ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1873 ผู้ขี่หมาป่า
ฉินสือโอวยักไหล่ แมทธิวแสดงสีหน้าผิดหวัง “คุณก็ยังไม่เต็มใจอยู่ดีเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอนครับ” ฉินสือโอวนายใหญ่เผยให้เห็นรอยยิ้ม “ผมคิดว่าที่คุณพูดเชื่อถือได้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามนี้แหละครับ ผมคงต้องขยายขนาดการผลิตของอาหารปลาต้าฉินของผมแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น การที่อาหารปลาของผมมีประโยชน์เฉพาะต่อสัตว์ทะเล นั่นก็เพราะสาหร่ายทะเลและพืชน้ำที่ผมปลูกไม่เหมือนใคร ดังนั้นนี่จะเป็นโครงการในระยะยาว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แมทธิวดีใจขึ้นมาในทันที เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอน แน่นอน นี่เป็นโครงการระยะยาวแน่นอน พวกเราจะรีบร้อนไม่ได้ รีบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย”
ขณะที่พูดไป เขาก็โอบไปที่บ่าของฉินสือโอวอย่างสนิทสนม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉิน พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ ผมมั่นใจว่ากิจการที่เรากำลังจะเริ่มทำจะทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แน่นอน! หรือบางทีสักวันหนึ่ง เราก็อาจจะได้รางวัลโนเบลหรือรางวัลคล้ายๆ กันก็เป็นได้”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วส่ายศีรษะ “ช่างมันเถอะครับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ”
ถึงแม้ว่าจะมีหัวใจโพไซดอน ถึงแม้ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ แต่ฉินสือโอวในความเป็นจริงแล้วไม่เคยคิดว่าเป็นบุคคลสำคัญที่เปลี่ยนโลกอะไรทั้งนั้น ความฝันของเขายังคงเรียบง่ายเสมอ สามารถอยู่กับพ่อแม่ วินนี่และคนรอบข้างได้อย่างมีความสุขไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างไร้ทุกข์แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่ยังไร้ซึ่งเงินหรืออำนาจก็ควรจะดูแลตัวเองให้ดี แต่เมื่อใดที่สมหวังดั่งปณิธานไว้แล้วก็ควรดูแลพสกนิกรใต้หล้าให้เป็นสุขเช่นกัน นี่เป็นกฎแห่งชีวิตของชาวจีนผู้มีการศึกษาในสมัยก่อน แต่ฉินสือโอวไม่ได้มีความทะเยอทะยานแบบนี้
เมื่อสองคนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แมทธิวก็ไปต้อนรับคนอื่นๆ ต่อ เมื่อเห็นฉินสือโอวอยู่คนเดียว ทิญาจึงค่อยๆ เดินเข้ามาหา ยิ้มน้อยๆ แล้วถามขึ้นว่า “เฮ้ บอส คุณตกหลุมกับดักที่ท่านรัฐมนตรีวางไว้แล้วเหรอคะ?”
ฉินสือโอวจ้องไปที่เธอ แสร้งทำเป็นโกรธ “พูดอะไรออกมาเนี่ย? สาวน้อย อะไรคือกับดัก? อีกอย่างผมดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเขามีกับดักอะไรจริงๆ ผมจะดูไม่ออกเลยเหรอ?”
ทิญายักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าคุณไม่โง่ บอส แต่ฉันต้องบอกคุณว่า คำพูดของท่ารัฐมนตรีแมทธิวคือหยอกล้อคุณตั้งแต่แรก อย่างโครงการฟื้นฟูมหาสมุทรก็ถูกเสนอโดยกรมประมงตั้งแต่ 14 ปีที่แล้วแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยเริ่มปฏิบัติการโครงการใหญ่นี้เลย แต่อย่างไรก็ตามคนที่รับผิดชอบโครงการนี้ก็คือรัฐมนตรีของประเทศมาโดยตลอด!”
“ซึ่งก็หมายความว่า บอสที่ฉลาดของฉัน แม้แต่ท่านรัฐมนตรีแมทธิวยังเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ไม่ได้เลย เขาจะมากำหนดให้คุณมาเป็นผู้รับผิดชอบได้อย่างไรกัน? ดังนั้นฉันจึงคิดว่า เขารู้จักนิสัยของคุณดี ก่อนอื่นเลยเขาใช้ฐานะผู้รับผิดชอบมาเป็นตัวต่อรองกับคุณ ซึ่งคุณก็ต้องไม่ยอมเป็นผู้รับผิดชอบแน่ๆ พอเป็นเช่นนี้เขาก็ค่อยให้คุณมาเป็นหัวหน้าตัวเล็กๆ หรือให้คุณรับผิดชอบอะไรบางอย่าง ถ้าเช่นนั้นคุณก็ต้องรับปากแล้วอย่างแน่นอนใช่ไหมล่ะคะ?”
จ้องไปที่สายตาที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มของทิญา ดวงตาของฉินสือโอวค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น ทิญายังคงพูดต่อ “สิ่งนี้ในวัฒนธรรมจีนของคุณเขาเรียกว่าอะไรนะ? คนขายเสนอราคาแพงลิบลิ่ว คนซื้อก็ต่อรองราคาลากดิน ใช่ไหมคะ? ถ้าเช่นนั้น บอสคะ คุณต่อราคาได้ถึงไหนคะ?”
ฉินสือโอวดื่มเหล้ายินหมดแก้วทีเดียวรวด ชาและขมหน่อยๆ…
แต่ทว่าเรื่องนี้ แมทธิวไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา แต่แค่วางกับดักเขานิดหน่อย ทิญาพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย ชายชราวางกับดักไว้ แล้วเขาก็กระโดดลงไปในนั้นอย่างเต็มใจ
ดังนั้นจึงไม่สามารถคิดได้ว่าเขามีหัวใจโพไซดอนแล้วจะไร้ซึ่งศัตรูบนโลกใบนี้ ตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีสติปัญญา นั่นหมายถึงว่าคนที่จะชนะได้ไม่ใช่มาจากพละกำลังแต่มาจากมันสมอง
ฉินสือโอวมักจะถ่อมตนและเก็บตัวและคิดในด้านนี้มาโดยตลอด เขารู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ใช่คนฉลาด หรือเป็นคนที่มีอีคิวสูงอะไรมาก ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะเก็บตัวมาตลอด
การเก็บตัวเป็นวิธีในการปกป้องตัวเองวิธีหนึ่ง ถ้าหลังจากที่เขามีหัวใจโพไซดอนแล้วหยิ่งยโส โอ้อวด ป่านนี้คงโดนคนอื่นเล่นงานเขาจนแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือแล้ว
สองวันผ่านไปหลังจากคืนงานเลี้ยง การประชุมใหญ่ก็เริ่มขึ้น ทิญาพูดถูก นี่เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่และผู้ที่รับผิดชอบคือนายกรัฐมนตรีแคนาดา
ในวันแรกของการประชุมสองวัน เจ้าภาพคือท่านนายกรัฐมนตรีและวันที่สองถึงเป็นแมทธิว จิน และผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประชุมสองวันนี้ได้ล้วนเป็นนักสมุทรศาสตร์ชาวแคนาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมง และผู้อาวุโส เจ้าหน้าที่ของกรมประมงและเจ้าของฟาร์มปลาชื่อดัง
การประชุมครั้งนี้กำลังหารือกันว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ที่จะเริ่มโครงการฟื้นฟูมหาสมุทร ท้ายที่สุดหลังจากปรึกษาหารือกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญมาสองวันก็ตกลงเห็นว่าถึงเวลาเริ่มโครงการฟื้นฟูมหาสมุทรแล้ว เพราะถ้าพวกเขายังไม่ลงมือทำอะไรบางอย่างกับมหาสมุทรอีก การประมงของแคนาดาก็คงตกอยู่ในอันตรายจากการล่มสลาย
หลังจากประชุมเสร็จสิ้น ฉินสือโอวและทิญาก็นั่งเฮลิคอปเตอร์กลับไปที่เมืองเซนต์จอห์น ถึงแม้ว่าโครงการฟื้นฟูมหาสมุทรจะใกล้เริ่มขึ้นแล้ว แต่งานที่ต้องเตรียมในเบื้องต้นยังซับซ้อนวุ่นวายมาก ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ จอดลงบนฟาร์มปลา หู่เป้าฉงหลัวรีบวิ่งมาต้อนรับเขาอย่างมีความสุข
หลังจากที่ฉินสือโอวกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ หู่จือและเป้าจือพุ่งตัวเข้าหาเขาก่อนใครเพื่อน เขากอดเจ้าสองตัวที่แข็งแรงไว้ หัวเราะเสียงดังแล้วถามว่า “คิดถึงพ่อไหมเนี่ย หนุ่มน้อยทั้งหลาย คิดถึงฉันไหมฮะ? เดาสิว่าฉันมีเตรียมของขวัญให้พวกเราหรือเปล่า?”
ฉงต้า หมีโลลิ ปอหลัว พี่น้องเฟอเรทและเจ้าสามเวหาต่างก็มาอยู่ข้างกายเขาหมด ไม่ได้เจอเขามาสักระยะหนึ่งแล้ว พวกมันจึงคิดถึงเขาอย่างแน่นอน แม้แต่เสี่ยวหมิงก็ยังพาเด็กน้อยขนอ่อนนุ่มมาหาเขาเช่นกัน
ฉินสือโอวให้เสี่ยวหมิงปีนขึ้นมาอยู่บนบ่าเขา เขาย่อตัวลงและมองไปที่กระรอกอเมริกาเหนือสีแดง เขาเหยียดนิ้วออกเพื่อหยอกล้อแล้วก็หัวเราะ เสี่ยวหมิงกลายเป็นพ่อคนแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก ดูเหมือนว่าฉากที่เขาได้พบกับเสี่ยวหมิงเมื่อห้าปีก่อนตอนมาที่ฟาร์มปลาต้าฉินเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวาน
ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นหมาป่าสีขาวที่แข็งแกร่งก็วิ่งออกมาอย่างช้าๆ และที่ด้านหลังของหมาป่าสีขาวก็มีหญิงสาวที่สวมชุดยีนส์และหมวกคาวบอยขี่อยู่ด้านหลัง แน่นอนว่านี่คือเถียนกวา และเจ้าตัวที่ถูกเถียนกวาขี่อยู่ก็คือหมาป่าผู้โชคร้าย
ไม่ได้เจอมาสักระยะหนึ่ง หมาป่าผู้โชคร้ายตัวนี้อ้วนขึ้นและแข็งแรงขึ้น มีโครงกระดูกที่หนา เพราะมีพลังโพไซดอนช่วยพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นบวกกับมีไก่ เป็ด ห่าน วัว แพะกินทุกวัน กล้ามเนื้อจึงเจริญเติบโตได้ไว ตอนนี้ดูท่าแล้ว จะตัวใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งลงเขามาใหม่ๆ
จริงๆ ถ้าพูดแล้ว หมาป่าผู้โชคร้ายมีลักษณะของราชาแห่งหมาป่าอยู่ มันมีดวงตาที่คมกริบ ฟันที่แหลมคม แขนขาแข็งแรงและใบหน้าที่น่าเกรงขาม แต่น่าเสียดายที่นิสัยไม่ดีจริงๆ มีความหยิ่งผยองตอนที่ลงจากภูเขา และตอนนี้เขาได้กลายเป็นเจ้าชายตัวน้อยที่เศร้าโศกแล้วและยังถูกขี่โดยเถียนกวาอีกด้วย…
อานหนังนุ่มถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของหมาป่าผู้โชคร้าย อานยังมีที่วางแขนและที่วางขา ขาสั้นของเถียนกวาเหยียบอยู่บนที่วางขา โดยใช้มือข้างหนึ่งจับที่วางแขนและอีกข้างหนึ่งถือแส้ขนาดเล็กที่ไม่รู้ว่าได้มาจากไหนด้วยท่าทางที่ร่าเริง หลังจากที่ได้เห็นฉินสือโอวเธอก็ตะโกนว่า “ปาป๊า คิดว่าหนูเก่งไหม? หนูเป็นผู้ขี่หมาป่า!”
ฉินสือโอวจ้องตาค้างไปที่หมาป่าผู้โชคร้ายที่ถูกขี่อยู่โดยที่ไม่มีอารมณ์โกรธเคืองเลยสักนิด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “หนูทำได้อย่างไรเนี่ย? ใครให้หนูขี่หมาป่ากันนะ?”
หมาป่าผู้โชคร้ายมองเขาอย่างเจ็บปวด ในอดีตการจ้องมองที่หยิ่งผยองนี้ กลายเป็นความไม่พอใจที่ไม่สามารถบรรยายได้เหมือนกับภรรยาตัวน้อยที่ถูกเอาเปรียบ ฉินสือโอวไม่สามารถทนจ้องได้อีกต่อไป…
……………………………….