ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1860 จัดการฟาร์มปลาแห่งที่สามใหม่
หลังจากที่โดนฝ่ามือฉงต้าไป หมาป่าผู้โชคร้ายก็ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ในที่สุดมันก็เข้าใจว่า ในฟาร์มปลาแห่งนี้อาจจะมีหลายสิ่งที่กำลังต่อสู้เปรียบกับเขาไม่ได้ แต่พวกมันก็มีคนเบื้องหลังคอยสนับสนุน ตัวเองที่เพิ่งมาใหม่ก็ควรจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้ดีกว่า
หมาป่าผู้โชคร้ายเดินเรื่อยๆ ไปจนถึงท่าเรืออย่างโศกเศร้า มองไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่ อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นในใจ ไม่อาจสงบนิ่ง ร้องเสียงคำรามของหมาป่าขาวออกไปในทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล “อูวววว อูวววว!”
“อูว อูว!” เสียงต่ำดังกึกก้องมาจากที่ไม่ไกลออกไป จากนั้นไอน้ำพ่นสองสายก็พุ่งออกมาจากทะเล สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีความยาวมากกว่าสิบถึงยี่สิบเมตรก็ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ อ้าปากส่งเสียงคำรามแบบเดียวกันไปทางท่าเรือ
สายตาของหมาป่าผู้โชคร้ายจ้องตะลึงงัน มันหนีบหางของมันไว้ใต้ก้นแน่น ขาของมันขัดกันเองวุ่นวายไปหมด แล้วน้ำใสๆ ก็ไหลออกมาจากสะโพกมัน ต่อมา มันว่ายดำ ‘ดึ๋งดึ๋ง’ ก็โผล่มาที่ท่าเรือ หญิงที่รัก ข้าอยากกลับบ้าน ข้างล่างเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว
ฉินสือโอวที่อยู่หน้าวิลล่าหัวเราะเสียงดัง บังคับให้วาฬหัวทุยพี่ใหญ่ว่ายกลับลงทะเลไป เขาคิดว่าถ้าเมื่อกี้เขาระดมทั้งวาฬหัวทุย ฉลามขาวยักษ์ แม้กระทั่งกองกำลังทหารงูทะเลมาไว้ด้วยกัน คงจะทำให้หมาป่าผู้โชคร้ายตกใจกลัวจนตายไหมนะ?
แล้วหมาป่าผู้โชคร้ายก็อาศัยอยู่ในฟาร์มปลาแบบนี้ วินนี่ตั้งชื่อให้มันว่า คอร์แทน ซึ่งเป็นชื่อของราชาหมาป่าอีกตัวที่มีชื่อเสียงพอๆ กับหลัวปอ แต่ว่าถิ่นของมันอยู่ที่ฝรั่งเศส เคยนำกองทัพหมาป่าสีเทาข้ามไปยังฝรั่งเศสทั่วโลก แต่ฉินสือโอวกลับชอบเรียกมันว่าหมาป่าผู้โชคร้าย เพราะตั้งแต่เจอเจ้านี่ทีแรก โชคของมันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
แต่ทว่าชีวิตของหมาป่าผู้โชคร้ายในฟาร์มปลาดีกว่าตอนอยู่บนภูเขามาก ไม่เพียงแค่สามารถหยอกเล่นกินข้าวกับหญิงที่รักได้ ของที่กินก็ดีกว่า ทุกวันจะมีเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อห่านสลับกันไป แล้วยังมีเนื้อวัวและเนื้อแกะกึ่งสุกกึ่งดิบอีก ล้วนเป็นเนื้อชั้นดีที่ชุ่มฉ่ำ หมาป่าผู้โชคร้ายกินอย่างมีความสุขสุดๆ
มันอาศัยอยู่ในฟาร์มปลามาจะเดือนหนึ่งแล้ว ปลายเดือนพฤษภาคม หมาป่าผู้โชคร้ายที่มีโครงกระดูกใหญ่และผอมได้กลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ มันดูสง่างาม และเสียงคำรามของมันที่เต็มไปด้วยพลัง มีลักษณะเป็นดั่งราชาแห่งหมาป่าจริงๆ
เดือนมิถุนายน ฉินสือโอวอาศัยจังหวะที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น จึงเริ่มพัฒนาและใช้งานฟาร์มปลาต้าฉินแห่งที่สาม
ฟาร์มปลาต้าฉินแห่งที่สามเป็นฟาร์มปลาขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมชายทะเลเคจิมกูจิก ในเมืองคาร์กิลิก รัฐโนวาสโกเชีย ด้านหลังเป็นอุทยานแห่งชาติเคจิมกูจิกที่สวยงาม ถัดจากนั้นคือฟาร์มปลาคาร์เตอร์คู่แข่งที่เคยประมือกับเขา แน่นอนว่าตอนนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นฟาร์มปลาตระกูลมอร์รี่แล้ว เป็นอุตสาหกรรมของตระกูลมอร์รี่ยักษ์ใหญ่ทางทะเลของอเมริกา
หลังจากที่เขาซื้อฟาร์มปลาแห่งนี้ในราคา 8.8 ล้าน เขาก็ไม่ได้ดูแลมันอย่างจริงจังเนื่องจากกำลังคนไม่เพียงพอ มีแค่ปีที่แล้วที่เขาเพิ่งโยนเมล็ดสาหร่ายไปในช่วงฤดูร้อน และถ่ายพลังโพไซดอนลงในเมล็ดสาหร่ายเพื่อให้พวกมันเติบโตได้อย่างอิสระ
ผ่านไปครึ่งปี สาหร่ายทะเลบนฟาร์มปลาแห่งที่สามเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วในช่วงฤดูหนาว แต่ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญที่วินนี่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้สภาพอากาศในฤดูหนาวไม่เหมาะสำหรับการพัฒนาพื้นที่ในฟาร์มปลา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปดูแล จนเมื่อฤดูร้อนนี้มาถึง จึงถึงเวลาที่จะพัฒนาฟาร์มปลาแห่งนี้แล้ว
พอดีกับที่เรือประมงสี่ลำที่ฉินสือโอวซื้อสำเร็จลุล่วง อุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนนครเซนต์จอห์นนำเรือมาส่งเรียบร้อย เขาจึงใช้เรือสี่ลำนี้ในงานจับปลาที่ฟาร์มปลา ส่วนเรือปริ้นเซสเมล่อนเอาไปใช้ในฟาร์มปลาแห่งที่สาม
แต่สิ่งที่ทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจมากก็คือฟาร์มปลาคาร์เตอร์ที่อยู่ถัดจากฟาร์มปลาแห่งที่สามตอนนี้เป็นของตระกูลมอร์รี่แล้ว ตระกูลมอร์รี่ทำการดูแลและลงทุนในฟาร์มปลามาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแนว ฝูงปลาของฟาร์มปลาคาร์เตอร์บางครั้งก็มาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม ซึ่งพวกเขาก็ไม่สนใจราวกับว่าพวกเขากำลังช่วยพัฒนาฟาร์มปลาแห่งที่สามอย่างไรอย่างนั้น
การค้นพบที่แปลกประหลาดนี้ไม่ได้ทำให้ฉินสือโอวคิดมาก ไม่นานเขาก็นั่งเรือออกเดินทางไปที่ฟาร์มปลาแห่งใหม่
แล่นไปทางใต้ตามเส้นทางนิวฟันด์แลนด์แอตแลนติกเหนือ ผ่านแหลมเทรพาสซี่แล้วเลี้ยวเข้าสู่น่านน้ำของแซงปิแยร์และมีเกอลง จากนั้นแล่นไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ถัดมาเข้าสู่น่านน้ำรัฐโนวาสโกเชีย เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะอยู่ไม่ไกลจากชายทะเลเคจิมกูจิกซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชายฝั่งที่แสงแดดส่องถึงที่ดีที่สุดในแคนาดาตอนใต้
อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินและตระกูลมอร์รี่มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน หากฉินสือโอวเข้าสู้ฟาร์มปลาแห่งที่สามโดยผ่านฟาร์มปลาคาร์เตอร์จะเร็วกว่า แต่แบบนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไปเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ เขาเชื่อแน่นอนว่า ตามนิสัยของพวกคนตัวเล็กๆ ของตระกูลมอร์รี่จะต้องโยนความผิดให้เขาโดยบอกว่าเขาเข้ามาขโมยปลาอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้น
ดังนั้นแล้ว เขาจึงยอมอ้อมไป วิ่งเลียบฟาร์มปลาคาร์เตอร์สมัยก่อน แล้วปัจจุบันเป็นฟาร์มปลาของตระกูลมอร์รี่ จากทะเลเข้าสู่ฟาร์มปลาแห่งที่สามของเขา
ระยะทางไปฟาร์มปลาของเขายังมีระยะห่างอยู่ช่วงหนึ่ง ฉินสือโอวนายใหญ่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขายืนอยู่บนดาดฟ้าและเหลือบมองไปที่ผิวน้ำทะเลในฟาร์มปลา เขาถามชาร์คที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “ชาร์ค ฉันตาลายหรือเปล่า ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีเรืออยู่ในฟาร์มปลาของเรา?”
ความจริงแล้วแน่นอนว่าเขาไม่ได้ตาลาย ถึงแม้ว่าอยู่ตรงนี้มองด้วยตาอาจจะไม่ชัดเจน แต่ว่าเขาปล่อยจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนออกมา จึงสามารถมองเห็นได้ชัดเจนผ่านจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอน มีเรือจับปลาอยู่ในฟาร์มปลาของตัวเองจริงๆ
ชาร์คถือกล้องส่องทางไกล ปรับโฟกัสแล้วมองดู พูดเสียงขรึมว่า “บ้าเอ๊ย เรือลำนี้มีตราของตระกูลมอร์รี่ แม่งเรือจับปลาบ้าของตระกูลมอร์รี่ พวกเขากล้าดีขนาดนี้เลย กลางวันแสกๆ กล้ามาขโมยปลาในฟาร์มปลาเรา แม่งเป็นไอ้ซาตานกร็องเดต์เห็นแก่เงินจริงๆ จะเอาเงินแล้วไม่เอาชีวิตไว้ใช่ไหม”
ทะเลจะต่างจากบนบก ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาลและยากที่จะกำหนดขอบเขต ดังนั้นหากฟาร์มปลาสองแห่งอยู่ติดกันมักจะเกิดความเข้าใจผิดในการจับปลาข้ามพรมแดนได้ง่าย ดังนั้น ถ้าความสัมพันธ์ของเจ้าของฟาร์มปลาทั้งสองไม่ดี จะเกิดข้อขัดแย้งได้ง่ายมาก
ในช่วงแรกเกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าของฟาร์มปลาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและฟาร์มปลาแบบดั้งเดิม เหตุผลหลักๆ เกิดจากฟาร์มปลาของทั้งสองฝ่ายอยู่ติดกันซึ่งส่งผลให้เกิดข้อพิพาททางเศรษฐกิจและนำมาสู่ความขัดแย้งต่างๆ
ฉินสือโอวลังเลที่จะลงทุนในฟาร์มปลาแห่งที่สาม อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาขี้เกียจที่จะขัดแย้งกับตระกูลมอร์รี่ เขากล้ารับประกันเลยว่า ขอเพียงแค่เขาพัฒนาฟาร์มปลาแห่งที่สามขึ้นมา ตระกูลมอร์รี่จะต้องมาขโมยปลาในฟาร์มปลาของเขาทั้งอย่างลับๆ และอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน แล้วคุ้มไหมที่เขาจะแจ้งตำรวจ? ไม่มีประโยชน์อะไรมาก ตราบใดที่คนของตระกูลมอร์รี่ยืนหยัดว่าเขามองแนวเขตแดนผิดไปจึงเข้ามาในฟาร์มปลาแห่งที่สาม ถ้าเช่นนั้นตำรวจทะเลก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่ประนีประนอมเท่านั้น
เขาคาดไม่ถึงว่า เขายังไม่ได้ลงทุนอย่างจริงจังในฟาร์มปลาแห่งที่สาม เรือประมงของตระกูลมอร์รี่ก็ไม่ยอมปล่อยฟาร์มปลาของตัวเขาเองให้หลุดรอดซะแล้ว ยังส่งเรือมาจับปลาในสถานการณ์แบบนี้อีก กลั่นแกล้งกันมากไปแล้วจริงๆ
ที่โดนกลั่นแกล้งมากกว่าก็คือ ตอนที่เรือปริ้นเซสเมล่อนแล่นเข้าไปที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม เรือลำนั้นที่กำลังขโมยผลผลิตปลาของเขากลับขับมาทางนี้ มีคนตะโกนทางวิทยุไร้สายอย่างหยาบคายว่า “เรือปริ้นเซสเมล่อน ออกห่างจากถิ่นของเราซะ บ้าเอ๊ย นี่มันฟาร์มปลาส่วนบุคคล ฟาร์มปลาส่วนบุคคลนะเว้ย รีบออกไปเลย! พวกโง่ ฉันจะเตือนอีกรอบ แม่งรีบขับออกไปเดี๋ยวนี้ ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะใช้กำลังขับไล่แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวหัวเราะออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เขาหยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมาและพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “แม่งเอ๊ย พวกแกเป็นลิงที่ถูกเชิญมาหยอกเล่นหรือไง? ใช่เลย เพื่อน นี่มันเป็นฟาร์มปลาส่วนบุคคลจริงๆ แต่นี่มันเป็นฟาร์มปลาของพวกนายหรือไง? นี่เป็นฟาร์มปลาของฉันโว้ย! พวกแกนั่นแหละที่ต้องไสหัวไป ไม่ใช่ฉัน!”
อีกด้านหนึ่งตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ และในขณะที่ฉินสือโอวนึกว่าเขาทำให้พวกเขาตกใจได้สำเร็จ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นทางวิทยุไร้สาย “สมองของพวกแกถูกหมากัดมาหรือไง? ตอนนี้ไอ้บ้าก็เป็นกัปตันเรือได้ด้วยเหรอวะ? ตาหมาๆ ของแกบอดหรือไง ไอ้พวกโง่ นี่เป็นฟาร์มปลาตระกูลมอร์รี่! รู้จักตระกูลมอร์รี่หรือเปล่าฮะ? รีบไสหัวไปเลย ให้เวลาพวกแกสิบนาที หลังจากสิบนาทีไปแล้ว พวกเราจะกักเรือเก่าๆ ของแกไว้!”
…………………………