ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1888 ความคิดถึงของเถียนกวา
เมื่อได้ยินว่าฟาร์มปลาคาร์เตอร์ถูกเสนอราคาเพียงหกสิบเจ็ดล้านดอลลาร์ ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า “คุณล้อเล่นหรือเปล่า คุณรัฐมนตรี คุณกำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหม?”
แมทธิว จินพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบพูดเล่น อีกอย่าง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องราคาเลย ตราบใดที่โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่าว่าแต่เงินหกสิบเจ็ดล้านดอลลาร์สำหรับซื้อฟาร์มปลาเลย คุณไม่ต้องออกเงินด้วยซ้ำ กรมประมงและองค์กรบริหารส่วนจังหวัดยินดีที่จะออกเงินให้คุณทั้งหมด!”
งานประมูลเมื่อหนึ่งปีกว่าๆ ก่อนหน้านี้ ราคาของฟาร์มปลาคาร์เตอร์อยู่ที่หกสิบเจ็ดล้าน แต่ราคาที่ตระกูลมอร์รี่จ่ายสุทธิในการลงทุนในฟาร์มปลาคือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านดอลลาร์ ราคาขึ้นมาเกือบสองเท่าของราคาต้นทุน!
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงรู้สึกประหลาดใจที่แมทธิว จินจะขายฟาร์มปลาให้เขาในราคาหกสิบเจ็ดล้าน ต้องบอกก่อนว่าหากประมูลฟาร์มปลานี้แล้ว นอกจากจะต้องค้นหากซากศพของคนตระกูลมอร์รี่แล้ว ยังต้องมีการจัดการประมงอีกรอบ เงินที่ใช้ลงทุนนั้นไม่น้อยเลย อย่างน้อยจะคุ้มทุนต้องราคาหนึ่งล้านดอลลาร์ แต่นี่แค่หกสอบเจ็ดล้านดอลลาร์เองหรอ? แบบนี้ที่ประเทศจีนเรียกว่าขายให้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้ฟรีชัดๆ
แต่ว่าเขาสามารถเข้าใจในเรื่องนี้ได้ แมทธิว จินต้องการให้ฟาร์มปลานี้เป็นของขวัญขอบคุณ สำหรับการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูมหาสมุทรของฉินสือโอว แน่นอนว่า นี่ก็เป็นของขวัญที่เขาให้ฉินสือโอวเช่นกัน
รัฐมนตรีท่านนี้ถือว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าในวงการการเมือง เขารู้เรื่องที่เกี่ยวกับฉินสือโอวอย่างละเอียดชัดเจน เขารู้ว่าคนคนนี้ต้องพูดดีๆ ด้วยถึงจะยอมทำตาม การอารมณ์เสียจะเป็นภัย ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ พอทำให้เขามีความสุขไม่ว่าอะไรเขาก็ยอมหมด
อันที่จริงแล้ว หลังจากที่ฉินสือโอวได้รับการรับประกันจากแมทธิว จิน เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงอาการออกมาทางน้ำเสียง แต่ในความเป็นจริงแล้วสีหน้าของเขากำลังเต็มไปด้วยความพอใจ
หกสิบเจ็ดล้าน เมื่อราคานี้ได้รับการตกลงแล้ว ท่านรัฐมนตรีก็ให้เขาหาเวลาไปที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อทำการจ่ายเงิน เขาได้แจ้งคนในนั้นไว้หมดแล้ว เมื่อไปถึงก็แค่แจ้งจุดประสงค์ของเขา และคนพวกนั้นก็จะดำเนินการให้ตามปกติ
เขาก็จะมีฟาร์มปลาเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง และที่นี่ก็จะกลายเป็ยสถานที่ตกปลาส่วนตัวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของแคนาดา ฉินสือโอวคิดว่าตอนนี้เขาควรได้รับตำแหน่งชาวประมงเยี่ยมยอด เขาไม่สามารถพึ่งพาหัวใจโพไซดอนในการทำประมงได้ เรื่องพวกนี้ต้องอ่านหนังสือและหาความรู้เพิ่มเติมเอาเท่านั้น
ตลอดทั้งวันเขาอยู่กับการพักผ่อนกับครอบครัว นอกจากพูดคุยกับเพื่อนในอินเทอร์เน็ตและเพื่อนสมัยเรียนทางอินเทอร์เน็ตเขาก็ไม่มีอะไรทำ จากนั้นเขาจึงอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดการฟาร์มปลาและวิธีการเลี้ยงปลา
ตอนนี้ฉินสือโอวเป็นบุคคลมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่เพื่อนร่วมชั้นเรียน เมื่อก่อนแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเขานั้นร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะร่ำรวยขนาดนี้ แต่ตั้งแต่จงต้าจวิ้นได้รับความช่วยเหลือจากเขา ธุรกิจของจงต้าจวิ้นก็เจริญรุ่งเรืองในประเทศเป็นอย่างมาก จนคนอื่นๆ พากันตื่นเต้นตามไปด้วย
ปลาแห้งที่จงต้าจวิ้นนำเข้ามาขายในตลาดนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาได้คุยธุรกิจนี้กับฉินสือโอวว่า เขาจะตั้งแผงย่างปลาด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะทำสัญญาค้าขายกับร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องการย่างปลา
ปลาย่างที่เขาทำไม่เหมือนกับปลาย่างแบบเสฉวนโบราณ แต่เขาย่างปลาด้วยถ่าน
ปลาแห้งพวกนี้มีรสชาติที่อร่อยและเนื้อแน่น เมื่อมาเจอเข้ากับเทศกาลบาร์บีคิวในช่วงฤดูร้อนแล้ว แผงขายปลาย่างก็เป็นที่นิยมขึ้นมาทันที โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาได้รับการปรึกษามาอย่างดีแล้ว ผู้คนต่างเข้ามาซื้อกันมากมาย เหล่านักชิมต่างพูดกันปากต่อปาก กิจการของจงต้าจวิ้นจึงรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของฉินสือโอวอย่างไร้ข้อกังขา หากทำธุรกิจนี้ดีๆ การทำเงินให้ได้หนึ่งล้านภายในหนึ่งปีไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แน่อนว่า หนึ่งล้านนี้ไม่ใช่หนึ่งล้านหยวน แต่คือหนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา
จำนวนปลาคาร์ฟเอเชียที่อยู่ในทะเลสาบเฉินเป่านั้นมีอยูมากมาย การค้าขายของจงต้าจวิ้นถือว่าเป็นแบบผูกขาด ตามแผนของฉินสือโอวแล้ว เขาทำเพียงขายปลาแห้งสู่ตลาดเท่านั้น
แต่จงต้าจวิ้นมีวิธีที่มากกว่านั้น เขาใช้วิธีการเข้าร่วม เขาสร้างแบรด์ให้ตัวเอง หลังจากนั้นก็เชิญชวนคนเข้ามาซื้อเฟรนไชส์ หลังจากที่ดองปลาแห้งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะส่งให้ร้านเฟรนไชส์ต่างๆ แบบนี้จะยิ่งทำให้ทำเงินมากขึ้น และเขาก็ไม่ต้องมาลำบากด้วย
ฉินสือโอวไม่ค่อยอยากทำตัวเป็นจุดสนใจเท่าไร ตั้งแต่วันที่เขาได้หัวใจโพไซดอนมาครอบครอง เขาก็ไม่เคยทำตัวไม่จริงใจกับเพื่อนฝูงเลย แน่นอนว่าการเสแสร้งที่มองไม่เห็นนั้นอันตรายที่สุด ภาพถ่ายและข่าวคราวของเขาในบางครั้งก็ทำให้เพื่อนร่วมชั้นสมัยก่อนรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง
แต่จงต้าจวิ้นกับเขาไม่เหมือนกัน เขาค่อนข้างชอบเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ สาเหตุมาจากการที่เขาเคยได้รับเรื่องน่าหงุดหงิดใจหลังจากที่เข้าสังคมมากเกินไป จนมาปัจจุบันนี้เขาก็ได้มีโอกาศทวงคืนบัลลังค์ แล้วจะไม่ให้เขายินดีปรีดาได้อย่างไร?
กลุ่มเพื่อนและเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขารู้ถึงความสามารถของฉินสือโอวดี ตอนนี้พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ติดต่อกับฉินสือโอว และหวังว่าจงต้าจวิ้นจะสนับสนันพวกเขาด้วยเช่นกัน
จงต้าจวิ้นได้รับเงินจนไม่หวาดไม่หวั่น เขาทำธุรกิจมาได้สองสามเดือน ตอนนี้มีทั้งรถและบ้าน แต่ว่ารถคันนี้เป็นของขวัญที่ฉินสือโอวให้เขาตอนที่เปิดร้าน เป็นรถออร์ดี้ เอแปดแอล ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ไฮเทคเป็นอย่างมาก
แต่ฉินสือโอวไม่มีลู่ทางอะไรที่จะทำให้คนอื่นๆ ร่ำรวยเลย เขามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการประมงก็จริง แต่ทางเดียวที่จะทำให้ร่ำรวยขึ้นมาได้ ก็คือการส่งอาหารทะเลต้าฉินไปให้เพื่อนๆ ขาย
ซึ่งแบบนั้นมันไม่คุ้มค่าเลย อันดับแรกคืออาหารทะเลต้าฉินมุ่งไปที่ตาลดระดับบน การขายเพื่อบริโภคในประเทศไม่เหมาะสม สองคืออาหารทะเลสามารถขายจนหมดได้ในยุโรปและอเมริกาเหนือ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับประเทศ
แต่ว่าตอนนี้เขากำลังจะได้รับฟาร์มปลาคาร์เตอร์ เมื่อฟาร์มปลาแห่งนี้ผลิตอาหารทะเลได้ แบรนด์อาหารทะเลต้าฉินก็จะเข้าครอบคลุมภูมิภาคเอเชียได้ทั้งหมด
ทำให้เขาโดนเพื่อนร่วมชั้นหมั่นไส้เล็กน้อย ฉินสือโอวไม่กล้าที่จะออนไลน์เลย ใครถามก็ตอบแต่ว่าพาภรรยาขึ้นเขาไปพักผ่อนจึงไม่มีสัญญาณ แต่อันที่จริงแล้วเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านและทำเพียงแค่อ่านหนังสือเท่านั้น
เขานั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หวาย ประตูห้องนั่งถือถูกเปิดออกช้าๆ จากนั้นหัวเล็กๆ ก็โผล่เข้ามา เป็นเถียนกวาที่โผล่หัวที่มีผีเสื้อติดอยู่บนผมยื่นเข้ามา
เมื่อเห็นดวงตากลมโตของลูกสาวมองมายังเขา ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา เขากวักมือเรียกลูกสาวให้เข้ามาในอ้อมกอดและพูดขึ้นว่า “เด็กน้อย ทำไมไม่ไปหาหม่าม๊ากับน้องชายของลูกล่ะ? หนูคิดถึงปาป๊าเหรอคะ?”
เถียนกวาก้มหน้าถอนหายใจเลียนแบบผู้ใหญ่ แล้วลากเสียงยาวถามออกมาว่า “ปาป๊า เมื่อไหร่พวกเราจะกลับบ้านคะ?”
“แล้วที่นี่ไม่ใช่บ้านเหรอคะ?” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม
เด็กน้อยเม้มปากพลางชี้นิ้วไปมาไปยังทิศทางของเกาะแฟร์เวล “หนูไม่ได้หมายถึงบ้านหลังนี้ บ้านของเราจริงๆ ต่างหาก!”
ฉินสือโอวเข้าใจขึ้นมาทันที เด็กน้อยไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว เขาแตะที่ผีเสื้อที่อยู่บนหัวของเด็กน้อยแล้วพูดออกมาว่า “ทำไมล่ะ หนูไม่ชอบที่นี่เหรอ? ไม่อยากอยู่กับปเป๊าเหรอคะ?”
เด็กน้อยส่ายหัวไปมาแล้วปัดมือของฉินสือโอวออก เธอพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “อย่ามาแตะผีเสื้อของหนูนะ อันนี้คุณย่าทำให้หนู หนูน่ะชอบปาป๊ากับหม่าม๊าอยู่แล้ว และหนูก็ชอบบลูน้อยด้วย ชอบพี่ตั๋วตั่ว แต่ที่นี่ไม่มีใครเลย หนูไม่ชอบ”
ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเหมาเหว่ยหลง พลางพูดกลั้วหัวเราะว่า “เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย ปาป๊าจะให้พี่ตั๋วตั่วมาที่นี่ดีไหมคะ?”
เหมาเหว่ยหลงรับสาย แล้วรีบพูดอย่างรีบร้อนว่า “ถ้าแกมีเรื่องธุรกิจเร่งด่วนให้รีบพูดออกมาเลย หากไม่มีอะไรก็รีบๆ วางซะ ทางนี้มีเรื่องยุ่งมาก วันนี้ที่ฟาร์มในเมืองของฉันจะมีการพ่นยาฆ่าแมลง และมีเครื่องบินบินเข้าไปในเมืองแค่ลำเดียว ตอนนี้ใกล้ถึงตาฉันแล้ว”
ฉินสือโอวเปิดวีดิโอ ให้เหมาเหว่ยหลงเห็นบรรยากาศภูเขาสีเขียวและแม่น้ำใสสะอาดนอกบ้าน พลางพูดว่า “เป็นไง อิจฉาไหม? ฉันว่าแกไม่ต้องทำงานแล้วดีไหม? รีบมาหาฉันที่นี่เร็ว”
เหมาเหว่ยหลงตะโกนออกมาว่า “ฉันไม่มีเวลาจริงๆ ไม่ได้ยินที่ฉันบอกรึไง? ถ้าไม่ออกแรงตอนนี้ ต่อไปจะลำบากนะ….”
“งั้นแกให้เมียแกพาลูกสาวมาที่นี่หน่อยสิ แกไม่ต้องมาก็ได้” ฉินสือโอวจึงพูดออกมาตรงๆ
…………………………………………….