ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1883 ไฟอาฆาตแก้แค้น
หรือว่าชาลส์ มอร์รี่จะรักสะอาดเกินเหตุ? ของที่เขาแตะไปแล้วก็ต้องโยนทิ้ง?
การคาดเดานี้ก็แค่แวบเข้ามาในหัวของฉินสือโอวเท่านั้น ไม่มีทางหรอก ต่อให้เป็นแบบนั้นเขาก็ไม่น่าจะโยนทิ้งแต่น่าจะเอาให้ลูกน้องเพื่อซื้อใจกัน ที่จริงรูปปั้นสองอันนี้แกะสลักได้ประณีตมาก เป็นของดีทั้งนั้น
ลางสังหรณ์ทำให้เรารู้สึกว่ารูปปั้นทั้งสองนี้มีปัญหาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นชาลส์คงไม่โยนพวกมันทิ้ง
ประจวบเหมาะกับที่งูเหลือมทะเลตัวหนึ่งของเขากำลังหาอาหารอยู่ในฟาร์มปลามอร์รี่ ฉินสือโอวเลยออกคำสั่งให้มันเอารูปปั้นทั้งสองกลับมาให้เขา เขาจะดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ท่าทีของงูเหลือมทะเลแสนอ่อนโยนออกจะแปลกๆ ตอนที่มันว่ายไปแถวๆ รูปปั้นทั้งสองแล้ววนสองรอบก็ไม่ได้หิ้วเอากลับมาแต่กลับถอยหลังแบบไม่ค่อยยินดี
เห็นแบบนั้นใจของฉินสือโอวก็กระตุก เขารู้สึกว่าปัญหาใหญ่กว่าที่คิดเลยใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมงูเหลือมทะเลให้ไปหิ้วรูปปั้นทั้งสองแล้วว่ายไปด้านหลัง
ในตอนนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอีก ระหว่างนั้นเขาก็ถ่ายพลังโพไซดอนให้งูเหลือมทะเล แต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังลดทอนพลังโพไซดอน เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นทั้งสองนี้มีพลังแปลกๆ
สีหน้าของฉินสือโอวเปลี่ยนไป หรือว่าตระกูลมอร์รี่ไม่รู้ว่าไปรู้ความลับของเขาได้อย่างไร? นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีวิธีลดทอนพลังโพไซดอนด้วย? นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน!
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นเขาก็เจอปัญหาใหญ่แล้ว เขารักษาความลับเรื่องหัวใจโพไซดอนมาตลอด ถ้าความลับนี้รั่วไหลออกไป ทั้งโลกใบนี้ก็คงไม่มีที่ให้เขายืน
พอได้รูปปั้นทั้งสองมา เขาก็รีบคิดหาวิธีศึกษา
ดูภายนอกปกติมาก เขาถือไว้ในมือพลางเพ่งเล็งอย่างละเอียดก่อนจะรู้สึกว่าน้ำหนักไม่ปกติ
รูปปั้นทั้งสองนี้ขนาดพอๆ กัน รูปปั้นโพไซดอนทำมาจากหินอ่อน แต่รูปปั้นเรือดูแล้วเป็นรูปปั้นทองแดง แต่ทั้งสองหนักพอๆ กัน อย่างนี้ไม่ปกติแล้ว ฉินสือโอวรู้ว่าความหนาแน่นของโลหะจำพวกเหล็กและทองแดงเยอะกว่าหินอ่อนมาก น้ำหนักของทั้งสองควรจะต่างกันมากสิ
เขาเข้าไปหาในอินเทอร์เน็ตครู่หนึ่ง เป็นอย่างที่คิด ความหนาแน่นของทองแดงคือ 8 9 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ความหนาแน่นของเหล็กคือ7 8 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ก้อนหินก็ห่างกันเยอะ หินอ่อนแค่สองกรัมกว่าต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง
รูปปั้นนี่ต้องมีอะไรแน่ๆ ฉินสือโอวเรียกชาร์คมาให้เขาคิดหาวิธีผ่ารูปปั้นนี่ดูว่ามันอย่างไรกันแน่
ชาร์คเป็นชาวประมงมากประสบการณ์ ปกติทำงานที่ใช้มือเยอะ เจอกับรูปปั้นพวกนี้ก็เยอะ เขาเอาเรือเล็กขึ้นมาถือในมือแล้วคว่ำดูก่อนจะพูดขึ้น “อันนี้น่าจะเคลือบโลหะไว้ ข้างในเป็นหินก้อนหนึ่ง”
อย่างที่คิด เขาใช้สว่านแหลมเจาะเสาของเรือเล็กจนหัก สิ่งที่เผยออกก็คือหินสีเขียวเทาชนิดหนึ่งภายใต้ชั้นโลหะเคลือบซึ่งเป็นประกายเงาเรซิ่น
“ข้างในเป็นหินอะไร?” ฉินสือโอวโพล่งถามออกไป เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล หินนี่อาจมีอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่จำเป็นต้องใช้ชั้นเคลือบโลหะปกปิดไว้
ทหารผ่านศึกชาวจีนตามมาช่วย พอเขาเห็นหินก็ชะงักไปก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าช้าๆ “บอส ไอ้สิ่งนี้มาจากไหน? ทำไมผมรู้สึกว่ามันออกจะเหมือนกับยูเรนิไนท์?”
พอได้ยินแบบนั้น ชาร์คก็โยนแร่ทิ้งไปทันทีแล้วร้องด้วยความผวา “อย่ามาหลอกให้ตกใจนะ นี่ก็คือแร่ยูเรเนียม?”
นายทหารพูดยิ้มๆ “ไม่น่ากลัวอะไร น่าจะเป็นยูเรนิไนท์ที่แปรรูปหยาบๆ ครึ่งชีวิตของมันนานมาก ดังนั้นตอนนี้ที่คุณสัมผัสมันจะยังไม่มีอันตรายอะไร”
“ถ้านานไปล่ะ?” ฉินสือโอวมองเขาพลางถามขึ้น
“ถ้างั้นก็ไม่ได้แล้ว แม้ว่าระยะครึ่งชีวิตของแร่ยูเรเนียมจะยาว แต่อย่างไรมันก็มีกัมมันตภาพรังสี เป็นอันตรายต่อคนมาก โดยเฉพาะเด็กกับคนแก่” ทหารพูดพลางเกาหัวไปด้วย “บอส คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน? ปกติแล้วแร่ยูเรเนียมจะรั่วไหลไปในสังคมไม่ได้ ถ้าแค่แร่ล่ะก็ความเสียหายไม่มาก พอกลายเป็นผงแล้วคนสูดเข้าระบบหายใจความเสียหายก็มากแล้ว ”
ตอนอยู่ที่จีนเขาเคยเป็นทหารชีวเคมี มีความรู้เรื่องรังสีนิวเคลียร์กับมลพิษทางนิวเคลียร์ที่ลึกมากจึงได้ทำการอธิบายให้ฟัง
ยูเรเนียมเป็นสสารที่มีความหนาแน่นมากที่สุดในธรรมชาติ ใช้ประโยชน์ได้มากมาย นอกจากจะใช้เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์แล้ว ยังใช้เป็นลูกปืนชนิดเจาะเกราะ นั่นก็คือระเบิดยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่ผู้คนชื่นชอบด้านทหารคุ้นเคย
ตามปกติแล้วถ้าไม่มีการใช้ระเบิดยูเรเนียมด้อยสมรรถนะก็ไม่เป็นไร แต่หลังใช้แล้วมันก็จะมีอันตรายสูง พอแกนระเบิดยูเรเนียมยิงโดนเป้าหมาย อุณหภูมิสูงจะเผาไหม้อย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันก็จะเกิดควันและฝุ่นมากมายก่อนจะกระจายไปรอบด้านตามการไหลเวียนของอากาศ เข้าสู่ร่างกายคนผ่านทางเดินหายใจ หรือไม่ก็ลงไปผสมกับดิน น้ำ หรือพืช
ปกติเพราะมีอากาศ เสื้อผ้าแล้วก็ผิวป้องกันไว้ วิถีของยูเรเนียมด้อมสมรรถนะจะไม่เป็นอันตรายต่อภายนอกของคนมากนัก แต่ถ้าฝุ่นพวกนั้นเข้าสู่ร่างกายคนก็เป็นคนล่ะเรื่องกันแล้ว
อนุภาคยูเรเนียม -238 มีผลโดยตรงต่ออวัยวะภายในที่อ่อนแอ รังสีแอลฟาในระยะใกล้จะสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเซลล์จนนำไปสู่มะเร็งและอาการป่วยอย่างอื่น เนื่องจากฝุ่นยูเรเนียมล้วนเข้าทางระบบย่อยอาหารและทางเดินหายใจ ดังนั้นอวัยวะในส่วนนั้นๆ จะเกิดอาการป่วยได้ง่าย อย่างเช่นมะเร็งจมูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะเป็นต้น
ถ้าได้รับฝุ่นมากเกินไป อนุภาคเป็นพิษเหล่านี้ยังเข้าสู่ตับ ไตกับกระดูกผ่านเลือดด้วยทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม โรคเหล่านี้ล้วนเป็นโรคเรื้อรัง ภายใน 5 ปี อาการป่วยจะไม่แสดงออกมา
ชาร์คมองทั้งสองด้วยความตื่นตระหนก “เมื่อกี้ที่ผมเฉาะเสาเรือนั้นเหมือนว่าจะมีฝุ่นด้วย…”
“ไม่มีหรอก คิดมาไปแล้วชาร์ค สว่านไฟฟ้าเจาะไม่นานเสาก็หักแล้ว จะไปมีฝุ่นได้อย่างไร? อีกอย่างฝุ่นแบบนี้จะเกิดขึ้นจากการระเหยในอุณหภูมิสูง ไม่ใช่เพราะจากแรงกล ไม่ต้องกลัว” ทหารยิ้มพลางตบบ่าเขา “แต่ว่าเอาของพวกนี้ไปทิ้งเถอะ ของพวกนี้อย่าแตะดีที่สุด!”
ฉินสือโอวตบโต๊ะอย่างแรง โมโหจนแทบคลั่ง ตระกูลมอร์รี่นี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ นี่มันต้องการให้ทั้งบ้านเขาตายชัดๆ! รูปปั้นยูเรเนียมแบบนี้วางไว้ในบ้านนานๆ สุขภาพคนในบ้านต้องแย่แน่นอน!
ตระกูลมอร์รี่วางแผนโหดเหี้ยมมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้คนในบ้านป่วยไม่สบายก็ยากจะนึกไปถึงรูปปั้นทั้งสอง เพราะรังสีจากแร่ยูเรเนียมต้องใช้เวลานานถึงจะออกฤทธิ์ พอถึงตอนนั้นถ้าครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งก็จะไม่คิดไปถึงของขวัญที่พวกเขาและตระกูลพวกเขาให้
คราวนี้เขาโกรธแล้วจริงๆ ที่จริงฉินสือโอวไม่ใช่พวกชอบเอาชนะ ตระกูลมอร์รี่แหย่เขาหลายรอบเขาก็ไม่ได้สนใจแล้วก็ไม่ได้โต้กลับ
ยกตัวอย่างเช่นฟาร์มปลาของเขา ตระกูลมอร์รี่ไม่รู้ส่งเรือมาขโมยปลาตั้งกี่รอบ ตัวเขานอกจากจับเรือขโมยปลาก็ไม่ได้ไปเอาเรื่องกับตระกูลมอร์รี่
แต่ปรากฏว่าคนพวกนี้โหดร้ายทารุณ นึกไม่ถึงว่าจะคิดวิธีร้ายกาจแบบนี้ออกมาหวังจะฆ่าคนทั้งบ้านเขา ฉะนั้นเขาต้องคิดหาวิธีเอาคืน ไม่ใช่เอาคืนธรรมดาๆ แต่ทางที่ดีต้องทำลายตระกูลมอร์รี่ทั้งตระกูล ไม่อย่างนั้นเอาศัตรูแบบนี้ไว้ ชีวิตเขากับครอบครัวก็คงไม่ปลอดภัย!
……………………………………………