ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1857 ฝูงหมาป่าขาว
เมื่อได้ยินเสียงร้องของแคลร์เพื่อนรัก ขนนุ่มๆ ของฉงต้าก็ตั้งชี้ขึ้นมาทันที มันยื่นอุ้งมือเข้าไปอุ้มเถียนกวาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ตาสองดวงเบิกกว้างมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง อ้าปากออกกว้างเผยให้เห็นฟันขาวแหลมคมที่ดูน่ากลัว
ไอ้เหี้ยมโหดลอยออกมา!
พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวและคนอื่นๆ รีบชักปืนออกมา เพราะนี่ดูแล้วเหมือนไม่ใช่การเจอร่องรอยของหัวไชเท้า แต่กำลังมีอันตราย
หู่จือและเป้าจือรีบพุ่งไปอยู่ด้านหน้าฉินสือโอว หูของเจ้าสองตัวพยายามเงี่ยหูไปด้านหลัง หางของมันตั้งตรงราวกับก้านเสาธง จ้องมองเข้าไปในป่าลึกด้านหน้าเตรียมตัวรับมือหากมีอะไรเกิดขึ้น
ฉินสือโอวโบกมือ ตะโกนบอกว่า “ไปดูซิ เกิดอะไรขึ้น”
พอได้ยินคำสั่งเขา หู่จือและเป้าจือรีบพุ่งตรงไปด้านหน้า ริมฝีปากพวกมันปิดแน่น เงาร่างเหมือนลูกศรที่แหลมคม เร็วจนน่าอัศจรรย์ใจ
ฉินสือโอวเอาเถียนกวาที่อยู่ในอ้อมแขนฉงต้ายัดให้อีวิลสัน อีวิลสันแบกเด็กน้อยบนบ่า ถือเรมิงตันด้วยมือเดียว ราวกับนักรบยักษ์พิทักษ์เทพธิดา
“ดูแลเถียนกวาด้วย อยู่ที่นี่ก่อน ชาร์คนายอยู่กับอีวิลสัน นีลเซ็นตามฉันมา” ฉินสือโอวกำชับ แล้วรีบพาฉงต้าตามหู่จือและเป้าจือวิ่งเข้าไปในป่า
พวกเขาวิ่งบนขึ้นไปบนภูเขาสูงชันเป็นเวลาสักพักหนึ่ง และด้วยการฝึกวิ่งอย่างตรากตรำทุกเช้าและพลังโพไซดอนฉินสือโอวถึงสามารถวิ่งตามหู่จือและเป้าจือได้ทัน แต่สำหรับนีลเซ็นก็ลำบากหน่อยแล้ว
เสียงร้องของสามหนุ่มเวหายังคงดังต่อเนื่อง หู่จือและเป้าจือเงยหน้ามองหาตำแหน่งของสามเวหาอยู่ตลอดเพื่อจะได้วิ่งตามไป นีลเซ็นวิ่งหอบถามขึ้นว่า “บอส เกิดอะไรขึ้น? เจอหมาป่าขาวแล้วเหรอ?”
ฉินสือโอวเห็นเขาวิ่งตามจนเหนื่อยจึงหยุดวิ่ง เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดว่า “ไม่น่าใช่ แต่คิดว่าก็คงไม่ได้เจอสัตว์ร้ายทั่วไปหรอก เจ้าสามเวหามันคอยตามอยู่ตลอด และยังไล่ตามไปด้วยกันด้วย ถ้าเป็นหมาป่าขาว พวกมันก็คงลงไปขวางมันไว้แล้ว แต่ตอนนี้กลับแค่ไล่ตาม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
สามเวหาไล่มาสักพักก็เริ่มหมดความอดทน ทันใดนั้นเจ้าสามตัวก็บินร่อนลงมา พอเห็นแบบนี้หู่จือและเป้าจือก็วิ่งไวมากขึ้น แล้วยังอ้าปากร้องเห่า “โฮ่งๆๆๆ!”
ฉงต้าที่ตามอยู่ด้านหลังก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ ไขมันบนตัวมันกระเพื่อมไปมา ดวงตาดุร้ายกะพริบปริบๆ อ้าปากส่งเสียงร้องคำราม “ฟ่อ!”
เสียงคำรามของราชาแห่งป่านั้นน่ากลัวจริงๆ เมื่อฉงต้าคำรามออกมาแบบนี้ก็มีเสียงสะท้อนกลับดังออกมาจากในป่า รอบๆ ป่ามีเสียง ‘สวบสาบ’ ราวกับว่าสัตว์ป่ากำลังตื่นตระหนก มีนกจำนวนหนึ่งบินออกจาต้นไม้ทะยานสู่ท้องฟ้า
ฉินสือโอวและนีลเซ็นกัดฟันและเดินตามหลังไป บนเนินเขาที่ว่างเปล่า พวกเขาเห็นฉากที่น่าตกตะลึง
หมาป่าขาวตัวหนึ่ง หมาป่าสีขาวกำลังแสยะแยกเขี้ยวอยู่บนเนินเขาที่ว่างเปล่า ส่วนรอบๆ หมาป่าขาวกลับเป็นนกตัวใหญ่สามตัวบินอยู่ในระดับความสูงต่ำ ส่วนเจ้าแลบราดอร์สองตัวต่างจ้องไปที่หมาป่าขาวไม่วางตา ยิ่งไปกว่านั้นมีหมีสีน้ำตาลร่างกายบึกบึนคำรามเสียงต่ำอยู่ตรงนั้น
หมาป่าขาวขยับถอยไปด้านหลัง ขนสีขาวบนตัวมีลักษณะสั้นแต่แข็ง อาจเป็นเพราะเดี๋ยวมุดดินเดี๋ยวมุดน้ำอยู่ทั้งวัน ขนหมาป่าที่ขาวสะอาดตอนนี้บางส่วนสีขาว บางส่วนสีเทา มองดูแล้วไม่สะอาดตา
เพียงแวบเดียวฉินสือโอวก็มองออก นี่ไม่ใช่หัวไชเท้าน้อย ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นพันธุ์เดียวกัน
เมื่อเทียบกับหัวไชเท้าน้อย เจ้าหมาป่าขาวนี้ดูแข็งแกร่งกว่าหน่อย หางก็สั้นกว่า แววตาของมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหัวไชเท้าน้อยในเรื่องความดุร้าย ประสบการณ์การต่อสู้ของมันนั้นก็ดูมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เห็นการป้องกันตัวของมันตอนนี้ก็รู้แล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินสือโอวไร้ซึ่งคำพูดใดๆ แล้ว ไม่น่าเจ้าสามเวหาถึงไล่ตามหมาป่าขาวตัวนี้ตลอด พวกมันเห็นว่าเจ้านี่มีลักษณะคล้ายหัวไชเท้าน้อย แต่ก็กลับยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า ดังนั้นจึงไล่ตามมาตลอดทาง
หมาป่าขาวหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น กล้ามเนื้อขาทั้งสี่เกร็งตึงไปหมด ยังคงแยกเขี้ยว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย ยังคงมีน้ำลายห้อยอยู่ที่มุมปาก ดวงตาโหดเหี้ยมของมันกวาดมองไปทุกที่ราวกับว่ามันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ฉินสือโอวเป่านกหวีดเพื่อให้เจ้าสามเวหาบินขึ้นไปก่อน นี่เป็นแค่หมาป่าขาวตัวหนึ่งแล้วมันก็ไม่ได้เริ่มหาเรื่องเราก่อนด้วย จึงไม่จำเป็นต้องโจมตีมัน อีกอย่างพันธุ์ของหมาป่าขาวชนิดนี้คงมีเหลือไม่มากแล้วบนเทือกเขาเคอร์บัล จึงควรปกป้องไว้หน่อยดีกว่า
หลายปีก่อนครั้งแรกที่เขาเจอหัวไชเท้าน้อยและพ่อแม่ของมัน เขาก็มั่นใจว่าที่เทือกเขาเคอร์บัลยังมีหมาป่าขาวพันธุ์นี้อยู่ เพียงแต่พวกมันหลบซ่อนตัวได้ดี จึงไม่เคยโดนชาวบ้านเจอตัวก็เท่านั้นเอง อีกทั้งฝูงพันธุ์ชนิดนี้น่าจะมีไม่น้อยด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะขยายพันธุ์ไม่ได้ แต่ทว่าพวกมันก็ไม่สามารถขยายพันธุ์ให้ใหญ่ไปกว่านี้ได้ เนื่องด้วยเทือกเขาเคอร์บัลเล็กเกินไป อาหารก็น้อย เลี้ยงหมาป่าขาวฝูงใหญ่ไม่เพียงพอ
นีลเซ็นก็ทราบดีว่ามีความลับของฝูงหมาป่าขาวที่เทือกเขาเคอร์บัลอยู่ เขาฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “บอส ไม่อย่างนั้นก็จับเจ้านี่กลับไปบ้านก็จบเรื่องแล้ว บอกนายหญิงว่าเป็นหัวไชเท้าน้อย…”
ฉินสือโอวกลอกตามองบน พูดอย่างเคืองๆ ว่า “จับไปบ้านแกสิ นายคิดว่าวินนี่โง่เหรอไง เธอฉลาดกว่าฉันมาก…”
ในช่วงเวลานี้เอง เจ้าสามเวหาก็ร้องเสียงดังขึ้นมาทันใดอีกครั้ง เสียงร้องครั้งนี้ดูร้อนรนและมีพลังมากกว่าเก่า เหมือนกับแตรที่ดังอยู่กลางอากาศ
สีหน้าของหู่จือ เป้าจือและฉงต้าที่ติดตามหมาป่าขาวพลันตึงเครียดขึ้นมา พวกมันค่อยๆ ถอยไปด้านหลัง ถอยจนมายืนอยู่ข้างฉินสือโอว ขนบนตัวชี้ตั้ง เกร็งและตึง ราวกับเจอศัตรูที่ต่อกรด้วยยาก
ในเวลานี้ ที่ขอบป่ารอบๆ เนินเขาหมาป่าหลายตัวค่อยๆ ก้าวออกมา ล้วนเป็นหมาป่าขาวที่มีขนราวกับหิมะ!
“ฝูงหมาป่าหิมาลายันนิวฟันด์แลนด์!” นีลเซ็นดวงตาหดเล็ก กระซิบด้วยเสียงตกใจว่า “เชี่ย หนึ่งสองสามสี่ห้า…มีตั้งเจ็ดตัว? ไม่น้อยเลยนะเนี่ย!”
หมาป่าขาวที่ออกมาล้วนเป็นหมาป่าเด็กขนาดครึ่งตัวหรือหมาป่าโตเต็มวัย หมาป่าที่ถูกล้อมไว้ก่อนหน้าเห็นเพื่อนของมันมาก็รู้สึกโล่งใจทันที เปลี่ยนท่าทีป้องกันเป็นท่าโจมตีและหันไปทางฉินสือโอว ขยับเข้าไปใกล้
ฉินสือโอวไม่กลัวหมาป่าขาวพวกนี้ แค่เจ็ดตัวเอง ในมือเขามีธนูยิงปลา ที่เอวยังมีปืนเหน็บอยู่ ส่วนนีลเซ็นถือปืนไรเฟิล ต่อให้พวกเขาไม่ออกโรง แค่มีฉงต้าร่วมมือกับหู่จือและเป้าจือก็สามารถจัดการหมาป่าขาวเจ็ดตัวนี้ได้
พลังการต่อสู้ของหมาป่านั้นสุนัขเทียบไม่ได้เลย แม้ว่ามันจะเป็นสุนัขที่ดุร้ายเช่นสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ แต่พลังการต่อสู้ของหู่จือและเป้าจือบ้าคลังดุเดือดมากในหมู่ฝูงสุนัข เมื่อต้องเผชิญหน้าหมาป่าสีขาวตัวต่อตัว พวกมันไม่กลัวอย่างแน่นอน หรือจะจัดการหมาป่าขาวหนึ่งต่อห้า สำหรับฉงต้าแล้วไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย
ฉงต้าเป็นหมีสีน้ำตาลโตเต็มวัยแล้ว!
ฉินสือโอวหยิบปืนพกออกมาและเตรียมพร้อมที่จะยิงขู่หมาป่าขาวพวกนี้ออกไป หมาป่าหิมาลายันนิวฟันด์แลนด์มีไม่มากนัก แม้ว่าพวกมันดูเหมือนจะโจมตีเขา แต่เขาก็ยังไม่ต้องการทำร้ายพวกมัน
ก่อนที่เขาจะได้ยิง เงาสีขาวก็ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของป่า จากนั้นร่างที่แข็งแกร่งของหมาป่าสีขาวก็รีบวิ่งออกมาจากมุมป่า มันรีบวิ่งไปที่หมาป่าขาวที่ต้องการโจมตีฉินสือโอวด้วยพลังที่รุนแรงและกระแทกมันลงกับพื้น
หลังจากกระแทกล้มหมาป่าขาวดุร้ายได้ หมาป่าขาวที่ออกมาจากด้านหลังก็หยุดและเงยหน้าขึ้นมองฉินสือโอว หางของมันแกว่งไปมาสองสามครั้งเหมือนสุนัข อ้าปากร้องเห่าโฮ่งๆ ขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง
………………………