ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1884 โลงศพใต้ทะเล
เขาอยากจะแก้แค้นตระกูลมอร์รี่ แต่ว่าเรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป จะรีบร้อนไม่ได้ เพราะเขาขาดวิธีที่จะต่อกรกับตระกูลมอร์รี่ แม้ตระกูลนี้จะไม่ถึงขั้นมีอิทธิพลกว้างขวางในอเมริกาแต่ก็มีฐานที่มั่นคง วิธีแก้แค้นที่ฉินสือโอวคิดได้ก็มีแต่การแย่งลูกค้ากับแหล่งลูกค้าของพวกเขาไปทั้งหมดจนสุดท้ายให้ธุรกิจตระกูลพวกมันล้มละลาย
คิดได้ก็ลงมือเลย ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกโพไซดอนลงไปในฟาร์มปลาของตระกูลมอร์รี่ตั้งแต่ชายฝั่งยันน่านน้ำลึกแล้วดึงฝูงปลาทั้งหมดเข้าไปในฟาร์มปลาเบอร์สาม ในขณะเดียวกันเขาก็เรียกฝูงฉลามของเฮยป้าหวังฉลามขาวยักษ์มา กะว่าจะให้พวกมันมาอยู่ที่ฟาร์มปลาของตระกูลมอร์รี่ยาวๆ
ขอแค่ฝูงฉลามอยู่ที่นี่ งั้นฟาร์มปลาของตระกูลมอร์รี่ไม่สามารถเลี้ยงปลาออกขายได้ก็จะมีคำอธิบายที่ดีมาก ฉลามมาอาศัยในฟาร์มปลาตั้งเยอะ ต้องกินปลาไปเยอะขนาดไหน? อีกอย่าง ต่อให้ฝูงปลาในฟาร์มปลาเยอะก็ไม่สู้การไล่ล่าของฉลาม ต้องหนีไปจากฟาร์มปลาแน่
งั้นก็เป็นข้อด้อยทางธรรมชาติของฟาร์มปลา ถ้าฟาร์มปลาเกิดเรื่องขึ้นมา ปลาที่เลี้ยงก็จะว่ายหนีไป ถ้าหนักหน่อยก็สามารถทำให้เจ้าของฟาร์มปลาไม่คืนทุนได้เลย
จิตสำนึกโพไซดอนแหวกว่ายไปในน่านน้ำชายฝั่งของฟาร์มปลา จิตสำนึกทั้งแปดออกจู่โจมทั้งหมด เขาเริ่มค้นฟาร์มปลาแบบหว่าน ขอแค่เจอปลาไม่ว่ามันจะเป็นฝูงปลาอะไรหรือขนาดไหน ก็จะดึงไปที่ฟาร์มของตัวเองทั้งหมด
งูเหลือมทะเลกับเหล่าฉลามมาแถบชายฝั่งไม่ได้ ดังนั้นเขาต้องกวาดแถบชายฝั่งทะเลให้เรียบเอง ส่วนทะเลน้ำลึกก็ไม่ต้องสนใจก็ได้ ฝูงปลาที่เหลือก็ให้เป็นอาหารของพวกฉลามก็เรียบร้อย
จิตสำนึกโพไซดอนแหวกว่ายไปในใต้ทะเลครู่หนึ่ง จู่ๆ ฉินสือโอวก็สังเกตเห็นว่ามีแถบหนึ่งในก้นทะเลที่ดูต่างกับรอบด้าน
ตามปกติแล้ว เพราะใต้ทะเลกว้างใหญ่ได้รับผลกระทบจากมนุษย์น้อย และไม่มีสัตว์ทะเลที่จะตั้งใจทำลายแถบใดแถบหนึ่งของทะเล เพราะฉะนั้นแถบใต้ทะเลที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายกัน พันธุ์ของสาหร่ายทะเลกับพืชน้ำและจำนวนจะคล้ายกัน
แต่ว่าเขาสังเกตเห็นแถบทะเลเล็กๆ ว่ามีสาหร่ายสีน้ำตาลขึ้นอยู่ สาหร่ายสีน้ำตาลพวกนนี้ไม่ได้รับการกระตุ้นจากพลังโพไซดอนเลยไม่ได้โตมาก แต่ก็ยาวถึงสิบกว่าเมตร แพร่กระจายพลิ้วไสวอยู่ใต้น้ำดูขัดกับสภาพรอบด้านมากๆ
ฟาร์มปลาคาร์เตอร์ไม่ได้ปลูกสาหร่ายสีน้ำตาล เขาเลี้ยงปลาด้วยอาหารปลา แม้จะลงทุนสูง แต่ว่าก็เห็นผลได้ไว้
สาหร่ายสีน้ำตาลโผล่มากะทันหันไปหน่อย ก้นทะเลรอบๆ ยังมีสาหร่ายเล็กๆ อย่างสาหร่ายเขียวแกมน้ำเงินกับตะไคร่น้ำสีน้ำตาล แต่ว่าที่นี่กลับมีสาหร่ายสีน้ำตาลขึ้นอยู่ สาหร่ายสีน้ำตาลพวกนี้ปลูกด้วยฝีมือคนอย่างเห็นได้ชัด
แต่แถบทะเลนี้เป็นเขตแดนระหว่างฟาร์มปลามอร์รี่กับฟาร์มปลาเขาแล้ว ใครจะมาปลูกสาหร่ายสีน้ำตาลตรงนี้? ฉินสือโอวคิดว่ามันแปลกก็เลยใช้จิตสำนึกโพไซดอนตรวจดู
สาหร่ายสีน้ำตาลไม่มีปัญหาอะไร รากของมันไชอยู่ในโคลนทะเล ถุงลมบนใบไม้ทำให้เกิดการลอยตัวพาให้ใบสาหร่ายสีเขียวเข้มลอยตัวในน้ำ เพียงแต่โคลนด้านล่างของสาหร่ายสีน้ำตาลเหมือนจะมีหีบบางอย่างฝังไว้
ท่านชายฉินนอกจากจะเป็นเจ้าของฟาร์มปลาต้าฉินแสนเก่งกาจแล้ว ตัวตนอีกหนึ่งตัวตนของเขาก็คือนักงมสมบัติเรืออับปางแสนเก่งกาจ ดังนั้นพอเห็นมุมหนึ่งของหีบจมเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา หรือว่าในฟาร์มปลาคาร์เตอร์จะมีสมบัติอะไร? งั้นก็งมขึ้นมาดีกว่า จะเหลือไว้ให้ตระกูลมอร์รี่ไม่ได้
จิตสำนึกโพไซดอนพัดม้วนใต้ทะเลเป็นพายุโหยหวน สาหร่ายสีน้ำตาลโดนพุ่งจู่โจมเสียจนเอียงไปมา ส่วนโคลนใต้ทะเลก็ถูกพัดขึ้นมา แถบทะเลนี้เละเทะระเกะระกะขึ้นมาทันที
แต่นี่ก็ไม่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์จิตสำนึกโพไซดอน ฉินสือโอวมองลงไปในใต้ทะเลก็ต้องตกใจ ที่แท้ที่หลบอยู่ใต้โคลนทะเลไม่ใช่หีบหนึ่งใบ แต่คือหีบหนึ่งกอง มีราวๆ สิบกว่าใบ
แต่พอเขามองอย่างละเอียดอีกทีก็ต้องตกใจกว่าเดิม เพราะว่าหลังจากที่เขาพัดเอาโคลนบนหีบออกไปจนหมด ชั่วขณะนั้นก็พบว่าหีบพวกนี้ไม่ใช่อย่างอื่น แต่คือโลงศพ!
วัสดุของโลงศพพวกนี้ไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร สีดูดำเข้ม ไม่รู้ว่าแช่อยู่ในน้ำทะเลมานานแค่ไหน ไม้ไม่ได้ผุพังไป แต่โซ่เหล็กกับเชือกที่มัดบนฝาโลงกลับโดนน้ำทะเลกัดกร่อนจนแทบหมด จิตสำนึกโพไซดอนชนกระแทกแรงๆ โซ่เหล็กก็ขาดสะบั้น
พอไม่มีโซ่เหล็กมัดไว้ ฝาโลงหนึ่งก็ลอยขึ้นมา…
พอฝาโลงไม้ลอยขึ้นมาหัวคนก็โผล่พรวดขึ้นมาทันที ดีที่ท่านชายฉินเตรียมใจไว้แล้วว่าข้างในโลงอาจมีศพอยู่ ก็เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไร
แต่ว่าถ้าจะดูต่อเขาก็ออกจะกลัวนิดหน่อย ในโลงมีปูนแห้งอยู่ มิน่าล่ะโลงถึงไม่ได้ลอยขึ้นตามแรงพยุงของน้ำ แต่ส่วนล่างจากหัวและคอที่โผล่ออกมาลงไปก็ถูกตรึงไว้ในปูน
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวที่นอนอยู่บนเก้าอี้เกาหัวอย่างงงๆ
เขาเปิดโลงอื่นออกด้วยถึงได้พบว่าในโลงอื่นๆ เป็นปูนแห้งทั้งหมด และตรงขอบรอบๆ สามารถเห็นร่องรอยในจุดที่มีร่างคน อย่างเช่นมือคน อย่างเช่นเท้าคน ยังมีที่ตะแคงโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งด้วย
ฉินสือโอวพิจารณาส่วนของศพที่โผล่ออกมา เขาดูอะไรไม่ออก แต่ดูออกได้ว่าเวลาตายของคนเหล่านี่อาจจะอยู่ภายในยี่สิบปีนี้ เพราะมีศพหนึ่งที่ในมือถือโทรศัพท์รุ่นที่เป็นทรงแบนราบเหมือนอิฐ บนฝาโทรศัพท์สีดำยังสามารถพอมองเห็นตัวหนังสือที่เขียนว่าโนเกียได้รางๆ
เขาพอจะจำได้ว่าสมัยที่โนเกียออกโทรศัพท์ทรงแบนแบบนี้คือศตวรรษที่แล้วปีเก้าศูนย์
สถานการณ์แบบนี้เริ่มจะไม่สู้ดี คนพวกนี้ไม่ได้ตายตามธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด ร่างถูกตรึงในปูนโยนลงทะเล นี่มันการฆ่าคนปิดปากเพื่อจุดประสงค์ปกปิดร่องรอย
อีกอย่างเขาพอรู้มา มาเฟียอเมริกาชอบใช้วิธีนี้มาจัดการกับร่างคน ใส่ปูนลงในโลงพอตากแห้งแล้วก็โยนลงทะเล เป็นร้อยปีก็หาร่างที่จัดการแบบนี้ไม่เจอ กระทั่งว่าไม่ระแคะระคายอะไรเลย
หรือร่างพวกนี้จะโดนเอามาทิ้งไว้โดยแก๊งมาเฟียสักแก๊ง? ฉินสือโอวสับสน หลังจากนั้นเขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป พวกมาเฟียถ้าจะจัดการซากที่นี่ก็คงไม่มานั่งปลูกสาหร่ายสีน้ำตาลที่จุดทิ้งหรอกใช่ไหม?
นอกจากนี้มาเฟียจะจัดการกับร่างคนแน่นอนว่ายิ่งน้ำลึกยิ่งดี ที่นี่น้ำลึกแค่สี่สิบเมตรเท่านั้น ใส่ชุดดำน้ำก็ลงมาถึงที่นี่ได้แล้ว อีกอย่างที่นี่ห่างจากฝั่งแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าคนจากแก๊งมาเฟียขับเรือมาโยนคนที่นี่ พวกเขาไม่กลัวคาร์เตอร์กับพวกชาวประมงที่อยู่บนบกเห็นเอาหรือไง?
พอคิดพิจารณาแบบนี้ คำตอบก็เกินคาดหมาย บางทีคนที่จัดการกับร่างพวกนี้ไม่ใช่มาเฟียที่ไหน แต่คือคาร์เตอร์!
เขาคิดว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งตำรวจ โลงตั้งสิบกว่าโลง ยังไม่รู้ว่ายังมีโลงอื่นอยู่โคลนลึกลงไปกว่านี้ไหม แถมในทุกโลงยังไม่ได้ใส่ไว้แค่ร่างเดียว ซากคนมากมายมาอยู่ในที่เดียว ต้องเป็นคดีใหญ่แน่!
การจะบอกตำรวจว่าเจอร่างคนได้อย่างไรก็เป็นหัวข้อยากอีกข้อ แต่ว่าฉินสือโอวมีวิธีมากมาย จัดการปัญหาพวกนี้เขาเชี่ยวชาญมานานแล้ว เขาถือโอกาสตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนใช้กระแสน้ำพัดเอาฝาโลงพวกนี้ขึ้นมาก็เรียบร้อย
พอดีกับแถบทะเลจุดที่โลงอยู่เป็นเขตแดนติดกันระหว่างฟาร์มปลาเบอร์สามกับฟาร์มปลามอร์รี่ เฮลิคอปเตอร์สังเกตเห็นฝาโลงที่ลอยผ่านมา เหล่าชาวประมงขับเรือไปงม ปรากฏว่าตอนงมเอาฝาโลงขึ้นมาก็เห็นหัวแห้งผากที่โดนพืชน้ำกับสาหร่ายบดบัง
เห็นภาพแบบนี้ พวกชาวประมงก็จะรีบมารายงานฉินสือโอว
……………………………………………..