ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1889 การติดตามเรือซานโฮเซ
ฉินสือโอวก่อกวนเหมาเหว่ยหลง จนในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็หมดความอดทน เขารับปากว่าหลังจากพ่นยาและรดน้ำในฟาร์มเสร็จแล้ว เขาจะหาเวลาพาภรรยาและลูกๆ ไปเล่นที่บ้านหลังใหม่ในอุทยานของเขา
อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว เขาอยู่ในฟาร์มมาหนึ่งปีเต็มแล้ว และเขาก็ไม่สามารถอยู่อุดอู้อยู่ในฟาร์มได้อีกต่อไปแล้ว
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วบอกว่าฉินสือโอวนั้นเผด็จการเกินไป ใครที่ไหนเขาจะขึ้นไปซื้อบ้านอยู่ที่สูงๆ แบบนั้นกัน “แม่งเอ้ย ตอนนี้ราคาบ้านทั่วโลกขึ้นสูงเอาๆ แกนี่มันน่าด่าจริงๆ เพราะพวกแกเลยทำให้ราคาที่อยู่ถูกกระตุ้นขึ้น”
“อยากอยู่เที่ยวมากแค่ไหน ก็ให้รีบมา อีดอย่าง แกมาเร็วเท่าไหร่ ก็มีความสุขเร็วมากแค่นั้น ฉันและลูกสาวกำลังรอแกและลูกสาวแกอยู่นะ” ฉินสือโอวส่งโทรศัพท์มือถือให้เถียนกวา ส่วนอีกทางตั๋วตั่วก็รับโทรศัพท์มือถือมาเช่นกัน เด็กหญิงทั้งสองคนโบกมือให้กันอย่างตื่นเต้น จนทั้งสองฝ่ายเริ่มเมื่อยมือ
ด้วยใจที่สงบนิ่ง ฉินสือโอวมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ความสามารถในการเรียนรู้ของเขาดีขึ้น เพราะพลังโพไซดอนทำให้สมองของเขามีความทรงจำที่แม่นกว่าเดิม
หลังจากที่ศึกษาเกี่ยวกับนิเวศวิทยาอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นสภาพทางธรรมชาติที่เรียกว่าหิมะมหาสมุทร นั่นคือการที่ก้นมหาสมุทรเกิดรอยร้ายและมีแมกมาไหลออกมา หินหนืดนั้นจะดึงแร่ธาตุที่ดูดซึมได้ง่ายออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดแบคทีเรียสีขาวที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมากินแร่ธาตุพวกนั้นเป็นจำนวนมาก จากนั้นพวกมันก็จะเพิ่มจำนวนเป็นทวีคูณ จนทำให้ภูมิทัศน์ก่อตัวเหมือนหิมะตกอยู่ที่ก้นทะเล
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะทำให้ก้นทะเลเกิดหิมะ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช้หิมะจริงๆ แต่เป็นแบคทีเรียที่รวมตัวกันเป็นวงกว้างเท่านั้นเอง
ภาพในหนังสือนั้นทำให้เขาคุ้นเคย เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นมันจากที่ไหนสักที่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงตบหัวตัวเองเบาๆ เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ตอนที่ไปกอบกู้เรือซานโฮเซที่ทะเลแคริบเบียน
เขายังคงอ่าต่อไป ตามคำบอกเล่าในหนังสือว่า อาณานิคมพวกนี้ต่างจากการเกิดอาณานิคมเพียงชั้นเดียวจากแบคทีเรียทั่วๆ ไป พวกมันจะเพิ่มจำนวนชั้นไปเรื่อยๆ จนสามารถสร้างสะพานแบคทีเรียที่มีความสูงสิบกว่าเมตรจากก้นทะเลได้
แบคทีเรียพวกนี้ทำลายสภาพแวดล้อมทางทะเลได้อย่างรุนแรง เพราะว่าพวกมันจะเกาะติดอยู่บนสาหร่ายทะเลทุกชนิด พวกมันจะแย่งสารอาหารในน้ำทะเล สิ่งมีชีวิตรอบๆ จะถูกแบคทีเรียเหล่านั้นเข้ายึดอาณาเขต ถ้าพวกมันไม่หนี พวกมันก็จะตาย
ดังนั้น ถ้าหากว่าพบสะพานแบคทีเรียเหล่านี้ในบริเวณน้ำตื้น ชาวปนระมงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดหน้าน้ำบ่อยๆ เพื่อที่จะได้เห็นสภาพของโลกใต้ทะเลที่แท้จริง
เมื่อเห็นแบบนี้หัวใจของฉินสือโอวก็เต้นแรงขึ้นมา เขาจำได้ว่าแบคทีเรียที่เกิดขึ้นบริเวณทะเลแคริบเบียนนั้นกว้างขวางเป็นอย่างมาก อาจจะขยายไปเกือบหลายร้อยตารางเมตร ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
บิลลี่และเบลคเชื่อว่าเรือซานโฮเซนั่้นจมลงในทะเลแคริบเบียน แต่หลังจากที่เขากอบกู้เรือมาหลายครั้ง เขาไม่เคยเห็นซากของเรือซานโฮเซเลย หรือว่าเรือซานโฮเซจะถูกแบคทีเรียพวกนี้เกาะอยู่กันนะ?
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน พอมาคิดตอนนี้เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ เรือจมไม่สามารถหนีไปได้ เว้นแต่ว่าจะถูกน้ำทะเลทำให้พุพังไปจนหมด ไม่อย่างนั้นมันต้องร่องรอยเหลืออยู่ถึงจะถูก
พอมาคิดดูแบบนี้แล้ว เขาจึงให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปยังทะเลแคริบเบียน
ในตอนนั้นที่เข้าไปยังทะเลแคริบเบียนเขาไม่เจอซากเรือ เขาจึงคิดว่าไม่มีเรืออับปางอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีสัตว์ที่แข็งแกร่งมาอาศัยอยู่บริเวณนี้เลย ตอนนั้นมีเพียงแค่ปลาธรรมดาๆ อาศัยอยู่เท่านั้น ปลาพวกนี้อาจจะถูกกินหรือถูกตกไปแล้ว เขาจึงไม่ได้เข้าไปสำรวจโดยตรง
โชคดีที่ปัจจุบันนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถเคลื่อนตัวได้เร็วมาก ภายในหนึ่งคืน เขาก็สามารถไปถึงทะเลแคริบเบียนได้
เขาเจอเข้ากับหิมะมหาสมุทรเต็มๆ ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดสัมผัสออกไป สัมผัสทั้งแปดนี้เหมือนกับมังกรทั้งแปดตัว พวกมันแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มละสองตัว พวกมันเริ่มทำงานจากทุกทิศาง โดยเริ่มที่ทิศตะวันออกเป็นที่แรก
พลังจิดสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสองสายพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกันอย่าวรวดเร็ว ทำให้ใต้มหาสมุทรเกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาช้าๆ แต่เมื่อคลื่นเหล่านั้นปะทะเข้าพลังที่แข็งแกร่งขึ้นของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน คลื่นใต้น้ำพวกนั้นก็ปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับกำลังเกิดพายุหิมะอยู่ อาณาเขตของพวกแบคทีเรียไม่ได้มีอะไรยึดเกาะ เมื่อเจอคลื่นใต้น้ำปะทะเข้าไป พวกมันก็กระเพื่อมไปมาทั่วท้องมหาสมุทร
ฉินสือโอวทำความสะอาดแบคทีเรียใต้ท้องทะเลด้วยความเต็มใจ ตอนนั้นประตูก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง เถียนกวายื่นหน้าเข้ามาอีกรอบ
เขาบังคับพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ทำงานและหันมาถามกับเถียนกวาพร้อมรอยยิ้มว่า “หนูมีอะไรเหรอคะ?”
เถียนกวากะพริบตากลมโตของตัวเองปริบๆ แล้วถามออกมาอย่างฉะฉานว่า “ปาป๊า กำลังอ่านหนังสืออยู่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้วค่ะ ทำไมเหรอ?”
“งั้นปาป๊าเหนื่อยหรือเปล่า? กวากวาเอาน้ำมาให้ปาป๊าดื่มสักแก้วดีไหมคะ?” เเถียนกวาถาม
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมตอบด้วยความดีใจว่า “ดีแน่นอน รีบไปเอามาได้เลย”
ตึกๆๆ เสียงวิ่งดังไกลออกไป เขาพึ่งจะกระตุ้นพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้จัดการเก็บกวาดท้องทะเลทั้งหมดด้วยพลังของเขาทั้งหมดที่มี เสียงวิ่งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับถือแก้วใบใหญ่อยู่ในมือ เธอส่งแก้วให้พร้อมกับพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ปาป๊า หนูเอาน้ำผลไม้มาให้ หม่าม๊ากำลังคั้นอยู่”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขาดื่มน้ำเข้าไปสองอึก เถียนกวาเอามือท้าวคางพลางมองหน้าฉินสือโอว จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องไปอีกครั้ง ไม่นานเสียงฝีเท้าตึกๆ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของเธอถือถ้วยใบใหญ่ไว้ เธอพูดออกมาว่า “ปาป๊า หนูเอาน้ำเปล่ามาให้ ปาป๊าอยากดื่มน้ำเปล่าไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวแตะหัวของเถียนกวาด้วยความรักและพูดว่า “หนูนี่ช่างเองใจเสียจริง ปาป๊าชอบเถียนกวามากเลยล่ะ”
ดวงตากลมโตของเด็กหญิงมองไปยังผู้เป็นพ่อ พลางพูดว่า “งั้นปาป๊ารู้ไหมคะว่าเถียนกวาอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุขเลยสักนิด? มีเพียงน้องที่มีความสุข เถียนกวาอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนเลย เถียนกวาไม่อยากอยู่ที่นี่!”
ฉินสือโอวอุ้มเธอขึ้นมาบนตักแล้วพูดว่า “แต่ว่าพี่ตั๋วตั่วของลูกกำลังจะมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ปาป๊าเตรียมเฮลิตคอปเตอร์ไปรับพวกเขามาแล้วนะ คืนนี้พอหลับไปแล้ว เดาสิว่าพรุ่งนี้ลืมตาตื่นมาจะเจอใคร?”
“เจอพี่ตั๋วตั่วเหรอคะ?” เถียนกวาถามออกมาด้วยความคาดหวัง
“ไม่ใช่ หม่าม๊าของหนูต่างหากล่ะ” ฉินสือโอวทำลายความคาดหวังของลูกสาวของตัวเองอย่างไร้ความปราณี
หัวใจดวงน้อยๆ ของเถียนกวาไม่มีความสุขขึ้นมาทันที เด็กหญิงขมวดคุ้ยทำปากมุ่ยมองไปยังผู้เป็นพ่อเตรียมพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
ฉินสือโอวกำลังยิ้มกว้างออกมา แต่เมื่อเขากลับไปสนใจกับใต้ท้องทะเล เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้ใต้ท้องทะเลเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากนั้นโครงของเรือลำใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
แต่ว่าเขายังต้องออกไปข้างนอกเพื่อเรียกหู่จือและเป้าจือให้มาเล่นกับลูกสาวของตัวเองก่อน เมื่อปลอบใจลูกสาวเสร็จแล้ว เขาถึงจะกลับมาสนใจเรือลำใหญ่นี้อีกครั้ง
เรือขนาดใหญ่ลำนี้เต็มไปด้วยเสาเรือที่มีการตบแต่งแบบยุคศตวรรษที่สิบเจ็ด ในช่วงเวลานั้นเครื่องไม้เครื่องมือยังเป็นแบบดั้งเดิม การปรากฏตัวของเครื่องจักรไอน้ำเกิดขึ้นเมื่อเจ็ดสิบแแปดสิบปีก่อน การเดินเรือในมาสุมทรจำเป็นที่จะต้องอาศัยลมและกำลังคน ดังนั้นเรือบรรทุกขนาดใหญ่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ตัวเรือปกคุลมไปด้วยแบคทีเรียสีขาวที่เหมือนกับหิมะ ฉินสือโอวปัดแบคทีเรียกพวกนั้นออกจนสะอาด ทำให้เห็นซากเรือลำใหญ่นี้ได้ชัดขึ้น รวมถึงกล่องขนาดเล็กใหญ่มากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร
กล่องบางกล่องยังคงถูกปิดอยู่ และบางกล่องก็ถูกเปิดออกแล้ว กองเครื่องประดับสีดำเทาและเหรียญเงินทองกองอยู่รวมกันอย่างกระจัดกระจาย เนื่องจากเวลาผ่านมานานแล้ว พวกมันจึงถูกสนิทกินเนื่องจากโดนน้ำทะเลเป็นเวลานาน
แต่ฉินสือโอวรู้ว่า สิ่งของที่ดูน่าเกลียดพวกนั้น ล้วนแต่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้!
ในที่สุด เขาก็หาเรืออับปางที่หายสาบสูญไปแล้วกว่าสามศตวรรษ เรือซานโฮเซ!
……………………………………