ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 191 เฮ้ หวานใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ถึงวันหยุดของวินนี่แล้ว เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่โทรอนโต หลังจากไฟลท์นี้แล้ว เธอก็จะมีวันหยุดถึงสิบวัน
หลังจากยิ้มส่งผู้โดยสารลงเครื่องแล้ว วินนี่รู้สึกโล่งใจ เก็บของลงกระเป๋าสัมภาระอย่างดีใจ
แอร์โฮสเตสผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามาลูบไปที่สะโพกของเธอ แล้วพูดแหย่เธอว่า “คุณหัวหน้า ดูสีหน้าท่าทางคุณสิ หวานเสียจนแทบจะหยดลงมาเป็นน้ำผึ้งแล้ว นี่คือจะหยุดพักร้อนหรือไปหาแฟนกันแน่คะ?”
“คาร์ลี่ คำพูดนี้ของเธอฟังดูน่าขันจริง ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดพร้อมกันไม่ได้เหรอ?” แอร์โฮสเตสอีกคนก็พูดขึ้น
วินนี่ผลักคาร์ลี่ออก พูดเสียงแข็งว่า “สาวๆ ทั้งหลาย รีบเก็บของไปพักผ่อนกันได้แล้ว ทุกครั้งที่บินเสร็จพวกเธอก็เอาแต่บ่นว่างานหนักไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมครั้งนี้ถึงดูสบายๆ จัง?”
คาร์ลี่รู้นิสัยใจคอของวินนี่ดี พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ปกติก็ชอบคุยเล่นกันอยู่แล้ว เธอจึงกอดไปที่เอวบางๆของวินนี่แล้วถามต่อว่า “พวกเราไม่กลับหรอก บอกมาเถอะค่ะ คุณผู้หญิง พูดความจริงมา คุณมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?”
แอร์โฮสเตสอีกคนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว้าว พระเจ้า เจ้าหญิงวินนี่ผู้มีหัวใจอันบริสุทธิ์ของพวกเราก็มีวันที่หวั่นไหวด้วยเหรอ? งั้นฉันต้องดูหน่อยแล้ว ว่าผู้ชายแบบไหนกันที่สามารถเอาชนะใจที่แข็งเหมือนน้ำแข็งของเธอได้?”
“ฉันเดาว่าต้องเป็นดาราชายที่หน้าตาหล่อคนหนึ่งแน่ เหมือนออร์แลนโด บลูมไง”
ออร์แลนโด บลูมก็คือหนุ่มหล่อที่รับบทเป็นเอลฟ์หน้าหล่อในหนังเรื่อง ’ลอร์ดออฟเดอะริง’ ในแคนาดานั้นเขาดังเรทติ้งพุ่งแรงมากเลยทีเดียว
“ความหล่อจะมีประโยชน์อะไร สามารถกินแทนข้าวได้เหรอ? ฉันเดาว่าต้องเป็นเศรษฐีหนุ่มอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก!”
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กคือผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กที่มีชื่อเสียง เป็นหนุ่มโสดที่มีชื่อเสียงจากอเมริกาเหนือ และยังเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ด้วย
เพียงครู่เดียว เหล่าแอร์โฮสเตสก็แบ่งกันเป็นสองฝ่าย ต่างถกกันเรื่องเป็นแฟนหนุ่มหน้าตาดีหรือรวยกันแน่
วินนี่ยิ้มแล้วส่ายหัว เธอเก็บของเสร็จ ก็ลากกระเป๋าเดินทางสีฟ้าเดินลงเครื่องบิน จากนั้นก็โบกมือลาเพื่อนร่วมงานที่กำลังถกกันอยู่ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวๆ ไปก่อนนะ ไม่ต้องคิดถึงฉันมากล่ะ อีกอย่าง ฉันขออวยพรให้พวกเธอได้เจอเจ้าชายขี่ม้าทองคำในเร็ววัน”
เธอเดินสง่างามออกมาจากสนามบิน เพิ่งถึงประตูทางออก ก็มีคนหนุ่มหน้าตาดีสวมเสื้อนอกอามานี่เดินเข้ามาทักทายอย่างมีมารยาท ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ พูดว่า “สวัสดีครับ คุณวินนี่ ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนครับ? ถ้าไม่รังเกียจขอผมไปส่งคุณได้ไหมครับ?”
วินนี่ยิ้มเบาๆ แล้วพูดแก้ให้ว่า “สวัสดีค่ะ คุณ เรียกดิฉันว่า ’คุณเซโรวา’ ค่ะไม่ใช่ ’คุณวินนี่’ ดิฉันขอบคุณในน้ำใจค่ะ แต่ฉันคิดว่าเราคงไม่ได้ไปทางเดียวกันหรอก”
“คุณจะไปไหนครับ? เว้นแต่ว่าคุณจะไปสวรรค์ ไม่งั้นผมว่าเราน่าจะไปทางเดียวกันนะครับ” ชายคนนั้นยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูด ชูมือขึ้นมาสะบัดทีหนึ่ง แกว่งกุญแจรถพอร์ชไปมา
วินนี่ยักไหล่ หัวเราะฮิฮิว่า “น่าเสียดายนะคะ ฉันจะไปสวรรค์ของฉันค่ะ”
พูดจบ เธอก็เร่งฝีเท้าเดินออกจากประตูทางออกทันที ตอนนี้นั่นเองก็มีคนเสียงตะโกนเรียกเธอดังขึ้นมาว่า “เฮ้ หวานใจ ทางนี้”
วินนี่กวาดสายตามองไปในกลุ่มคน มองหาเสียงเรียก แล้วใบหน้าเรียวสวยนั้นก็เผยสีหน้าความประหลาดใจออกมา
ชายหนุ่มคนเมื่อกี้ยังตามหลังมา พอเขาเดินออกประตูมาก็เห็นหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังชูกระดาษขาวใบหนึ่งอยู่ บนกระดาษมีชื่อที่เขียนด้วยปากกาว่า ‘วินนี่ เซโรวา’ เมื่อคิดย้อนกลับไปตอนหนุ่มคนจีนคนนี้เรียกชื่อวินนี่บวกกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของวินนี่แล้ว เขาก็พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว จึงได้แต่ส่ายหัวอย่างหมดหวังแล้วจากไป
วินนี่เดินย่ำรองเท้าส้นสูง ’ตึกๆ’ รีบเดินเข้าไปหาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถือว่าคุณเป็นคนดีนะ มารับฉันถึงโทรอนโตเลย”
ฉินสือโอวส่ายกระดาษในมือไปมา แล้วพูดว่า “แน่นอน….”
เขาเพิ่งพูดจบ กระดาษในมือก็เกิดไฟลุกขึ้นมา วินนี่ตกใจสุดขีด เมื่อตั้งตัวไปจึงรีบยื่นมือไปช่วยดับเปลวไฟในมือของเขา ตะโกนว่า “พระเจ้า รีบทิ้งมันเร็ว…..”
ฉินสือโอวยิ้มเบาๆ เขาดีดนิ้วทีหนึ่ง ทันใดนั้นเปลวไฟก็หายไป กลายเป็นดอกกุหลาบดอกหนึ่งขึ้นมากกลางเปลวไฟที่อยู่บนมือแทน ราวกับว่าดอกกุหลาบนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น
ดอกกุหลาบดอกนี้ไม่ใช่ดอกกุหลาบสีแดงหรือสีน้ำเงินทั่วไป แต่เหมือนเป็นสายรุ้งที่หมุนวนอยู่รอบๆ แต่ละกลีบจะมีสีไม่เหมือนกัน มีสีตั้งแต่สีแดงสดไล่สีไปเป็นสีเหลืองและสีเขียวไล่สีไปเป็นสีฟ้าและสีม่วง เป็นดอกไม้สายรุ้งราคาแพงจากฮอลแลนด์ที่ฉินสือโอวตั้งใจซื้อมา
“ดอกนี้ให้คุณ” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม
วินนี่ดึงมือกลับมาปิดปาก เธออึ้งมองฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ ฉินสือโอวยื่นดอกไม้มาตรงหน้าเธอ เธอถึงจะรับมันมา ปิดตาสูดหายใจลึกๆ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “ว้าว หอมมากเลย!”
กุหลาบสีรุ้งคือกุหลาบที่คนดัดแปลงโดยการเติมสีลงไประหว่างปลูก โดยใช้ดอกกุหลาบขาวเป็นสีพื้น ระหว่างปลูกก็ฉีดพวกแอนโทไซยานิน แคโรทีน และคลอโรฟิลล์(สีสำหรับฉีดให้พืชเพื่อให้มีสีสันสวยงาม) หลังจากสีทั้งสามมีการรวมสีกันแล้ว ก็จะได้สีสันที่หลากหลายอย่างที่เห็นอยู่นี้
มือข้างหนึ่งของฉินสือโอวช่วยวินนี่ลากกระเป๋า อีกข้างโอบกอดเธอไว้ ผู้คนรอบๆต่างก็พากันปรบมือ ยังมีคนผิวปากชื่นชมด้วย
แต่ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนรีบวิ่งเข้ามา หนึ่งในนั้นยังถือถังดับเพลิงมาด้วย
ชายแก่ผิวขาวคนหนึ่งที่ยืนข้างฉินสือโอวพูดแหย่เขาว่า “ไอ้หนุ่ม ดอกกุหลาบในเปลวไฟน่ะโรแมนติกก็จริง แต่ว่าก็สร้างปัญหาใหญ่ด้วยนะ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามา ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ไฟล่ะครับ? ตรงไหนที่ไฟไหม้?”
ฉินสือโอวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว เขาลืมเรื่องกฎเรื่องความปลอดภัยของสนามบินแคนาดาไปเสียสนิท แล้วรีบอธิบายว่า “ใจเย็นครับ ใจเย็น เพื่อนฝูง ไม่มีไฟไหม้หรอกครับ แหะๆ ก็แค่เมื่อกี้ผมไม่ทันระวังเลยทำให้ไฟไหม้กระดาษครับ”
วินนี่ก็ช่วยเขาอธิบาย อาการตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงคลายลง เพราะวินนี่นั้นถือว่าเป็นแอร์โฮสเตสที่โดดเด่นของสายการบินแคนาดา เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างก็รู้จักเธอ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำความเข้าใจกับสถานการณ์สักพัก เขาเห็นดอกกุหลาบในมือวินนี่ แล้วหันไปพูดกับฉินสือโอวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “คุณครับ ตอนนี้คุณได้ฝ่าฝืนกฎการรักษาความปลอดภัยของทางสนามบิน รบกวนไปกับเราเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ”
ฉินสือโอวยิ้มแหยทีหนึ่ง จำใจเดินตามไป เจ้าหน้าที่อีกคนที่อายุน้อยกว่าเดินอยู่ข้างหลัง แล้วพูดอธิบายกับเขาเสียงเบาว่า “คุณครับ เชิญคุณให้ความร่วมมือกับเราเถอะครับ ใครใช้ให้คุณเอาชนะใจ ‘เจ้าหญิงแห่งแคนาดาแอร์ไลน์’ของเราไปกันล่ะ? วินนี่เป็นหญิงในฝันของหนุ่มโสดทุกคนที่นี่เลยนะครับ”
ฉินสือโอวพูดกับวินนี่ว่า “ดูสิ คุณทำให้ฉันติดร่างแหไปด้วย”
วินนี่แลบลิ้นใส่เขา แล้วพูดอย่างได้ใจว่า “ใครใช้ให้คุณเล่นไฟในสนามบินกัน? อ้อ คุณทำอย่างไรถึงทำให้ดอกกุหลาบผุดออกมาจากเปลวไฟได้คะ?”
นี่ก็คือมายากลเล็กๆน้อยๆที่เขาตั้งใจไปเรียนกับฮิวจ์คนน้องมา วิธีการง่ายมาก เริ่มจากห่อดอกกุหลาบให้เรียบร้อยแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นมัดด้ายที่มองไม่เห็นมัดไว้ตรงหัวท้ายของดอกไม้ แล้วก็มัดปลายเชือกอีกด้านไว้ที่แหวนที่อยู่บนมืออีกข้าง
เมื่อถึงตอนที่ไฟกำลังลุก ความสนใจของวินนี่ก็จะอยู่ที่เปลวไฟ เวลานี้เขาก็รีบกระตุกเชือก ให้ดอกกุหลาบเด้งออกมาแค่นี้ก็ได้แล้ว แม้ทฤษฎีจะฟังดูง่าย แต่ต้องแสดงสีหน้าให้แนบเนียน และต้องไว ฉินสือโอวใช้เวลาสี่ห้าวันถึงจะสามารถทำได้อย่างตอนนี้
การตรวจสอบค่อนข้างเรียบง่าย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาเขาไปที่สถานีตำรวจในสนามบิน ฉินสือโอวบอกไปว่าตัวเองไม่ทันระวังจึงจุดไฟไปที่กระดาษ วินนี่เป็นพยานให้เขา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติประกันสังคม ประวัติการเสียภาษีและประวัติอาชญากรรมของฉินสือโอว จากนั้นก็ปล่อยเขากลับ
ในบรรดาประวัติพวกนี้ ประวัติที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือการที่ฉินสือโอวเคยบริจาคเงินให้กับงานการกุศลที่เหล่าดารามารวมตัวจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นมะเร็งสมองในบอสตัน ประวัติการบริจาคเงินในครั้งนั้นได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติการตรวจสุขภาพของเขาด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นอย่างนี้ก็คงไม่มีอะไรให้พูดแล้ว
ฉินสือโอวไม่มีใบขับขี่ ขับรถเองไม่ได้ จึงเรียกรถไปส่งที่โรงแรม
………………………………………………