ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1876 ปากของลูกน้อยขม
เพียงแค่เห็นตัวร่มส่วนบนของแมงกะพรุนดอกท้ออาร์กติกเหล่านี้ยังคงหดตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และช่องร่มด้านล่างมีการระบายน้ำทะเลออกเป็นจังหวะ จากนั้นร่างกายของพวกมันก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ด้วยแรงปฏิกิริยา
แมงกะพรุนน้ำจืดดอกท้อส่วนใหญ่กินหมัดน้ำ นีมาโทดาและหนอนปล้องเป็นอาหาร แต่แมงกะพรุนดอกท้ออาร์กติกมีขนาดค่อนข้างใหญ่และยังสามารถกินลูกปลาขนาดเล็ก ลูกกุ้งขนาดเล็กสัตว์จำพวกนี้ได้อีกด้วย
แม้ว่าแมงกะพรุนน้ำจืดดอกท้อจะสวยงามและอ่อนโยน แต่ก็ดุร้ายมากเมื่อล่าสัตว์ พวกมันลอยและว่ายไปมาในน้ำ เมื่อพบว่ามีลูกปลาขนาดเล็กตรงหน้า ลวดหนามบนหนวดจะพุ่งออกไปทันที ซึ่งลวดหนามจะมีพิษ แม้ว่าพิษของมันจะเล็กน้อยมากสำหรับมนุษย์ แต่ก็เป็นพิษที่รุนแรงเพียงพอสำหรับลูกปลา
พิษของแมงกะพรุนดอกท้ออาร์กติกยังเป็นพิษต่อระบบประสาทอีกด้วย มีฤทธิ์แรง หลังจากเข้าไปในร่างของลูกปลาเหล่านี้ พวกมันจะตัวชาทันทีและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จากนั้นแมงกะพรุนน้ำจืดดอกท้อก็จะค่อยๆ กลืนกินพวกมันลงไปในกระเพาะอาหาร
เนื่องจากแมงกะพรุนเหล่านี้มีความโปร่งใส หลังจากที่พวกมันกินอาหารลงไปแล้ว จึงสามารถเห็นได้ว่าอาหารมีลักษณะอย่างไรในร่างกายของพวกมันและหากมีความอดทนมากพอก็ยังสามารถสังเกตฉากการย่อยอาหารของพวกมันได้
หลังจากเห็นแมงกระพรุนน้ำจืดดอกท้อ ในใจของฉินสือโอวก็คิดคำนวณไว้หมดแล้ว เขาและบูลใส่ชุดดำน้ำแล้วลงไปในทะเล อุณหภูมิของน้ำในช่วงต้นฤดูร้อนยังคงเย็นอยู่เล็กน้อย แต่บูลเป็นชาวประมงมานาน สำหรับเขาถือว่าอบอุ่นมากแล้ว
ทั้งคู่ว่ายอยู่ในน้ำ เปิดกล้องวิดีโอไว้ กล้องถ่ายภาพใต้น้ำยังคงทำการถ่ายไปเรื่อยๆ วินนี่ชอบการถ่ายภาพและได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ แต่น่าเสียดายที่ฉินสือโอวไม่สามารถทำได้ เขาจึงถ่ายทุกอย่างแบบลวกๆ
แต่เมื่ออยู่ในทะเล นี่เป็นถิ่นของเขา เวลาในการจัดเฟรมของเขาดีที่สุดเสมอดังนั้นภาพที่ถ่ายจึงดีด้วย
เมื่อวินนี่ได้รูปภาพเหล่านี้ก็ยิ้มบานแฉ่ง ยังจุ๊บฉินสือโอวต่อหน้าด้วย เธอหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เลวจริงๆ ไม่นึกเลยว่าทักษะการถ่ายรูปของผู้ชายของฉันจะเก่งขนาดนี้ เกินที่ฉันคาดไว้”
ฉินสือโอวยืดอกเตรียมโม้สักหน่อย แต่ผลปรากฏว่าวินนี่ไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเขา ยัดลูกชายเข้ามาในอ้อมแขนของเขาแล้ววิ่งไปตัดต่อรูปภาพที่หน้าคอมพิวเตอร์แล้ว
ซีกวาดูกลัวเขามาก เตรียมจะอ้าปากร้อง แต่ทันทีที่เขาเห็นว่าแม่ของเขาไม่อยู่รอบข้าง เขาก็หดแขนและขาเล็กๆ อย่างชาญฉลาดและมองไปที่ฉินสือโอวอย่างตื่นตัว
ฉินสือโอวนายใหญ่เห็นสีหน้าที่ดูระแวดระวังของลูกชายก็พูดอย่างไร้ความอดทนว่า “นี่ปาป๊าเองนะ เรียกปาป๊าซิ! ดูหนูสิตัวเล็กอย่างนี้ ปาป๊าแม่งเอาหนูไปขายดีไหมฮึ?”
“อย่าพูดคำหยาบนะ!”เสียงของวินนี่ดังมาจากข้างบน “อีกอย่างอย่าทำให้ลูกชายร้องไห้นะ ไม่อย่างนั้นฉันหาเรื่องคุณแน่!”
แต่เจ้าตัวเล็กก็เบะปากและกำลังร้องแล้ว ฉินสือโอวนายใหญ่คิดอะไรดีดีออกในขณะที่กำลังร้อนใจ เขาเห็นเป้าจือและหู่จือนั่งเล่นอยู่รอบๆ จึงเอาลูกชายของเขาเข้าไปในอ้อมอกของพวกมันและพูดว่า “ภารกิจทางการเมือง จงดูแลนายน้อยให้ดี”
ลำตัวของหู่จือและเป้าจือมีขนนุ่มๆ และอบอุ่น เจ้าตัวเล็กรู้สึกสบายใจที่ได้พิงพวกมัน ลูบตูดมันแล้วก็หัวเราะขึ้นมา
หู่จือใช้ลิ้นเลียเจ้าตัวเล็ก นี่เป็นการแสดงออกว่ารักของสุนัขแลบราดอร์ เจ้าตัวเล็กยังคงหัวเราะ หัวเราะไปแล้วก็พยายามหลบไป แต่น่าเสียดายที่เขายังเล็ก ออกแรงไม่ได้จึงหลบไม่พ้น
เมื่อมอบลูกชายให้กับหู่จือและเป้าจือแล้ว ฉินสือโอวก็สบายใจ สุนัขแลบราดอร์เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ พวกมันดูแลและรักเด็กเล็กๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้พวกมันดูแลเด็กยังน่าไว้ใจมากกว่าเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อด้วยซ้ำ
แม่ของฉินสือโอวเห็นเขาไม่มีอะไรทำ จึงให้เขาไปสวนผักเก็บผักมาหน่อย ส่วนพ่อของฉินสือโอวกำลังหมักซี่โครงอยู่ บอกว่าเย็นนี้จะมาทอดซี่โครงกินกัน
สวนผักขนาดใหญ่สองแห่งเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี หลังจากที่ฉินสือโอวเข้าไป เขาก็หยิบมะเขือเทศตามอำเภอใจแล้วกัดไปหนึ่งคำ ผลปรากฏว่าเถียนกวาและเด็กอ้วนรีบวิ่งเข้ามา ทั้งคู่กอดขาเขาไว้คนละข้างเงยหน้าบอกว่าอยากกิน
ฉินสือโอวยิ้ม แบ่งมะเขือเทศออกเป็นสองชิ้นแล้วแบ่งให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสองคน
เด็กอ้วนเอาแขนทั้งสองข้างของเขาไว้ด้านหลัง สูดดมแล้วพูดว่า “ผมจะเอาอันที่ดี อันนี้คุณกินไปแล้ว”
ฉินสือโอวนายใหญ่รู้สึกหดหู่ เจ้าเด็กนี่กล้าขยะแขยงของๆ เขา?
เถียนกวาตบเขาที่ด้านหลังศีรษะทันที คิ้วๆ น้อยเลิกขึ้นซึ่งคล้ายกับวินนี่มากที่จะแสดงท่าทางแบบนี้เมื่อเธอโกรธ จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เด็กอ้วนแล้วพูดว่า “ไม่รู้จักบุญคุณ!”
ฉินสือโอวนายใหญ่รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบใจ ยังไงลูกสาวของเขาก็ยังรู้จักเอาใจใส่ ไม่น่าแปลกใจที่มีคนพูดว่าลูกสาวคือแจ็คเก็ตบุนวมตัวน้อยของพ่อที่สามารถให้ความอบอุ่นทางใจได้
“อันนี้ปาป๊าชิมแล้ว แสดงว่าไม่มีพิษ ดังนั้นมีกินก็ดีแล้ว นายยังจะมาเลือกมากอีก” สาวน้อยพูดอย่างไม่พอใจ
ฉินสือโอวตัดสินใจแล้วว่าวันหลังจะไม่ให้เถียนกวาและไวส์อยู่ด้วยกัน ไวส์ต้องการพัฒนาเธอให้เป็นศิษย์น้องของเขา จนจะทำให้เธอกลายเป็นบ้าอยู่แล้ว
รสชาติของมะเขือเทศดีมาก เนื้อผลไม้ละเอียดมาก มีรสหวานและมีรสชาติเหมือนน้ำแข็งละเอียดหวานในปาก เด็กทั้งสองดูดกินจ๊วบๆ อยู่ข้างหลังเขาอย่างเอร็ดอร่อย
สวนผักเต็มไปด้วยผักชนิดต่างๆ ฉินสือโอวเด็ดแตงกวามาจำนวนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่วินนี่ต้องกิน เพราะแตงกวาช่วยในการลดน้ำหนักและขจัดไขมัน แม้ว่าวินนี่จะมีรูปร่างที่สมส่วนอยู่แล้ว แต่เธอก็กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักเพิ่มหลังคลอด ช่วงนี้จึงบ้ากินแตงกวามาก
แน่นอนว่าแตงกวาในสวนผักอร่อยมาก น้ำในผลไม้เข้มข้นและมีกลิ่นหอม วินนี่บอกว่าแตงกวามีรสชาติโดยธรรมชาติของมัน กินแล้วรู้สึกสบาย
มะระเขียวแขวนอยู่บนดาดฟ้า ผู้คนต่างชื่นชอบมาก นี่เป็นผักที่พ่อและแม่ของฉินสือโอวชอบ มะระสามารถช่วยดับร้อน ลดน้ำตาลในเลือดและสามารถบำรุงเลือดและตับ คนแก่จะชอบกิน
อีกอย่างมะระลูกงามมาก เด็กอ้วนที่กินแตงกวาไปหนึ่งคำเริ่มสนใจในมะระ ยื่นมือจะขอกิน “คุณลุง ให้หนิวหนิวหนึ่งชิ้นนะ หนิวหนิวชอบกิน”
เมื่อก่อนเถียนกวาก็เคยโดนรูปลักษณ์ภายนอกของมะระหลอกมาแล้วเช่นกัน ตอนนั้นความขมทำให้เธอร้องไห้ไปสักพัก ตอนนี้เห็นเจ้าเด็กอ้วนจะกลับมาซ้ำรอยเดิม จึงโบกมือไปมา พูดอย่างใจดีว่า “อย่ากินเลย อันนี้ไม่อร่อย!”
ฉินสือโอวพอใจมากกับความจริงใจของลูกสาวที่มีต่อคู่หูตัวน้อยของเธอ แต่เด็กอ้วนตัวโตกลับมีแรงมากขึ้นหลังจากได้ยินคำเตือนของเธอ “หนิวหนิวจะกิน หนิวหนิวจะกิน จะกิน”
“อันนี้กินสดๆ ไม่ได้จริงๆ” ฉินสือโอวตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
เด็กอ้วนตัวโตเบะปากแล้วร้องไห้แง เมื่อเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็หมดหนทาง จึงทำได้เพียงส่งมะระหนึ่งชิ้นให้เขา
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ปอหลัวที่อยู่ด้านหลังหันหน้าไปทางอื่นเพราะอดทนดูไม่ได้ ใช่แล้วปอหลัวผู้ยิ่งใหญ่อย่างมันก็เคยลิ้มรสความขมของมันมาแล้ว แม่งขมจริงๆ ขมจนวันนั้นปอหลัวไม่มีความอยากกินอย่างอื่นเลย
เด็กอ้วนตัวใหญ่ยัดมะระเข้าปากอย่างมีความสุข สภาพแวดล้อมในเมืองสะอาดปราศจากมลภาวะ ดังนั้นผู้คนที่นี่แทบจะไม่ล้างผักและผลไม้เลย โดยเฉพาะผลไม้ จะหยิบและยัดเข้าปากโดยตรง
ที่นี่น้ำฝนที่ตกลงมาใสมาก บางครั้งเมื่อฝนตกเบาๆ วินนี่ก็ปล่อยให้เถียนกวาและเด็กอ้วนตัวโตเล่นที่สนามหญ้า เพียงแค่กลับไปล้างตัวด้วยน้ำร้อนก็พอแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือการล้างรถ รถของฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องล้างเลยเป็นเวลาสิบเดือนครึ่ง เพราะเมื่อฝนตกก็จะล้างสิ่งสกปรกออกไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีฝุ่นและก็ไม่มีโคลน
นิสัยการกินของเด็กอ้วนทำร้ายเขาเอง เพราะชอบกัดและกลืนคำใหญ่ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“อึกอึก” มะระสองคำใหญ่เข้าปาก จากนั้นใบหน้าที่อ้วนขาวราวกับหิมะของเขาก็กลายเป็นสีเขียว หรี่ตาและอ้าปากกรีดร้อง “โอย โอย หม่าม๊า ปากของลูกน้อยขมมาก… “
………………………………….