ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1882 คืนของขวัญให้
แม้ว่าหมอกจะค่อยๆ เริ่มจางไป แต่ไอน้ำที่เหลือก็ยังคงหนาแน่นมาก และเกาะแฟร์เวลตั้งอยู่กลางทะเลกว้างใหญ่ ในตอนนี้ความชื้นก็เพิ่มขึ้นจนไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย
สำหรับเกาะสันโดษกลางทะเลแล้ว วิวทิวทัศน์อาจจะสวย ทรัพยากรอาจจะอุดมสมบูรณ์ อากาศอาจจะสดชื่นไร้มลพิษ แต่ก็อาจมีปัญหาเรื่องความชื้นสูงเกินหรือปัญหาอย่างอื่น
ผ่านวันหมอกลงสองสามวัน ทางเดินหายใจพ่อฉินแม่ฉินก็เริ่มจะไม่ไหว จะรู้สึกว่าคันอยู่ตลอด แต่ก็ออกมาไม่ได้ ไม่สบายตัวเอามากๆ อีกอย่างก็คือผ้าห่มต้องเปลี่ยนทุกวัน ไม่อย่างนั้นจะชื้นเกินไป เครื่องอบผ้าในบ้านก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เสื้อผ้ากับผ้าห่มที่อบแห้งไม่นานเท่าไรก็ชื้นอีก…
ตอนปลายเดือนมิถุนายน ตอนที่วินนี่เปลี่ยนเสื้อให้ซีกวาก็พบว่าผิวของลูกเป็นปื้นแดงแปลกๆ เธอคิดว่าผิวหนังอักเสบ ปรากฏว่าพอหมอโอดอมตรวจก็ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ผิวหนังอักเสบ แต่เป็นเพราะอากาศชื้นไปจนทำให้ผิวแพ้ ทางที่ดีควรให้เขาอยู่ในที่แห้งๆ”
หลังจากรู้ถึงสาเหตุของอาการ วินนี่รีบมอบหมายงานให้ผู้ช่วยฮานี่ย์ จากนั้นก็กลับบ้านไปบอกฉินสือโอว “ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้เราจะไปอุทยานแห่งชาติคูจิมกูจิก รีบเก็บของ บอกพ่อแม่ไปด้วยกัน”
ฉินสือโอวกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับสารดูดความชื้นในอินเทอร์เน็ต เขาถามว่า “ทำไมคุณเปลี่ยนใจแล้วล่ะ? สองวันก่อนผมก็ชวนพวกเราไปฟาร์มเบอร์สามคุณก็ไม่ไปตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงอยากไปล่ะ?”
ดวงตางามของวินนี่ตวัดมาจ้องเขา “จะถามเยอะแยะไปทำไมคะ? รีบไป ผิวลูกแพ้ความชื้นแล้ว เจ้าตัวน้อยยังไม่รู้เรื่องเลย เราต้องหนีความชื้น”
อุทยานแห่งชาติเคจิมกูจิกก็ตั้งอยู่ที่อ่าวทะเล แต่ว่าอยู่ทางใต้ของรัฐโนวาสกาเชีย ครั้งนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหมอกลง ดังนั้นระดับความชื้นของไอน้ำจึงอยู่ในระดับเหมาะสมที่สุด
พ่อฉินแม่ฉินกับสองสามีภรรยามาริโอ้เห็นอาการแพ้ของซีกวาก็รีบขึ้นมาบ้าง เถียนกวาวิ่งวุ่นไปทั่วห้องแล้วเอาของเล่นชิ้นเล็กเก็บลงกระเป๋าลากใบเล็ก นั่นคือของขวัญที่วินนี่ให้เธอ
มีแต่ซีกวาที่ไม่รู้เรื่อง คาบขวดนมไว้ในปากในขณะที่มองสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ที่กำลังยุ่งอยู่อย่างสนอกสนใจ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าทุกคนไม่สนใจตัวเองจึงเบ้ปากร้องอุแหว้ๆ ขึ้นมา
แต่พวกผู้ใหญ่กำลังยุ่งกับการเก็บของ ฉินสือโอวขี้เกียจจะสนใจเลยลากออกมายัดให้หู่จือเป้าจือ สองแสบผลัดกันคาบเอี๊ยมของเขาแล้วพาออกไปอาบแดดข้างนอก
ซีกวาชอบเล่นกับหู่จือเป้าจือมาก และชอบโดนพวกมันคาบเอี๊ยมเป็นพิเศษ แบบนี้ก็เหมือนได้นั่งชิงช้า ได้เล่นแบบนี้ทีไรเขาก็ยิ้มออกทุกที
เก็บของเรียบร้อย วันที่สองแต่เช้าตรู่เฮลิคอปเตอร์สามลำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าบินไปยังฟาร์มปลาชายทะเลเคจิมกูจิก ฉินสือโอวเริ่มคิดวางไว้ว่าจะให้ครอบครัวไปอยู่ที่ตึกเล็กในฟาร์มปลา วินนี่ไม่เห็นด้วย บอกว่าความชื้นในฟาร์มปลาก็ยังสูงไปอยู่ดี ต้องไปซื้อบ้านแถบอุทยานไว้อยู่
เรื่องนี้ก็ง่าย ฉินสือโอวติดต่อเจนนิเฟอร์จากเอ็กซเพรส อีกฝ่ายก็ติดต่อเขากลับอย่างรวดเร็ว ในแถบกลางค่อนไปทางเหนือของอุทยานแห่งชาติมีวิลล่าที่มีประวัติยี่สิบปีแห่งหนึ่งกำลังประกาศขาย ราคาอยู่ที่ 11 ล้านดอลลาร์แคนาดา
สำหรับแคนาดาแล้ว นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นวิลล่าระดับหรู ทั้งนิวฟันด์แลนด์แทบจะไม่มีบ้านแพงๆ แบบนี้ที่ไหน 11 ล้านดอลลาร์ก็พอซื้อฟาร์มปลาเล็กๆ ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ถ้ามาดูสภาพแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติ ราคานี้ก็ถือว่าเหมาะสม หลังจากเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 การจัดการอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดามีความเข้มงวดมากขึ้น อุทยานแห่งชาติทั้งหมดไม่อนุญาตให้สร้างวิลล่าอีกต่อไป ฉะนั้นตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีแต่วิลล่าเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ ราคาสูงลิบลิ่ว
และสภาพแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติเคจิมกูจิกก็ดีมากๆ ฤดูร้อนดูดาวฤดูหนาวก็ดูแสงเหนือได้ ฤดูใบไม้ผลิมีดอกไม้ต้นไม้ฤดูใบไม้ร่วงมึสวนผลไม้ ด้านหลังติดเขาด้านหน้าติดทะเล สวยจนแทบจะเหมือนสวนในสวรรค์
ฉินสือโอวกับครอบครัวไปดูวิลล่านี้ ทำเลที่ตั้งดีมาก ตั้งอยู่ที่ตีนเขาของภูเขาลูกเล็กอุทยานแห่งชาติ เจ้าของคนก่อนคือเจ้าพ่ออุตสาหกรรมรถยนต์ริชาร์ด โนเอล
แนวการตกแต่งของวิลล่าดูโบราณโอ่โถง ด้านในมีเพียงอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเป็น เป็นสไตล์ย้อนยุค คนกลางที่รับผิดชอบขายวิลล่าในวันนั้นยังใส่ชุดพ่อบ้านของขุนนางยุโรปในศตวรรษที่ 18 ราวกับว่าอยากกลับไปในสมัยนั้น
พ่อแม่ของฉินสือโอวไม่ได้รู้สึกอะไร สามีภรรยามาริโอ้กลับรู้สึกชื่นชมอย่างมาก วินนี่ก็ชอบทำเลและการตกแต่งของบ้านนี้ พอแบบนั้นฉินสือโอวก็ไม่ได้ดูต่อ แต่จองบ้านหลังนั้นเลย เก็บจานชามเตาเสียหน่อยแล้วก็ผ้าห่มกับพรม เสร็จแล้วก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
พอรู้ว่าคนจองบ้านคือฉินสือโอว โนเอลยังโทรมาทักทายแล้วยังลดราคาให้กับเขาด้วย หักเศษแล้วคิดแค่สิบล้าน
นี่ก็คือพลังของคอนเนคชั่น โนเอลเล็งเห็นถึงอิทธิพลที่ฉินสือโอวมีในแวดวงของเขา ใจดีลดให้หนึ่งล้านซื้อใจและได้คอนเนคชั่นมา อย่างไรก็ไม่ขาดทุน
นายหน้าก็เผยว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าไม่มีใครสนใจวิลล่าของผู้มีอิทธิพลคนนี้ ตัวอย่างเช่นบีเบอร์ดาราต่างประเทศที่โด่งดังในแคนาดาก็เคยส่งตัวแทนมาถามเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ แต่โนเอลไม่ขายให้
ซื้อบ้านมาแล้ว พ่อแม่และภรรยากับลูกก็อยู่ที่นี่ ฉินสือโอวยังต้องไปดูฟาร์มปลาหน่อย ดีที่สองที่ไม่ไกลกัน ห่างแค่ประมาณยี่สิบกิโลเมตร ขับรถก็แค่สิบกว่านาที ถนนในอุทยานแห่งชาติกว้างแถมยังคนน้อย ขอแค่ไม่มีสัตว์ขวางทางก็ซิ่งได้อย่างวางใจ
กลับมาถึงตึกเล็ก ฉินสือโอวเห็นในบ้านมีรูปปั้นสองอันที่ชาลส์ มอร์รี่ให้มา เขาพึมพำครู่หนึ่งก็ตัดสินใจล้างทำความสะอาดแล้วส่งกลับไป
ความเสียหายที่ตระกูลเมอร์รี่ทำต่อเขาทำให้โมโห เขาตัดสินใจที่จะต่อกรกับตระกูลนี้ ก่อนอื่นก็ต้องโจมตีฟาร์มปลาของพวกเขาก่อน ฉะนั้นเขาเลยไม่อยากรับของขวัญจากพวกเขา ในเมื่อเป็นศัตรูกันก็มาปะทะกันซึ่งๆ หน้าเลยดีกว่า ไอ้การทำหน้ายิ้มแต่ลับหลังถือมีดลูกผู้ชายอย่างท่านชายฉินทำไม่เป็น
ชาลส์ มอร์รี่ยังอยู่ที่ฟาร์มนี้ พอเห็นฉินสือโอวเอารูปปั้นสองอันมาที่บ้านก็เผยสีหน้าลนลานออกมาแล้วร้องตะโกนขึ้น “เฮ้ คุณทำอะไรน่ะ?”
ฉินสือโอวคิดว่าเขาตอบสนองได้อ่อนไหวมาก ไม่ได้คิดอะไรเยอะก็วางรูปปั้นทั้งสองลงแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ ชาลส์ พวกเรามาพูดกันแบบตรงๆ ไม่ปิดบัง อย่างแรกเอาจริงๆ นะ ผมไม่คิดว่าคุณยังอยู่ที่นี่อีก ผมคิดว่าคุณกลับนิวยอร์กไปแล้ว ดูท่าตระกูลมอร์รี่ของพวกคุณไม่ชอบหน้าผมขนาดนั้น นี่คืออยู่ที่นี่เพื่อต่อกรกับผมงั้นเหรอ?”
“ที่จริง ขอบคุณที่คุณเคยมอบเจตนาอันดีให้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเราไม่ลงรอยกัน ดังนั้นต่อไปพวกเราก็ต่อกรปะทะกันซึ่งหน้าในธุรกิจจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญอะไรผมอีก ขอบคุณมาก”
วางรูปปั้นทั้งสองลงเสร็จ เขาไม่ได้ให้โอกาสชาลส์ตอบโต้ก็ตรงกลับขึ้นรถแล้วขับไปที่ฟาร์มปลา ในขณะเดียวกันก็ปล่อยจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มปลาของตระกูลมอร์รี่ เตรียมจะย้ายทรัพยากรปลาทั้งหมดมาที่ถิ่นของตัวเองแทน
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มไม่นานตอนที่ผ่านท่าเรือจู่ๆ เขาก็เห็นว่าที่ก้นทะเลท่าเรือมีรูปปั้นสองอันอยู่ อันหนึ่งเป็นรูปปั้นหินอ่อนโพไซดอน อีกอันเป็นรูปปั้นเรือลำหนึ่ง
มองปราดเดียวเขาก็ดูออก รูปปั้นสองอันนี้ก็คือของขวัญที่ชาลส์ มอร์รี่เคยให้เขา เขาเพิ่งจะให้กลับไป ทำไมชาลส์ มอร์รี่ทิ้งมันเสียแล้วล่ะ?
………………………………………………