ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1859 ของเล่นใหม่ในฟาร์มปลา
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมาป่าโชคร้ายตัวนี้ถูกมนต์เสน่ห์ของหัวไชเท้าน้อยสะกดไว้ จึงไม่เสียใจที่ทรยศพรรคพวกตัวเองแล้ววิ่งตามลงเขามา สัตว์นิสัยไม่ดีที่พึ่งพามนุษย์ ถ้าไม่เพราะรักหัวไชเท้าน้อยมากเหลือเกิน หมาป่าผู้หล่อเหลาตัวนี้คงตัดขาดกับฉินสือโอวนายใหญ่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ดังนั้น ตอนที่มันโดนหัวไชเท้าน้อยผลักจนล้มไปอยู่บนพื้น นี่ไม่ใช่การผลักล้มด้วยความรัก แต่เป็นการผลักไสแบบด้านๆ ผลักเพื่อต่อสู้ เฉกเช่นเดียวกับที่มันผลักกระต่ายสโนว์ชูที่น่ารักแต่รสชาติอร่อยแบบนั้น หัวใจของเจ้าหมาป่าโชคร้ายจึงเจ็บปวดแล้ว
ต่อมาตอนที่ฉินสือโอวพาพวกมันลงจากเขา เจ้าหมาป่าโชคร้ายก็เดินตามหลังอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองยอดเขาด้วยความเสียใจ ก้าวไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองทีหนึ่ง เดินไปก็มองไปจนสุดท้ายเดินมาจนถึงเชิงเขาและเห็นรถจอดอยู่
ฉินสือโอวคุยกับเจ้าหมาป่าผู้เคราะห์ร้ายว่า “ถ้าแกขึ้นรถคันนี้ ก็เท่ากับว่าแกเป็นของฉันแล้ว และแน่นอนว่าหากแกจีบลูกสาวฉันติด ก็เท่ากับว่าแกแต่งเข้าฟาร์มปลา แต่ถ้าแกจีบไม่ติด แกก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงอีกตัวของฉันนะ”
หมาป่าผู้โชคร้ายตัวนี้ไม่ได้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเหมือนหัวไชเท้า หู่จือและเป้าจือแบบนั้น มันเห็นฉินสือโอวอ้าปากคุยกับมัน แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังสื่อสารกับมันอยู่ แต่เมื่อเห็นฟันของฉินสือโอวกลับนึกว่าเขากำลังขู่มันอยู่ จิตใจจึงสั่นคลอน แววตาดุร้ายทำท่าทางน่ากลัว ยื่นคอออกไปเตรียมจะขู่คำราม
เมื่อมันอ้าปาก หู่จือเป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอที่อยู่รอบข้างก็ล้อมมันไว้และทำท่าราวกับจะจับมันกดไว้ที่พื้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นแบบนี้ หมาป่าผู้เคราะห์ร้ายที่เคยโดนทำร้ายก็นับว่าฉลาด มันเคยได้รับบทเรียนแล้วครั้งหนึ่ง มันจึงหุบปากและถอยออกห่าง ใช้สายตาน่าสงสารมองไปที่หญิงที่รักอย่างหัวไชเท้าน้อย ผมลงมาจากเขาก็เพื่อคุณนะ คุณช่วยทำตัวน่ารักกับผมหน่อยไม่ได้เหรอ?
ฉินสือโอวเปิดกระโปรงรถกระบะออก ฉงต้า หู่จือ เป้าจือและแมวป่ากลับขึ้นไปนั่งเบาะท้ายรถ หัวไชเท้าน้อยยื่นศีรษะไปมอง แล้วก็ปีนขึ้นไปหลังกระโปรงรถ
เมื่อเป็นเช่นนี้หมาป่าผู้โชคร้ายก็ทำตามปีนขึ้นไปหลังกระโปรงรถโดยไม่ต้องให้ฉินสือโอวสั่ง
ในขณะที่รถสตาร์ท เครื่องยนต์ก็สั่นและส่งเสียงอู้อี้ หมาป่าผู้โชคร้ายตกใจ ขนขาวๆ ที่คลุกฝุ่นจนสกปรกชี้ตั้งขึ้นมา ดวงตากลมจ้องมองไปรอบๆ หัวไชเท้าน้อยไม่พอใจกลับการแสดงออกของมัน จึงอ้าปากร้องเสียงใส เจ้าหมาป่าดูท่าจะหลงไปกับเสียงของหญิงที่รัก ลำตัวอ่อนลงและนั่งนิ่ง
รถกระบะเคลื่อนตัวออกจากเชิงเขา หมาป่าผู้โชคร้ายเห็นบ้านเกิดตัวเองไกลออกไปเรื่อยๆ มันพิงศีรษะขนแผ่นไม้หลังรถ ส่งเสียงร้องครวญคราง “อูวววว อูวววว…”
ฉินสือโอวไม่อยากให้วินนี่เป็นกังวล ตอนที่เจอหัวไชเท้าน้อยเขาจึงใช้วิทยุสื่อสารไร้สายแจ้งข่าวไปที่ฟาร์มปลา ด้วยเหตุนี้ตอนที่รถขับถึงบ้าน วินนี่จึงอุ้มลูกชายวิ่งออกมาทันที
รถยังไม่ทันได้จอด หัวไชเท้าน้อยร้องโหยหวนแล้วกระโดดลงจากหลังรถ วิ่งเข้าหาอ้อมกอดวินนี่ ใช้หัวนุ่มๆ ของมันเคลียคลอตรงส่วนท้องของวินนี่ไปมา หางสะบัดไปมาอย่างงุ่มง่าม แสดงให้เห็นถึงความดีใจที่อยู่ภายในใจ
เมื่อเห็นลูกสาวที่ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวัน วินนี่ดีใจเหลือเกิน เธอฝากซีกวาไว้กับฉินสือโอว เธออุ้มหัวไชเท้าน้อย ด้านหนึ่งก็ลูบขนมันไป ด้านหนึ่งก็ถามมันว่า “เด็กนิสัยเสีย ทำไมข้ามคืนแล้วถึงไม่กลับบ้าน? ไปไหนมาฮึ? แล้วไปทำอะ…เอ่อ นี่เกิดอะไรขึ้น?”
ประโยคสุดท้าย เธอพูดเพราะเห็นหมาป่าผู้โชคร้ายกระโดดลงมาจากรถ เจ้าหมาป่าโชคร้ายตัวนั้นพอลงจากรถก็มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวังตัว หลังจากนั้นก็มุดเข้าไปใต้รถทันที เผยให้เห็นแค่ดวงตาสีเขียวใส ท่าทางเหมือนบอกว่าข้าตอบสนองไวประสบการณ์โชกโชน พวกแกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก
ฉินสือโอวไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหนึ่งรอบ บอกว่าหัวไชเท้าน้อยน่าจะไม่รู้ว่าไปหาเผ่าพันธุ์หมาป่าขาวเจอได้อย่างไร ช่วงสองวันนี้ก็อยู่กับพรรคพวกมัน ส่วนตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในพรรคพวก และยังเป็นผู้ที่ชื่นชอบมันด้วย
หลังจากฟังคำอธิบายจบ วินนี่ก็เข้าใจ เธอมองไปที่หมาป่าผู้โชคร้ายที่หลบอยู่ใต้รถแล้วโผล่ออกมาแค่ครึ่งหัวแล้วก็หัวเราะ หลังจากนั้นก็ลูบไปที่หัวของหัวไชเท้าน้อยแล้วหัวเราะอย่างยินดี “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง หลัวปอของพวกเราโตแล้ว หาเจ้าชายของตัวเองเจอแล้ว จริงไหม?”
หลัวปอน้อยไม่มีจิตใต้สำนึกแบบอิสระ ไม่อย่างนั้นมันคงพูดว่า เจ้าชายบ้าบออะไร มีเจ้าชายที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? องค์หญิงอย่างฉันไม่แต่งให้ไอ้บ้าบอแบบนี้หรอก
หมาป่าผู้โชคร้ายมอมแมมมาก ขนของมันเกาะติดกัน ไม่รู้ว่าเป็นอุจจาระหรือดินโคลน พวกปรสิตบนตัวยิ่งเยอะ ฉินสือโอวพามันไปชำระร่างกายที่ทะเล แต่มันกลัวน้ำทะเล เรียกยังไงก็ไม่ไป
วินนี่เอาอ่างใบใหญ่ของมาสเตอร์ออกมา ปรับน้ำในอ่างให้พอเหมาะ แล้วอาบน้ำให้กับหลัวปอ
เมื่อมีหัวไชเท้าน้อยเป็นแบบอย่าง มีหู่จือเป้าจือคอยเห่าไล่ตลอด หมาป่าผู้โชคร้ายก็หงุดหงิดใจ โดนบังคับให้ลงไปในอ่าง ฉินสือโอวเป็นห่วงว่าเจ้านี่จะกัดวินนี่ จึงจัดการอาบน้ำให้มันเอง แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นได้ป้อนพลังโพไซดอนเข้าสู่ร่างกายของมันก่อน
เมื่อได้รับพลังโพไซดอน คาดว่าหมาป่าผู้โชคร้ายรู้สึกสบาย จึงผ่อนคลายมากขึ้น ตอนที่ฉินสือโอวเอาแปรงเข้าไปแปรงขนเบาๆ ให้มัน แววตาของมันเผยให้เห็นความชื่นชม อืม สบายจัง เสี่ยวฉินทำงานเจ้าให้ดีๆ ตรงก้นนี่มีอุจจาระติดอยู่เยอะเลย ล้างออกให้ดีๆ ล่ะ…
หลังจากหมาป่าผู้โชคร้ายอาบน้ำเสร็จ น้ำในอ่างก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และยังมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักจำนวนมากลอยอยู่บนผิวน้ำ ฉินสือโอวคาดว่าเจ้านี่หลังจากอาบน้ำเสร็จ น้ำหนักน่าจะลดไปห้ากิโลกว่า
แต่ทว่าลักษณะรูปร่างของหมาป่าผู้โชคร้ายถือว่าไม่เลวเลย โครงสร้างกระดูกมันใหญ่ ลายเส้นกล้ามเนื้อเด่นชัด ขนมันสั้นแต่ตั้งตรง ใบหน้ามีราศีดูสง่า และเนื่องด้วยมันโตอยู่ในป่าตั้งแต่เด็ก มันจึงมีกลิ่นอายแห่งความดื้อรั้น เมื่อมองไปรอบๆ แล้วบรรยากาศแห่งความกล้าหาญก็กระจายไปทั่ว
อาบน้ำให้มันเต็มๆ ทั้งหมดห้าครั้ง ขนขาวๆ ดั้งเดิมของมันถึงค่อยเผยออกมาให้เห็นเด่นชัด เถียนกวาเข้ามาลูบไล้ด้วยความอยากรู้ มันแยกเขี้ยวข่มขู่เถียนกวาไม่ให้เข้าใกล้ตัวมัน แล้วในเวลานี้เองหู่จือและเป้าจือก็ปกป้องอยู่ข้างๆ ซ้ายขวา เพียงแค่เห็นหน้าโหดร้ายของมัน ทั้งสองตัวไม่กล่าวอะไรก็จู่โจมผลักมันและกดไว้ในอ่างจนมันดื่มน้ำสกปรกไปสองอึก
เพียงเท่านี้หมาป่าผู้โชคร้ายก็ทำตัวเชื่องแล้ว มันรู้ว่ามันสู้หู่จือและเป้าจือสองตัวนี้เวลาร่วมมือกันไม่ได้ จึงยอมให้เถียนกวาลูบตัวมัน ก้มหน้าอย่างหดหู่ ยอมรับชะตากรรมตัวเองที่เปลี่ยนจากเจ้าชายน้อยในฝูงหมาป่าเป็นของเล่นใหม่ในฟาร์มปลา
ความจริงแล้วที่หมาป่าผู้โชคร้ายยอมอ่อนข้อให้ เพราะหลังจากที่มันดูดซับพลังโพไซดอนแล้ว มันก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและเถียนกวาที่ได้รับพลังโพไซดอนเข้าไปปรับเปลี่ยนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ยอมละทิ้งความดุร้ายไปง่ายๆ
ถึงแม้จะยอมอ่อนข้อแล้ว แต่หมาป่าผู้โชคร้ายก็ยังไม่เต็มใจที่จะเป็นของเล่นใหม่ในฟาร์มปลา ธรรมชาติของหมาป่าที่หยิ่งผยองของมันไม่ยอมให้เพื่อนของมันบังคับโดยพลการ แต่มันก็สู้กับหู่จือ เป้าตือ ฉงต้า หมีโลลิไม่ได้ แต่ในที่สุดตอนที่เขาเห็นต้าป๋าย โอพอสซัมนอน***อาบแดดอยู่อย่างขี้เกียจ จึงคิดว่าโอกาสที่ตัวเองจะได้เป็นพี่ใหญ่มาถึงแล้ว
หมาป่าขาวคุ้นเคยหนูโอพอสซัมในอเมริกาเหนือเป็นอย่างดี คืออาหารที่พวกมันไม่คิดจะแยแส ดังนั้นมันจึงทำหน้าเคร่งขรึมเดินไปอยู่ด้านหน้าต้าป๋าย ส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ หรี่ตามองคิดจะแกล้งขู่ให้ต้าป๋ายกลัว
ต้าป๋ายมองไปที่มันอย่างเกียจคร้าน ราวกับชายชรามองเด็กที่ยั่วเย้า คิดแล้วก็รู้สึกน่าขัน
หมาป่าผู้โชคร้ายโมโห มันรู้สึกว่าได้รับความอัปยศ แต่ก็ยังไม่ทันได้แสดงความสามารถของตัวเอง เงาร่างมหึมาเงาหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมเสียงดังกึกก้อง ตามด้วยฝ่ามือยักษ์ฟาดลงไป หมาป่าผู้โชคร้ายกลับลอยละล่องจากไปเอง…
……………………………..