ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 190 ฉินนักเล่นกล
เมื่อได้ยินฉินสือโอวตอบอย่างรวดเร็วอย่างนี้ ผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นก็ดีใจขึ้นมา จึงรีบถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่านี่คือวิธีแก้ปัญหาปลาคาร์ฟเอเชียที่มาทำลายระบบนิเวศที่ถูกวิธีหรือเปล่าคะ?”
เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐต่างก็มองไปที่ฉินสือโอวอย่างลุ้นระทึก ฉินสือโอวยักไหล่แล้วแอบพูดในใจว่าขอโทษนะเพื่อนฝูง อย่างไรเสียพวกฉันก็ไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรจากพวกนาย ดังนั้นอะไรที่ควรพูดก็ต้องพูดล่ะนะ พวกนายบอกว่าแคนาดาเป็นประเทศประชาธิปไตยนี่ใช่ไหม? งั้นสิ่งที่ฉันอยากพูด ก็จะไม่เก็บไว้ล่ะ
“น่าเศร้าครับ คุณผู้หญิง ผมคงต้องบอกข่าวร้ายกับคุณแล้ว นั่นก็คือนี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกครับ วิธีนี้ช่วยเหลือการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียได้ไม่มากเท่าไรเลย”
“พวกผมรู้ดีครับ ว่าประสิทธิภาพของการใช้อวนล้อมจับปลานั้น ขึ้นอยู่กับการตรวจหาปลาและทักษะในการดึงแหขึ้นมา แต่ว่า ในเมืองเล็กๆของพวกผมนั้น ทักษะการตรวจหาปลายังมีไม่มากพอ ทำให้ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวปลาค่อนข้างมาก”
“เพราะที่นี่นั้นพวกเราไม่มีเทคโนโลยีหาปลาและอุปกรณ์จับปลาที่ทันสมัยพอ ดังนั้น การที่ดึงอวนขึ้นมาแล้วมีแต่อวนว่างเปล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้”
“ในขณะเดียวกัน เนื่องจากการใช้อวนล้อมจับปลานั้นมีวิธีการที่ยุ่งยาก การจะให้ปลาที่เคลื่อนที่อยู่ว่ายมารวมอยู่ในอวนที่มีความยาวและความกว้างที่จำกัดในเวลาอันสั้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น การใช้วิธีนี้มาแก้ปัญหาปลาคาร์ฟเอเชีย จึงไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก“
ฉินสือโอวพูดออกมาเป็นฉากๆ แฮมเล็ตยืนอึ้ง โถเพื่อน พูดอย่างนี้ก็เท่ากับโยนความผิดมาให้ฉันไม่ใช่เหรอ?
ผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นฟังอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นเป็นอย่างนี้ ฉินสือโอวจึงพูดต่อว่า “แต่การที่พวกเราใช้วิธีนี้ในการจับปลา ก็เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกครับ เพราะนี่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเราทำได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องพึ่งวิธีการปล่อยสารพิษลงในทะเลสาบแทน แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะทำให้ปลาท้องที่ได้รับผลกระทบไปด้วย แล้วยังส่งผลต่อน้ำที่ใช้ในการบริโภคของคนในเมืองด้วย ซึ่งคงทำไม่ได้”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ?” ผู้สื่อข่าวหญิงถามด้วยเสียงเศร้า
ฉินสือโอวพูดว่า “มีอีกวิธีคือใช้ปืนแรงดันน้ำปล่อยคลื่นเสียงให้ฝูงปลาตกใจ ทำให้พวกมันตกใจจนตายไม่ก็ตกใจจนอยู่ไม่เป็นสุข แต่แน่นอนว่าวิธีนี้ค่อนข้างสุดโต่งเกินไป ความจริงผมมีอีกวิธีหนึ่งครับ คุณก็เห็นว่าผมเป็นคนจีน ปลาคาร์ฟเอเชียพวกนี้ คนในประเทศนี้มองพวกมันเป็นตัวทำลาย แต่ในประเทศของผมนั้น กลับเป็นอาหารจานเด็ดที่หาได้ยากมาก”
เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐยืนฟังอยู่ข้างๆตลอดเวลา ประเทศแคนาดาเมื่อเทียบกับประเทศจีนแล้ว มีข้อดีในด้านการเมืองอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือเจ้าหน้าที่รัฐของพวกเขาค่อนข้างฉลาด เจ้าหน้าที่พวกนี้รับผิดชอบดูแลเรื่องการทำลายระบบนิเวศของปลาคาร์ฟเอเชีย พวกเขาจึงเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับปัญหานี้อยู่แล้ว
ถึงตอนนี้ พอฉินสือโอวพูดถึงวิธีการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ คุณครับ คุณคือชาวจีนใช่ไหมครับ? พวกเราก็เคยคิดใช้วิธีนี้เหมือนกัน คือนำปลาคาร์ฟเอเชียที่จับได้นั้นแช่แข็งแล้วส่งไปที่ประเทศของคุณ แต่คนในประเทศคุณนั้นกลับชอบกินปลาสด ปลาคาร์ฟเอเชียที่ขนส่งไปนอกจากจะไม่มีการได้เปรียบด้านราคาแล้วยังเป็นแบบแช่แข็งอีก ทำให้ยอดขายย่ำแย่ตลอดมา”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ฉินสือโอวยิ้มอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “ในประเทศผมมีคำเก่าแก่อยู่ว่า ‘หากภูเขาไม่เดินมาหา งั้นคุณก็เดินไปหาภูเขาแทนสิ’ ลองคิดอีกแง่หนึ่งครับ คนในประเทศผมชอบกินเนื้อปลาสด งั้นก็ให้พวกเขามาลิ้มรสปลาคาร์ฟเอเชียที่แคนาดาสิครับ ออกโครงการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ให้นักท่องเที่ยวมาทานปลาที่แคนาดา”
เมื่อพูดจบ ฉินสือโอวก็ยักคิ้วให้แฮมเล็ต แอบพูดในใจว่า ตาแก่แฮมสู้เข้าไว้ ฉันช่วยนายได้เท่านี้ล่ะ
แฮมเล็ตเหมือนถูกยกเขาออกจากอก เขาเพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่าคำพูดก่อนหน้าของฉินสือโอที่สาธยายต้นเหตุนั้น ก็เพื่อเป็นการปูทางไว้ก่อนนี่เอง เป็นการปูทางให้เปิดโครงการให้เกาะแฟร์เวลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว
เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐต่างก็หัวเราะให้กับคำแนะนำของฉินสือโอว นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในแคนาดาจะมีปลาคาร์ฟเอเชียสักเท่าไรกันเชียว? แล้วจะมีนักท่องเที่ยวกี่คนกันที่จะออกนอกประเทศเพียงเพื่อมากินปลา?
แต่ว่า พวกเขาไม่รู้ นี่อาจไม่ได้นำประโยชน์มากมายให้กับประเทศแคนาดาทั้งประเทศ แต่สำหรับด้านการท่องเที่ยวในเกาะแฟร์เวลนี้นั้น ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
เรื่องราวก็ได้จบลง เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้สื่อข่าวเริ่มทำการสัมภาษณ์คนอื่นๆ แฮมเล็ตเดินเข้ามาใกล้ฉินสือโอว พูดเสียงเบาว่า “ฉิน นายนี่หัวไวจริงๆ มิน่าถึงมีคนบอกว่าพวกนายคนจีนกับชาวยิวนั้นถูกยกให้เป็นชาติที่ฉลาดที่สุดในโลก ฉันคิดว่านายเหมาะจะเป็นนายกเทศมนตรีมากกว่าฉันนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ขอผ่านดีกว่าครับ ผมคิดว่าผมเหมาะกับการเป็นเจ้าของฟาร์มปลามากกว่า”
พูดจบ เขาเห็นนีลเซ็นกำลังแกะอวนแหที่พันกันอยู่ออก จึงกระโดดขึ้นเรือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโลดโผนว่า “ไปเถอะ เพื่อนฝูง ขึ้นเรือ ทำงานกันต่อ!”
การจับปลาครั้งนี้แม้จะเป็นการแสดงแต่ก็ต้องแสดงต่อให้จบ กระทรวงเกษตรและเจ้าหน้าที่แคนาดาพวกนี้ไม่ได้มาเพียงแค่ดูงานเท่านั้น พวกเขายังต้องทำรายงานสรุปผลจำนวนปลาคาร์ฟเอเชียของเกาะแฟร์เวลที่ถูกจับได้และผลสรุปโดยรวมของโครงการในครั้งนี้ แม้แต่แฮมเล็ตเองก็ต้องเขียนรายงานด้วยเช่นกัน
ฉินสือโอวทำสงครามกับพวกปลาในทะเลสาบเฉินเป่ามาทั้งวันแล้ว จับปลาคาร์ฟเอเชียได้ประมาณสองร้อยกว่าตัว เขาคัดปลาซ่งและปลาค็อดที่รสชาติอร่อยที่สุดออกมาจำนวนหนึ่งนำกลับไปที่ฟาร์มปลา ส่วนปลาอื่นๆเช่นปลาคาร์ฟสีดำ ปลาเฉาฮื้อ และปลาลิ่มล้วนถูกขนขึ้นเรือลำเลียงไป ปลาพวกนี้จะต้องส่งไปให้กับโรงงานผลิตปุ๋ยและโรงงานผลิตอาหารสัตว์ต่อไป
คืนวันที่สอง ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์จากแฮมเล็ต เขานึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นอีกแล้ว แต่แฮมเล็ตกลับบอกให้เขาเปิดช่องออนไลน์ของออตตาวา หลังจากเขาเปิดดู ในช่องกำลังฉายรายการโชว์ที่มีชื่อว่า ‘หนทางของการต่อต้านปลา’
ฟังจากชื่อก็รู้ได้ทันที ว่ารายการนี้กำลังพูดถึงวิธีการและผลสรุปในการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียทั่วแคนาดา แต่ทว่าไม่นาน เขาก็เห็นภาพตัวเองในนั้นด้วย
ฉินสือโอวเป็นหนึ่งในห้าผู้ถูกสัมภาษณ์ที่สำคัญที่สุดในรายการวันนี้ ทางช่องฉายภาพของเขาอยู่ประมาณสองนาทีครึ่ง มีภาพตอนที่เขากำลังจับปลา และก็มีตอนที่เขาถูกสัมภาษณ์โดยผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นด้วย
ตอนนี้ฉินสือโอวดีใจขึ้นมา เขานอนดีอกดีใจอยู่บนโซฟาแล้วคิด ตอนนี้ก็เท่ากับว่าตัวฉันเคยออกทีวีแล้ว ความคิดที่อยากจะเป็นคนอวดตัวเองของเขาก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มีความสุขคนเดียวคงไม่ได้ต้องแบ่งปันความสุขนี้ให้คนอื่นด้วย เขาจึงรีบกรอรายการกลับแล้วอัดเก็บไว้ กะว่าจะส่งไปให้ที่บ้านดู ให้พ่อแม่ได้เห็น ว่าตอนนี้ลูกชายของพวกท่านได้ออกทีวีแล้วนะ
เป็นอย่างที่คิดไว้ วันต่อมาหลังจากเขาส่งวิดีโอให้พี่สาวทางคิวคิว พี่สาวของเขาเปิดให้พ่อแม่ดู คนแก่สองคนที่ดูวิดีโอต่างก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ลงกันเลย
ในสายตาคนแก่นั้น การที่ลูกชายได้ออกทีวีก็เท่ากับว่าเขาประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าการได้เป็นเจ้าของฟาร์มปลาอะไรนั่นอีก
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณชายฉินที่ประสบความสำเร็จแล้วในสายตาพ่อแม่นั้น กลับกำลังทำเรื่องไร้สาระอยู่ นั่นก็คือการเล่นมายากล
ฉินสือโอวเรียกเออร์บัก ชาร์คและคนอื่นๆมาเพื่อจะบอกว่าตัวเองจะเปิดประชุม เมื่อคนมากันครบแล้ว เขาพูดว่า “พวกนายมีใครเล่นมายากลเป็นบ้างไหม? มายากลประเภทที่ว่าเสกดอกกุหลาบออกมาได้ในพริบตาน่ะ?”
ชาร์คถามด้วยท่าทีงุนงงว่า “ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณครับ บอส เสกดอกกุหลาบมาทำไมครับ? แล้วเกี่ยวอะไรกับฟาร์มปลาครับ?”
นีลเซ็นปัดมือแล้วพูดด้วยท่าทีเซ็งๆว่า “นายต้องหัดใช้สมองคิดเสียบ้าง เพื่อนฝูง เห็นได้ชัดเลยว่าบอสอยากจะจีบสาว”
ฉินสือโอวทำหน้าเขินแล้วยิ้ม ใช่แล้ว เขากะจะเซอร์ไพรส์วินนี่
ชาร์คถึงบางอ้อเลยทันที พูดว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นคุณต้องถามฮิวจ์คนน้องครับ หมอนั่นต้องรู้เรื่องพวกนี้แน่นอนครับ ขอแค่เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขารู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เออร์บักและคนอื่นๆก็หัวเราะกันขึ้นมา และเห็นด้วยกับคำพูดของชาร์ค “ใช่แล้ว ฮิวจ์คนน้องเป็นพวกอัจฉริยะด้านเรื่องไร้สาระ เรื่องทำนองนี้เขาชำนาญทุกเรื่องแน่นอน”
ฉินสือโอวไปหาฮิวจ์คนน้อง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ฮิวจ์คนน้องฟังแล้วก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ง่ายมากเลย ฉิน ตามฉันมา ฉันจะสอนนายให้เป็นในวันเดียวเอง”
…………………………………………………..