ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1855 หลัวปอหายไปแล้ว
มีขนมและของว่างมากมายในวันพืชผัก ฉินสือโอวพาเถียนกวาเดินเล่นไปรอบๆ พร้อมกับซื้อของมามากมาย บางอย่างก็เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก เพราะพ่อค้าที่ขายของกินพวกนี้ส่วนมากมาจากเมืองเซนต์จอห์น ดูเหมือนว่ากิจกรรมในเมืองเล็กๆ จะดึงดูดใจพ่อค้าได้มากทีเดียวอยู่
หลังจากพาเถียนกวากลับมา ฉินสือโอวก็ยื่นแพนเค้กทอดกรอบชิ้นหนึ่งให้พ่อและแม่ “อันนี้อร่อยมากเลยครับ พ่อกับแม่ลองชิมดูสิ”
พ่อฉินเช็ดมือตัวเองให้สะอาดแล้วหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง พอกำลังจะกิน ฉินสือโอวก็ยื่นเมเปิลไซรัปให้เขากล่องหนึ่ง แล้วพูดว่า “จิ้มน้ำเชื่อมแล้วกินดูครับ นี่เป็นแพนเค้กของนิวฟันด์แลนด์ ในแป้งจะมีผลไม้สดและผลไม้แห้งผสมอยู่ พอจุ่มในน้ำเชื่อมแล้วรสชาติจะหวานขึ้น แล้วเนื้อก็นุ่มมาก พ่อกับแม่ลองชิมดูนะ”
พอเห็นพวกเขากำลังกินอยู่ อีวิลสันก็เบิกตากว้างแล้วหันกลับไปมอง เขาไม่กล้าขอโดยตรง จึงได้แต่เบิกตานั่งมองอยู่ข้างๆ
ฉินสือโอวเตรียมอย่างอื่นไว้ให้เขาแล้ว มีคนมาขายขนมปังไรย์สอดไส้เนื้อวัว ขนมปังไรย์หอมกรุ่นกับเนื้อหมักเครื่องเทศพร้อมมัสตาร์ดและแตงกวาดองแก้ความหิวได้ดีเหมาะกับตัวกินจุอย่างอีวิลสัน
พอได้ขนมปังไรย์ อีวิลสันก็ยัดเนื้อหมักและแตงกวาดองเข้าไปเต็มๆ แล้วก็เอาเข้าปากเคี้ยวหนึบหนับ กินจนหน้าเบิกบานยิ้มแฉ่งจนลืมว่ามาขายแก่นตะวันย่าง
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีพายชนิดต่างๆ เช่น พายแอปเปิล พายกล้วยหอม พายสับปะรด และพายไอศกรีม เป็นต้น
คนแคนาดาทนต่อความหนาวได้ดีมาก นี่ก็อาจจะเป็นนิสัยที่เคยชินของคนผิวขาว กินไอศกรีม ดื่มน้ำเย็นตลอดทั้งปี อย่างชาวประมงในฟาร์มปลา ไม่ว่าอากาศจะหนาวเพียงไหน แต่เบียร์ที่ดื่มจะเป็นเบียร์จากในตู้เย็น ใช้ฟันแงะฝาออกแล้วดื่มพรวดเทลงในปาก แข็งแรงเหลือเกิน
และแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่ออกมาขายมากที่สุดก็คือเครื่องดื่มเย็น ฉินสือโอวซื้อไอศกรีมชนิดหนึ่งมาที่มีลักษณะคล้ายกล้วยหอม ซึ่งเคยเป็นขนมนำสมัยที่นิวยอร์ก ไอศกรีมกล่องหนึ่งเยอะมากสามารถกินได้ทั้งครอบครัว
เถียนกวาเล่นกับเชอร์ลี่ย์ กอร์ดอนและบูลน้อยมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ จะกินจะดื่มก็ทำแบบคนผิวขาว อากาศยังคงแปรปรวนแต่เธอก็เริ่มกินไอศกรีมคำใหญ่ พ่อฉินและแม่ฉินพอเห็นก็รู้สึกตกใจกลัว พวกเขาอยากจะรั้งห้ามไว้ แต่ฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ไอศกรีมที่แคนาดาไม่เย็น เด็กๆ ก็กินแบบนี้ทั้งนั้นครับ”
ทั้งสองมองไปที่เด็กบนถนนมีไอศกรีมถืออยู่ในมือจริงๆ แล้วก็ส่ายศีรษะ พ่อของฉินสือโอวพึมพำว่า “ลำไส้ของเด็กฝรั่งพวกนี้ทำจากเหล็กหรือยังไงนะ? นี่ก็เท่ากับกินมั่วซั่วไม่ใช่เหรอ? สุขภาพเสียจะทำอย่างไร?”
ฉินสือโอวยิ้ม มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน สุขภาพจะเสียได้อย่างไร?
หลังจากช่วงแห่งความสุขของวันพืชผักผ่านไปสองวัน ชื่อเสียงของเมืองแฟร์เวลก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นเพราะเมนหลักของงานที่กำหนดโดยวินนี่และฮานี่ย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นที่การเข้าร่วม และพยายามควบคุมราคาขายในงานให้ต่ำไว้ เมื่อนักท่องเที่ยวพึงพอใจ ปากต่อปากก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา
เข้าสู่เดือนพฤษภาคม ฝนก็ตกหนักก่อนเลย หลังจากที่ตกต่อเนื่องติดกันสี่วัน ในเมืองก็ถูกชำระล้างจนสะอาดหมดจด ส่วนต้นไม้ใบหญ้าก็โดนฝนชำระล้างจนไม่เหลือฝุ่น มองดูแล้วในเมืองจึงดูสะอาดตาขึ้นมาก
แต่ทว่าสำหรับเมืองเซนต์จอห์น ฝนตกสี่วันนี้กลับไม่ใช่เรื่องดี ระบบจำกัดน้ำเสียในเมืองพังทลาย จึงมีน้ำท่วมนองในเขตชุมชนอยู่หลายแห่ง
เมืองแฟร์เวลยังดีหน่อย เพราะประชากรในเมืองมีจำนวนไม่เยอะ อีกทั้งติดทะเลทั้งสี่ด้าน น้ำฝนจึงไหลทิ้งไปในทะเลได้ทั้งสี่ด้านอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีเหตุการณ์น้ำสกปรกท่วมนองเกิดขึ้น
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ทีมงานโฆษณาที่ได้รับเชิญจากบริษัท JEEP แคนาดามาที่เมืองแฟร์เวล คาเรนเป็นผู้นำทีม หลังจากเขามาถึงฟาร์มปลาก็ไปเยี่ยมฉินสือโอวก่อน แน่นอนเขานำของขวัญไปด้วย เตรียมของเล่นให้กับเถียนกวาและซีกวา และเตรียมของบำรุงให้กับพ่อและแม่ของฉินสือโอว
ฉินสือโอวรู้ว่าเขามาเพื่ออยากมาขอกินด้วยดื่มด้วย จริงๆ แล้วเขาไม่ต้องทำแบบนี้ แค่พ่อกับแม่ของฉินสือโอวเห็นเขาถือของขวัญมามากมายขนาดนี้ จะอย่างไรก็แล้วแต่ต้องเรียกให้เขาอยู่กินก่อนอยู่แล้ว แถมยังบอกด้วยว่าอยากเลี้ยงอาหารจีนรสชาติดั้งเดิม
ใบหน้าของคาเรนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฉินสือโอวถึงเพิ่งรู้ว่า ไอ้หนุ่มนี่เป็นนักกินเหมือนกัน!
พ่อกับแม่ของฉินสือโอวไม่ได้สนใจเลยว่าของขวัญที่คาเรนให้มาจะเป็นอะไร พวกเขารู้ว่าลูกชายตัวเองไม่ขาดเงินแถมยังเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังคงมีจิตสำนึกของผู้สูงอายุในชนบทอยู่ จึงรู้สึกว่าเมื่อมีคนมาเยี่ยมลูกชายพร้อมของขวัญถึงบ้าน นั่นหมายถึงว่าลูกชายมีตำแหน่งที่สูง ซึ่งน่าดีใจยิ่งกว่าลูกชายมีเงินทอง
โฆษณาของ JEEP ทั้งสองใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องมือเช่นบันทึกวิดีโอบนพื้นดิน ซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
โฆษณานี้มีความสำคัญมากสำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมือง วินนี่จึงลงมือติดตามดูด้วยตัวเอง หลังจากปรึกษากับทีมงานแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะสนับสนุนบอลลูน เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินของลูกเรือให้เพื่อช่วยในการถ่ายทำ ส่วนผู้กำกับก็ช่วยเหลือในการนำป้ายโฆษณาของเมืองแฟร์เวลปรากฏในโฆษณาเยอะหน่อยเพื่อเป็นการขอบคุณน้ำใจความช่วยเหลือของเมืองนี้
ป้ายโฆษณาของเมืองในโฆษณาไม่ได้มีความหมายเป็นเพียงแค่ป้ายๆ หนึ่ง แต่เป็นวิธีแสดงตัวตนของเมืองวิธีหนึ่ง ดังนั้นวิธีการแสดงตัวตนจึงแตกต่างออก ยิ่งมีโอกาสมากยิ่งดี
ฉินสือโอวพาฉงต้ามาร่วมการถ่ายทำ หู่จือและเป้าจืออาสาสมัครมาร่วมด้วยยอมทำตามทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะเข้าร่วมให้ได้
เดิมทีเห็นแลบราดอร์วิ่งไปวิ่งมาอยู่หน้ากล้อง ผู้กำกับไม่รู้ว่าพี่น้องสองตัวนี้หมายถึงอะไร ต่อมาฉินสือโอวอธิบายว่าพวกเขาต้องการให้กล้องถ่ายโดนภาพตัวเอง ผู้กำกับไม่เชื่อว่าสุนัขนี่จะฉลาดได้ขนาดนี้
ผู้กำกับไม่เชื่อจนกระทั่งตากล้องถ่ายทำหนังสั้นให้กับแลบราดอร์ เมื่อมองไปที่แลบราดอร์ที่กำลังตื่นเต้น ผู้กำกับจึงเชื่อแล้ว
นอกจากฉงต้าและแลบราดอร์ พวกกลุ่มสัตว์น้อยที่ฟาร์มปลาต่างมาเข้าฉากกันหมด เข้าไปกันอย่างอึกทึกครึกโครม แม้แต่สามหนุ่มเวหาที่บินออกไปหาเรื่องคนอื่นทุกวันยังถูกลากเข้ามาร่วมด้วย
เดิมทีโฆษณาสองเรื่องนี้ ผู้กำกับคิดว่าใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถถ่ายทำเสร็จได้ ถึงแม้ว่าโฆษณาจะสั้นมาก แต่ต้องใช้สัตว์และนกจำนวนมาก พวกเขาคิดว่ามันยากที่จะทำให้สัตว์ร่วมมือกับการถ่ายทำ แต่จริงๆ แล้วมันง่ายมาก…
ผู้กำกับโฆษณาเรื่องนี้แท้ที่จริงแล้วคือฉินสือโอว หลังจากที่เลิกสถานที่ถ่ายทำที่เทือกเขาเคอร์บัลและทะเลสาบเฉินเป่าแล้ว ฉินสือโอวก็สั่งให้ฉงต้าวิ่งจากไหนและไปหยุดตรงไหน กำกับให้สามหนุ่มเวหา ปอหลัว และพวกหลัวปอร่วมมือกับการถ่ายทำอย่างไร
สติปัญญาของพวกเจ้านี่ในฟาร์มปลาสูงอยู่แล้ว หากพวกมันไม่มีจิตสำนึกที่เป็นอิสระ พวกมันสามารถพูดได้อย่างแน่นอน ฉินสือโอวอธิบายนิดหน่อยพวกมันก็เข้าใจแล้วว่าต้องทำอย่างไร ต้องคำรามตรงจุดไหน เข้าใจชัดเจนทุกอย่าง ทำให้ทีมงานตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดคำไหนแล้ว
ใช้เวลาเพียงสองวันก็ถ่ายทำโฆษณาสองเรื่องเสร็จ ที่เหลือก็จะเป็นการตัดต่อและจัดแต่งหลังการถ่ายทำ ฉินสือโอวเมื่อธุระเสร็จเรียบร้อยก็กลับไปที่ฟาร์มปลาทำงานของตัวเองต่อ
แต่พอถึงตอนเย็น วินนี่พลันร้อนใจขึ้นมา ถามขึ้น “หลัวปอล่ะ? มันถ่ายทำเสร็จแล้วทำไมไม่กลับมาด้วย?”
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ตอบว่า “เด็กๆ โตแล้ว ก็มีสังคมเป็นของตัวเองแหละ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก อีกอย่างไม่มีอะไรทำร้ายมันได้บนเกาะนี้ รอมันเล่นจนเหนื่อยก็จะกลับมาเองแหละ”
หนึ่งวันผ่านไป หลัวปอยังคงไม่กลับมา พอเป็นเช่นนี้ไม่ว่าฉินสือโอวจะปลอบอย่างไร วินนี่ก็รอไม่ไหวแล้ว เธอพูดอย่างร้อนใจว่า “พวกเราไปตามหามันกันเถอะ ไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ หลัวปอเป็นสาวน้อย มันเชื่อฟังมาก ไม่เคยหนีออกจากบ้านไปนานขนาดนี้เลย!”
………………………….