ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1870 ความลับที่เกี่ยวพันถึงชีวิต
ฉินสือโอวเกรงว่าถ้าเอาเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ขึ้นจากน้ำแบบทันทีจะทำให้มันตายได้ จึงป้อนพลังโพไซดอนให้ตัวที่อยู่ในมือ
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่อยู่ในมือเขาเดิมทีเป็นร่างสีเทาดำมืดๆ แต่หลังจากที่ดูดซึมพลังโพไซดอนเข้าไป ผิวภายนอกของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นทีละน้อยๆ ท้ายสุดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดเหมือนกับเพื่อนๆ ตัวอื่นๆ
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เกิดอะไรขึ้น? เจ้าตัวน้อยนี้แปลกประหลาดจริงๆ
เมื่อว่ายขึ้นมาจากน้ำทะเล ฉินสือโอวก็พ่นเอาท่อออกซิเจนออกมา แล้วตะโกนเรียกชาร์คที่อยู่บนเรือปล่อยอวนในจุดที่ไม่ไกลออกไป “ชาร์ค มานี่ ฉันมีของให้นายดูว่าคืออะไร”
อวนสำหรับเพาะพันธุ์ยังติดตั้งไม่เสร็จดี ชาร์คไม่สามารถขับเรือมาทางนี้ได้ จึงไปขับเรือยนต์ที่อยู่ด้านข้างแทนอย่างเร่งรีบแทน แต่หลังจากที่เขามาอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวแล้วดูเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ สีหน้าของเขาก็ดูมึนงงเช่นกัน พูดขึ้นว่า “นี่ นี่คืออะไรครับ? ผมเหมือนจะไม่เคยเจอ หรือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนั้นหรือเปล่า?”
เป็นเรื่องจริงที่เจ้าตัวน้อยในมือเขาเป็นแนวไซไฟเล็กน้อย ชอบทำให้คนคิดไปทางอื่น
แต่ว่าเขารู้สึกว่าเขาควรถามศาสตราจารย์แซนเดอร์สจะดีกว่า เพราะอย่างเพรียงหัวหอมหลอดไฟ ชาร์คและชาวประมงคนอื่นๆ ก็มองไม่ออก แต่ศาสตราจารย์แซนเดอร์สไม่ต้องแม้กระทั่งดูรูป แค่ฟังคำบรรยายก็รู้แล้วว่าคืออะไร
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากฉินสือโอวโทรไป แซนเดอร์สก็ดีใจทันทีหลังจากที่ฟังคำบรรยายของเขาพร้อมอุทานว่า “เฮ้ นี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อะไรหรอกนะ รอผมไปที่นั่น คุณจับเจ้าพวกนี้ได้จริงๆ เหรอ? ช่างโชคดีจริงๆ!”
ศาสตราจารย์สูงวัยก็นิสัยใจร้อนเช่นกัน เขายังอยู่ที่โทรอนโต บอกว่าจะมาก็มา พูดเสร็จหนึ่งประโยคก็วางสายโทรศัพท์เลย จนฉินสือโอวทางนี้ตะลึงค้าง ศาสตราจารย์สูงวัยยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร!
ยังดีที่แซนเดอร์สยังไม่ได้เลอะเลือนบ่อยๆ ไม่นานก็โทรกลับมาหา เขาพูดว่า “ขอโทษด้วยนะฉิน ผมใจร้อนไปหน่อย เมื่อกี้ผมคิดจะไปจองตั๋วเลยวางสายของคุณไป เอ่อ อันนั้น ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก เจ้าสิ่งมีชีวิตในมือคุณคือหมึกแวมไพร์ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า หมึกแวมไพร์นรก จริงสิ มันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวมองเจ้าตัวประหลาดในมือแล้วบอกว่า “ยังมีชีวิตอยู่ แต่ดูๆ แล้วเหมือนจะอยู่อย่างไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร”
พอได้ยินคำพูดนี้ ศาสตราจารย์ชราก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา รีบพูดว่า “ระวังหน่อยนะฉิน คุณต้องระวังหน่อย รีบเอามันไป บ้าเอ๊ย ผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร คุณไม่มีปั๊มแรงดันอยู่ในมือคุณนี่ นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลน้ำลึก ถ้ามันมาปรากฏตัวในน้ำตื้นจะตายง่ายมาก!”
ฉินสือโอวรีบป้อนพลังโพไซดอนให้เจ้าสิ่งมีชีวิตน้อยๆ และยังป้อนพลังโพไซดอนให้กับตัวอื่นๆ ที่อยู่ใต้น้ำด้วยเพื่อให้พวกมันมีชีวิตชีวามากขึ้น หลังจากนั้นก็บอกว่า “คุณไม่ต้องกังวล พวกมันดูแล้วไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแค่อยู่ไม่ค่อยสบาย ดูแล้วไม่น่าตายได้…”
”พวกมัน? ไม่ใช่แค่มัน? โอ้พระเจ้า คุณมีหมึกแวมไพร์หลายตัวตรงนั้นเหรอ?” ศาสตราจารย์สูงวัยถามด้วยความตื่นเต้น
ฉินสือโอวตอบว่า “ตอนนี้เจอหกตัวครับ ไม่รู้ว่าในทะเลยังมีอีกเท่าไร เอ่อ ศาสตราจารย์ คุณช่วยบอกผมก่อนได้ไหมว่าเจ้านี่มันคือตัวอะไร? พวกมันล้ำค่ามากเลยเหรอ? ทำไมคุณดูตื่นเต้นจัง?”
เสียงของศาสตราจารย์สุงวัยสูงขึ้นอีกครั้ง “แน่สิ ต้องตื่นเต้น ผมตื่นเต้นแน่นอน เพราะว่านี่คือฟอสซิลที่มีชีวิตในมหาสมุทร! พวกมันน่าจะอยู่ในโลกมาเป็นเวลาหลายสิบล้านปี พวกมันอยู่ในยุคสมัยเดียวกับไดโนเสาร์เลยนะ! และร่างที่ยังมีชีวิตของพวกมันก็หายากมาก เพราะพวกมันอาศัยอยู่ในใต้ทะเลลึก 1,000-4,000 เมตร ตัวก็เล็ก จำนวนก็น้อย จะหาพวกมันเจอนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วเอาเจ้าตัวนี้ลงไปในน้ำทะเล อย่างไรก็ตามเขาก็คุมไว้ได้แล้วจึงไม่กลัวพวกมันจะหนีไป ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ในน้ำทะเลก่อนดีกว่า
ถึงแม้ว่าแซนเดอร์สจะบอกว่าหมึกแวมไพร์อาศัยอยู่ในทะเลลึก แต่เขากลับรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้อาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้นก็ได้เหมือนกัน
จากนั้นแซนเดอร์สก็อธิบายให้เขาฟังต่อ หมึกแวมไพร์ปรากฏตัวขึ้นอย่างน้อย 80 ล้านปีก่อน หรืออาจจะนานกว่านั้นก็เป็นได้ พวกมันเป็นบรรพบุรุษของหมึกหอมและหมึกสาย เดิมทีอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำตื้น แต่ในเวลานั้นยุคสมัยที่มันอยู่มีศัตรูตามธรรมชาติที่เรียกว่า เพลสิโอซอร์ หมึกหอมที่ไม่มีกระดองป้องกันจะกลายเป็นอาหารของเพลสิโอซอร์อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นแบบนี้พวกมันจึงจำเป็นต้องย้ายที่อยู่อาศัยไปในน้ำทะเลลึกเพื่อหลีกเลี่ยงจากการล่าเหยื่อของศัตรู
สิ่งมีชีวิตย่อมมีปรากฏการณ์การหวนคืน อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดปรากฏการณ์แบบนี้กับหมึกแวมไพร์พวกนี้ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่พวกมันปรากฏตัวในบริเวณชายฝั่งโดยยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดา แซนเดอร์สกล่าวว่าถ้าจะให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจำเป็นต้องไปศึกษาที่นั่นเสียก่อน
ฉินสือโอวถามอย่างสงสัยว่า “แต่ศาสตราจารย์ ผมรู้สึกว่า เจ้าพวกนี้มันไม่มีคุณค่าให้ศึกษามั้ง? ทำไมคุณถึงตื่นเต้นขนาดนั้น? แค่เป็นเพราะร่างที่มีชีวิตรอดของมันหายากงั้นเหรอ”
ศาสตราจารย์แซนเดอร์สหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ฉิน นี่ผมตื่นเต้นแทนคุณเลยนะ คุณยังจำแมลงยักษ์สีดำที่คุณให้ผมได้ไหม? ผมทำวิจัยเกี่ยวกับแมลงยักษ์สีดำมาโดยตลอด พวกมันดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกลับกับหมึกแวมไพร์ ผมกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบเปลือกของแมลงยักษ์สีดำ และเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ดูเหมือนว่าองค์ประกอบของฟันที่อยู่บนหนวดของพวกมันและหมึกแวมไพร์มีความคล้ายคลึง!”
“อีกอย่าง คุณอาจจะไม่รู้ว่าตอนนี้หมึกแวมไพร์ทำให้เกิดความสงสัยในชีววิทยาและวิวัฒนาการทางทะเลนั่นก็คือสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่อยู่เมื่อ 80 ล้านปีก่อนหรือแม้กระทั่งหลาย 100 ปีก่อน พวกมันจะอยู่รอดมานานขนาดนี้ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีวิวัฒนาการ? ผมคิดว่าองค์ประกอบของฟันมันและเปลือกของแมลงยักษ์สีดำอาจจะให้คำตอบกับปัญหาเหล่านี้ได้!”
เมื่อได้ยินว่าเจ้าตัวน้อยๆ นี่มีความเกี่ยวข้องกับแมลงยักษ์สีดำฉินสือโอวพลันตื่นเต้นขึ้นมา เขารู้ดีว่าความลับที่มีอยู่ในแมลงยักษ์สีดำมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่สามารถชะลอการเผาผลาญทางชีวภาพ และยืดการมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตได้! ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของต้าป๋ายจะแย่ลงเรื่อยๆ แต่เนื่องด้วยอาศัยผงเปลือกแมลงยักษ์สีดำและดูดซึมพลังโพไซดอน มันจึงยังมีชีวิตอยู่ได้!
ฉินสือโอวเพิ่มการควบคุมของหมึกแวมไพร์หกตัวนี้ จากนั้นก็หาตู้ปลาแล้วใส่พวกมันลงไปและคอยป้อนพลังโพไซดอนอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาชีวิตของพวกมันไว้
แต่พอเขาคิดไปคิดมา ก็ปล่อยเจ้าห้าตัวลงในทะเล และเก็บเพียงหนึ่งตัวไว้ในตู้ปลาเท่านั้น
เขายังปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกหนึ่งสายอยู่ในทะเลคอยดูเจ้าหมึกแวมไพร์ห้าตัว ในใจกำลังคิดเรื่องอื่นกับพวกมันอยู่
ในวันเดียวกันยามพลบค่ำ แซนเดอร์สก็มาถึงฟาร์มปลา เขาเห็นหมึกแวมไพร์เพียงตัวเดียวเหลืออยู่ในตู้ปลา ก็รีบถามฉินสือโอวอย่างร้อนใจว่า “ฉิน แล้วอีกห้าตัวล่ะ?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยครับศาสตราจารย์ ผมเห็นเจ้าพวกนี้ตอนที่ผมดำน้ำ ตอนนั้นพวกมันแนบติดอยู่กับตัวเกิง จุนเจี๋ย แล้วผมก็หยิบเอามันลอยขึ้นมาเหนือน้ำแค่ตัวเดียว ส่วนตัวอื่นๆ พอผมไปหาตอนหลังก็ไม่รู้ว่าไปไหนหมดแล้ว คุณก็รู้ว่าพวกมันตัวเล็กมาก แถมยังคุมสีบนร่างกายตัวเองได้ด้วย พอพลาดไปเลยหาไม่เจอเลยครับ”
ใช่แล้ว ร่างกายของหมึกแวมไพร์สามารถเปล่งแสงทางชีวภาพได้ซึ่งก็คือเปลี่ยนสีบนตัวมันเป็นสีแดงเข้ม
หมึกแวมไพร์อาศัยอยู่ในทะเลลึก หนึ่งในวิธีรักษาชีวิตพวกมันไว้ก็คือแสงชีวภาพเหล่านี้ ตอนที่รู้สึกได้ถึงอันตราย พวกมันก็จะเปล่งแสงเพื่อทำให้พวกนักล่าเกิดความสับสนแล้วจึงหนีไป ตอนกลางวัน ขณะที่ฉินสือโอวป้อนพลังโพไซดอนให้หมึกแวมไพร์ที่อยู่ในมือ เขาจึงได้เห็นกับตาตอนที่มันเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา
………………………………………..