มาจำนวนมากซึ่งทั้งหมดถูกปรับคุณภาพโดยพลังงานโพไวดอนหมดแล้ว ผู้คนในเมืองรู้ว่าผักและผลไม้ที่ฟาร์มปลาผลิตขึ้นนั้นมีรสชาติอร่อย หลังจากที่เขาวางแผงขาย ผักเต็มรถก็ถูกชาวบ้านซื้อไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผลไม้จะขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการช่วยโปรโมตไปในตัว
พ่อแม่ฉินตอนที่อยู่บ้านเกิดก็อาศัยปลูกพืชผักเป็นอาชีพทำมาหากิน ทำงานแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ถนัดที่สุด พวกเขาใช้พืชผักที่อยู่ในดินเลี้ยงดูฉินสือโอวจนเติบใหญ่และส่งเสียจนเรียนจบมหาวิทยาลัย
แต่ทว่าหลังจากที่ฉินสือโอวได้หัวใจโพไวดอนและประสบความสำเร็จ แปลงผักของที่บ้านก็ถูกขายออกไป พ่อฉินและแม่ฉินไม่ได้ขายผักมานานมากแล้ว เมื่อมีโอกาสแบบนี้ในวันพืชผักกลับให้ความรู้สึกได้ถึงความลำบากในสมัยก่อนและยินดีในความสุขตอนนี้
เดิมทีฉินสือโอวอยากช่วยพ่อแม่ขายพืชผักผลไม้ แต่เถียนกวาอยู่ไม่สุข เธอเห็นว่าข้างๆ มีคนขายขนมปังฮาลาห์ เมื่อได้กลิ่นหอมก็ทนไม่ไหว จึงจับมือฉินสือโอวแล้วก้าวขาสั้นเล็กของเธอออกไปเพื่อไปซื้อกิน
ขนมปังฮาลาห์เป็นขนมปังรูปวงแหวนเหมาะสำหรับทานคู่กับปลาเทราต์และครีมชีส เป็นอาหารที่หาได้ทั่วไปในอเมริกาซึ่งหาได้ยากในเซนต์จอห์น ฉินสือโอวซื้อหนึ่งชิ้นให้เถียนกวาและซื้ออีกสองสามชิ้นให้พ่อและแม่ ให้พวกเขาลองชิมดู
ในปากเคี้ยวตุ่ยๆ เต็มไปด้วยขนมปังและปลาโอแถบ เถียนกวาชี้ไปที่ด้านข้างแล้วตะโกนว่า “ปะป๊า ยังมีอีก อยากกินทุกอย่างเลย!”
ฉินสือโอวขู่เธอโดยพูดขึ้นว่า “ยังจะกินอีก กินเยอะขนาดนี้วันหลังจะกลายเป็นสาวอ้วนนะ จะเหมือนฉงต้าแบบนั้นนะ”
เถียนกวาส่ายศีรษะอย่างแรง หางม้าสะบัดไปมาเหมือนป๋องแป๋ง ด้านหนึ่งเธอก็เคี้ยวขนมปังเต็มปาก ด้านหนึ่งก็พูดพึมพำว่า “ไม่เอาแบบนั้น เถียนกวาจะเป็นแบบพี่ตั๋วตั่ว”
ฉินสือโอวตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นเราต้องกินให้น้อยหน่อยเข้าใจไหมคะ?”
เถียนกวาส่ายศีรษะต่อ ตอบว่า “ไม่ เถียนกวาจะกิน จะกินจะกิน!”
เธอเห็นว่าพ่อไม่ให้ความร่วมมือด้วย จึงพาขาสั้นๆ ของเธอวิ่งออกไป ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกอื่นจึงทำได้เพียงเดินตามหลังแล้วซื้อของให้กิน
………………………….