ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1881 รังแกกันเกินไปแล้ว
สิ่งที่ฉินสือโอวคาดไม่ถึงได้เกิดขึ้น นั่นก็คือตำรวจน้ำเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุออกมาช่วยโจรขโมยปลาพวกนี้ แน่นอนจะพูดว่าจับกุมก็ได้ เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่ เห็นได้ชัดว่าเรียกว่าช่วยเหลือจะเหมาะสมกว่า
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่ เหล่าโจรขโมยปลามีโทรศัพท์ดาวเทียมติดตัวอยู่ พวกเขาเอาโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้นไปบนเรือชูชีพ จากนั้นก็ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปให้เหล่าตำรวจน้ำ
โทรศัพท์ดาวเทียมมีตัวระบุตำแหน่งจีพีเอส เหล่ายามชายฝั่งค้นหาตามภาพก็เจอเจ้าพวกที่ขอความช่วยเหลือได้ง่ายๆ
คนที่ต้องช่วยมีมากเกินไป พวกยามชายฝั่งเลยจำเป็นต้องใช้เกาะแฟร์เวลเป็นจุดเปลี่ยน หนึ่งคือทำการเติมน้ำมัน สองคือดูแลโจรขโมยปลาพวกนี้ นครเซนต์จอห์นไกลเกินไป
ชาวประมงของฟาร์มปลาเห็นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยโผล่มาก็พอรู้ว่ามาทำอะไร บูลแค่นหัวเราะ “เหอะ ต้องเป็นเรือขโมยปลาสองลำซวยชนกันเองแน่ๆ ไม่ก็มีไอ้ดวงกุดที่ไหนชนโขดหิน สมน้ำหน้า พระเจ้า ช่วยคุ้มครองให้พวกมันไปลงนรกเถอะ!”
ตอนที่แบล็คไนฟ์ไปตรวจดูเรดาร์ตรวจการณ์ทางทะเลก็ตกใจใหญ่ “เฮ้ย มาดูนี่เร็ว มีเรือแค่สี่ลำแล้ว!”
ฉินสือโอวพุ่งไปอย่างประหลาดใจ เขาไม่ได้แกล้งทำ เพราะจากที่เขาจำได้ควรจะเหลือเรือขโมยปลาแค่สองลำถึงจะถูก มาจากไหนอีกสองลำ? ดูท่าเรือขโมยปลาจะอยากฉวยโอกาสนี้มาช้อนลาภกันหมด
“เกิดอะไรขึ้น? เรือประมงลำอื่นล่ะ? ยังมีอีกหกลำไม่ใช่เหรอ?”
“หรือว่าอีกหกลำจะประสบอุบัติเหตุทางทะเลหมด? ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้นี้ แต่ก็ต้องบอกเลยว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้น้อยมากๆ”
“รอดูเถอะ รอดูว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าพวกนั้นจะหักหลังกันเอง?”
ชาวประมงทั้งหลายรีบมาที่ท่าเรือของเมืองด้วยความร่าเริงกับหายนะที่เกิดขึ้น มีคนชงกาแฟร้อนด้วย พวกเขาดื่มด่ำกับกาแฟร้อนๆ ด้วยกันพลางดูเรือกู้ภัยตำรวจน้ำมาส่งคน
บางคนขึ้นฝั่งมาก็หนาวจนสั่นไปทั้งตัว ยื่นมือขอร้องไปทางพวกเขา “เพื่อน ขอกาแฟสักแก้วเถอะ เห็นแก่พระแม่มารี ฉันจะหนาวตายแล้ว!”
บูลยกเท้าทาบไปบนตัวคนคนนั้นแล้วถีบเขาจนล้ม แล้วถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยท่าทียโสก่อนจะพูดว่า “กาแฟพวกนี้ต่อให้พวกเราเททิ้งก็ไม่ให้แกกิน เข้าใจไหม? อย่าคิดอยากกินกาแฟร้อนของพวกเรา!”
ชาวประมงคนอื่นหัวเราะเยาะ และแซ็กเทกาแฟร้อนกลิ่นหอมฉุยลงกลางหาดทรายต่อหน้าคนพวกนี้จริงๆ
ชางเมืองที่มามุงดูก็ไม่ได้เกิดความสงสารต่อโจรขโมยปลา สำหรับชาวประมงที่ซื่อตรงที่เกลียดที่สุดก็คือโจรขโมยปลา
โจรขโมยปลาพวกนี้ก็โดนหมอกทะเลเล่นงานเสียจนอ่วม มีคนตะโกนออกมาว่า “เจ้าของฟาร์มปลาต้าฉินอยู่ที่นี่ไหม? ถ้าให้เขาออกมาฉันมีข้อมูลสำคัญจะแลกเปลี่ยน! ฉันมีข้อมูลสำคัญแลกกับกาแฟร้อน!”
แน่นอนว่าฉินสือโอวรอดูเรื่องสนุกอยู่ พอได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนคนนั้น เขาก็ถามขึ้น “มีอะไร?”
คนที่พูดคือชายกลางคนที่มีผมยาวสีน้ำตาล ผมยาวถูกหมอกทะเลจนเปียกชุ่มติดกันเป็นช่อๆ มีกระทั่งน้ำหยดลงมา ดูสภาพอนาถไม่เบา
คนคนนั้นคว้าฉินสือโอวไว้แล้วพูดพลางกลืนน้ำลาย “เพื่อน ขอละ ให้กาแฟร้อนฉันสักแก้ว ฉันจะบอกความลับให้หนึ่งอย่าง! ความลับนี้ฉันบอกไปก็จะไม่บอกคนอื่นอีก!”
ฉินสือโอวแค่นเสียงหัวเราะ “นายคงจะไม่ได้ อยากบอกที่อยู่ของสมบัติโจรสลัดกับฉัน?”
“ไม่ ไม่ ” คนคนนั้นส่ายหน้า “ฉันจะบอกให้ว่าทำไมถึงมาขโมยปลาในที่ของนาย! พวกเราโดนคนสั่งมา กาแฟร้อนหนึ่งแก้วกับแฮมเบอร์เกอร์ไก่หนึ่งชิ้น ฉันจะบอกให้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใคร!”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนไป เขาพูดเสียงแข็ง “บอกข้อมูลฉันมาก่อน!”
คนวัยกลางคนมองเขาอย่างเว้าวอนแล้วพูดว่า “ไม่ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ คุณให้ของกินกับเราก่อน ดูสิเพื่อน พวกเขามาขโมยปลากับฉันก็ผิดจริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตาย! แต่ตอนนี้เราจะหนาวตายอยู่แล้ว!”
ถ้าชายกลางคนวิงวอนให้แต่ตัวเอง ฉินสือโอวก็จะเถียงกับเขาจนถึงที่สุด ต้องให้เขาลำบากเสียหน่อย ตอนนี้เห็นเขายังนึกถึงลูกน้องข้างตัวในเวลาแบบนี้เขาจึงมองชายกลางคนว่าดีขึ้นมาอีกหน่อยเลยเอ่ยขึ้น “ให้กาแฟคนล่ะแก้วกับพวกนายก่อน แล้วบอกข้อมูลฉัน ถึงจะได้แฮมเบอร์เกอร์”
“ได้ ได้ ” ชายกลางคนตอบพลางพยักหน้ารัว
ฉินสือโอวดีดนิ้ว บูลกับแซ็กก็พาคนเข้ามาเติมกาแฟให้คนพวกนี้คนล่ะแก้ว กะลาสีพวกนี้มือกุมแก้วแล้วเงยหน้ากรอกกาแฟทั้งแก้วเข้าปากอึกๆ อย่างละโมบ
“บอกข้อมูลฉันมา ใครเป็นคนสั่งการพวกแก?” ที่จริงในใจฉินสือโอวก็มีคำตอบแล้ว คนที่มีความคิดและอำนาจจะทำแบบนี้ได้ก็ดูเหมือนจะมีแค่ตระกูลมอร์รี่
เป็นอย่างที่คาด พอชายกลางคนดื่มไปจนหยดสุดท้ายแล้ววางแก้วลงอย่างเสียดายก็พูดขึ้น “ตระกูลมอร์รี่ยักษ์ใหญ่ในวงการประมงแห่งรัฐนิวยอร์กติดต่อผมมา เขายินดีซื้อปลาที่ฉันได้จากฟาร์มปลาพวกนายครึ่งราคาของราคาตลาดอาหารทะเลต้าฉิน”
“เวร! เวร! เวร! “ชาร์คคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้พวกอเมริกันสมควรตาย ไอ้พวกโลภอเมริกัน ทหารท้องถิ่นอเมริกันจอมโลภ ตอนนั้นไม่น่าแค่เผาทำเนียบขาวมัน น่าจะเผาไฟให้มันหายไปจากโลกใบนี้เลย!”
ที่เขาพูดเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เมื่อก่อนอเมริกากับแคนาดาเคยทำสงครามกัน ประวัติศาสตร์เรียกว่าสงครามปี 1812 อเมริกาที่ครองโลกไร้เทียมทานในตอนนี้โดนทหารอาสาแคนาดาโจมตีเสียไม่เหลือชิ้นดี และชื่อเรียกของทหารอาสาแคนาดาในเวลานั้นก็คือทหารท้องถิ่น
ฉินสือโอวหยีตาด้วยความโมโห เป็นตระกูลมอร์รี่จริงๆ ด้วย ไอ้เลวพวกนี้หาเรื่องเขาหลายครั้งแล้ว เขาต้องคิดหาวิธีเอาคืน ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกมองเป็นแกะน้อยผู้อ่อนแอแน่
แต่ก็ต้องรอโอกาสเหมาะๆ แม้ว่าตลาดของตระกูลมอร์รี่จะโดนเขาแย่งไปครองเสียส่วนมาก แต่อย่างไรก็เป็นตระกูลประมงที่มีประวัติและปูมหลังมานานร้อยปี แค่การทำลายเรือประมงของพวกเขาไม่กี่ลำไม่สามารถสั่นคลอนสถานะพวกเขาได้
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ร้องเรียนตระกูลมอร์รี่กับตำรวจน้ำ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเขามีเพียงปากเปล่าไม่มีหลักฐานหรือพยาน แม้กะลาสีเหล่านี้จะเป็นพยาน แต่พวกเขาเพียงแค่หิวเลยจำเป็นต้องพูดความลับนี้ออกมา รอจนพวกเขาดื่มกาแฟจนตัวเริ่มอุ่น พวกเขาก็ไม่ยอมเป็นพยานแล้ว
ตามกฎหมายของแคนาดา ในกรณีที่ทนายไม่อยู่ คำสารภาพของคนร้ายล้วนแล้วแต่เป็นโมฆะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่กัปตันคนหนึ่งพูดกับฉินสือโอวเป็นการส่วนตัว พวกเขาสามารถพูดได้ว่านี่เป็นเพียงการพูดเหลวไหลเท่านั้น
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ฉินสือโอวรู้ความจริงก็พอ ส่วนเรื่องร้องเรียนความยุติธรรมกับตำรวจน้ำ? เขาไม่หวังพึ่งเลย
แต่ว่าเหล่าตำรวจน้ำก็ใช่ว่าไม่ช่วยเหลือเขาเลย หลังจากที่ลงพื้นที่ เหล่าตำรวจน้ำก็ฝ่าหมอกหนาเตอะเริ่มแจ้งข้อหาบังคับใช้กฎหมาย ใช้ข้อมูลจากเรดาร์ทะเล พวกเขาก็ทำการจับกุมเรือขโมยปลาที่เข้ามาในฟาร์มปลาทั้งหมด นี่ก็เป็นการช่วยฉินสือโอวมากแล้ว
อย่างที่พยากรณ์อากาศประกาศ สามวันให้หลัง หมอกก็เริ่มจางลง ราวหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง หมอกก็จางหายไปทั้งหมด
เพียงแต่ว่าตำนานเกี่ยวกับฟาร์มปลาต้าฉินในตอนนี้เพิ่งจะเริ่มถูกเล่าขานกันในหมู่เจ้าของฟาร์มปลาและเหล่าชาวประมง
……………………………………………