ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 194 อาหารค่ำที่แสนจะมีความสุข
ชาร์คและคนอื่นๆ รู้ว่าฉินสือโอวได้ไปรับวินนี่ เมื่อเห็นฉินสือโอวเป็นเช่นนี้พวกเขาก็รู้เลยว่าวินนี่ได้มาถึงแล้ว
ทันทีหลังจากนั้นวินนี่ก็ได้เดินลงมา แต่หลังจากนั้นเธอก็กลับไปเอาเสื้อคลุมผ้าชีฟองตัวหนึ่งมาสวมที่ตัว ด้วยเหตุนี้ทำให้ไหล่อันอวบอิ่มที่โชว์ออกมาด้านนอกเมื่อสักครู่นี้ได้ถูกปิดคลุมไว้ และยังมีผ้าโปร่งสีขาวเสริมให้เด่นขึ้น กระโปรงโบฮีเมียนยาวที่เย็บได้อย่างประณีต ช่างดูสวยแบบมีระดับมาก
“ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น สวัสดีทุกคน คิดถึงพวกคุณมากเลย” วินนี่เข้ามาสวมกอดพวกเขาทีละคน สุดท้ายเมื่อมาอยู่ตรงหน้าอีวิลสัน เธอเงยหน้ามองชายร่างใหญ่ที่มีท่าทางโง่เขลาอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “เฮ้เพื่อน ยังจำฉันได้ไหม?”
อีวิลสันขมวดคิ้ว มองไปที่วินนี่และส่ายหน้าอย่างช้าๆ
วินนี่จึงพูดด้วยความผิดหวังขึ้นว่า “อ้อ ไม่ คุณยักษ์ คุณลืมแล้วเหรอว่าในวันวิคตอเรียใครเป็นคนพาคุณไปเลี้ยงพิซซ่า?”
“บอสไง” อีวิลสันพูดด้วยความมั่นใจ
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างพึงพอใจ เขาเข้ามาโอบอีวิลสันไว้และพูดอย่างเบิกบานใจขึ้นว่า “ใช่แล้ว ไอ้เพื่อนฉัน บอสเป็นคนพานายไปเลี้ยงพิซซ่าเอง?”
เมื่อเห็นฉินสือโอวยิ้ม อีวิลสันจึงยิ้มอย่างปัญญาอ่อนขึ้นมาเช่นกัน
ผ่านไปสักครู่ พวกเด็กๆพาวลิสทั้งสี่คนก็กลับมาจากโรงเรียน เมื่อพวกเขาวิ่งกลับมาที่วิลล่าก็มองเห็นวินนี่กับเออร์บักนั่งคุยเฮฮากันอยู่ที่โซฟาพอดิบพอดี
ด้วยเหตุนี้ เด็กทั้งสี่คนที่กำลังเตรียมตัววิ่งเข้าไปในวิลล่าก็ต้องเบรกอย่างฉุกเฉินและรวมกันอยู่ที่ประตูทางเข้า มองไปที่วินนี่อย่างขี้ขลาดเล็กน้อย
เมื่อวินนี่มองเห็นพวกเขาทั้งสี่คน เธอจึงดีดนิ้วและเดินขึ้นข้างบนไป
เมื่อพบเจอเช่นนี้ เชอร์ลี่ย์จึงตกใจกลัวและเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฉิน พี่วินนี่ไม่ชอบพวกเราเหรอ?”
ฉินสือโอวยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกมา เออร์บักก็ได้แย่งพูดขึ้นมาก่อนว่า “จะเป็นไปได้ยังไง พี่วินนี่ของพวกเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลย”
ฉินสือโอวได้พูดขัดเขาออกมาว่า “นี่ ทำไมพวกเธอไม่ถามความคิดเห็นฉันก่อนล่ะ? ฉันจำได้ว่าเด็กเวรอย่างพวกเธอทั้งสี่คนเรียกฉันว่าลุงฉินตลอดเลย ทำไมทีวินนี่ถึงเรียกว่าพี่วินนี่ล่ะ?”
กอร์ดอนเกาที่ท้ายทอยและพูดอย่างเปิดเผยออกมาว่า “พี่วินนี่เหมือนกับพี่สาว แต่คุณเหมือนกับลุง”
พาวลิสจึงโผล่ออกมาและพูดแก้ต่างให้กับฉินสือโอวขึ้นว่า “อย่าคิดมากเลยลุงฉิน กอร์ดอนไม่ได้หมายความว่าคุณดูแล้วเหมือนคนแก่”
ฉินสือโอวยักไหล่อย่างจนปัญญาและเอ่ยออกมาว่า “ขอบใจที่นายปลอบฉัน พาวลิส นายทำให้ฉันเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นจริงๆ”
‘กึกกึก กึกกึก’ เสียงรองเท้าส้นสูงของวินนี่กระทบไปที่พื้นบ้านดังออกมา เธอถือกล่องของขวัญเล็กๆสี่กล่องไว้และรีบเดินลงมา เธอหยุดยืนที่ตรงหน้าของเด็กทั้งสี่คน หลังจากที่เธอนั่งยองๆลงแล้วก็ได้เอากล่องของขวัญเล็กๆสีชมพูยื่นให้กับเชอร์ลี่ย์ก่อน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “สาวน้อยคนสวย ดูสิว่าเธอชอบของขวัญที่พี่เอามาฝากไหม?”
“แกะตอนนี้ได้เลยเหรอคะ” เชอร์ลี่ย์ลองเอ่ยถาม
วินนี่โอบกอดเธอไว้แล้วจูบไปที่บนหน้าผากของเธอหนึ่งที และเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอนสิจ๊ะ สายน้อยน่ารักของฉัน”
ต่อจากนั้น เธอก็ได้ส่งกล่องของขวัญที่เหลืออีกสามกล่องให้กับพาวลิส กอร์ดอนและมิเชล
พาวลิสได้เริ่มเปิดกล่องของขวัญออกมา ด้านในคือหมวกแข่งรถที่มีสัญลักษณ์รูปดาวใบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมวกเบสบอล แต่ว่ามีความเบาและนุ่มกว่า ตัวหมวกเป็นสีแดง ด้านบนมีลายเซ็นที่ดูมีชีวิตชีวาและทรงพลัง
พาวลิสไม่เข้าใจเกี่ยวกับลายเซ็นนี้ เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากฉินสือโอว ฉินสือโอวมองดูแล้วมองดูอีกแต่ก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน เขาจึงส่งต่อให้กับเออร์บักอย่างเขินอาย
เออร์บักยิ้มตาหยีและมองดูหมวก จากนั้นก็ได้แสดงออกมาอย่างจริงจังทันทีทันใด เขาเอ่ยถามวินนี่ออกมาว่า “นี่ของจริงเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่และเอ่ยขึ้นว่า “น้องชายกัปตันของพวกเราเป็นผู้จัดการให้กับคุณคนนี้ ฉันก็เลยได้มันมาอย่างราบรื่น”
เออร์บักเอาหมวกสวมให้กับพาวลิสและเอ่ยขึ้นว่า “ชื่อยี่ห้อของหมวกใบนี้คือ ‘อัลไพน์สตาร์ส’ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแข่งรถ และเจ้าของลายเซ็นนี้ชื่อว่า “ลูวิส แฮมิลตัน!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉินสือโอวจึงเข้าไปโอบกอดวินนี่ วินนี่ช่างใส่ใจมากจริงๆ
ลูวิส แฮมิลตัน เป็นนักแข่งรถเอฟวันชาวอังกฤษ ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลกเอฟวันสองสมัย เป็นหนึ่งในนักแข่งที่ดีที่สุดของชูมัคเกอร์ในการแข่งขันเอฟวัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ลูวิสยังเป็นนักแข่งรถผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ของเอฟวัน
ได้ยินดังนั้น พาวลิสจึงส่งเสียงร้องออกมา เขาถอดหมวกออกและเอามากอดไว้ที่อก จากนั้นก็เข้าไปกอดวินนี่ เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่แก้มเธอและเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณมากครับ พี่วินนี่ ต้องขอบคุณพี่มากจริงๆ! ลูวิส แฮมิลตันเป็นไอดอลของผม ผมชอบเขามากเลย! ขนาดฝันผมยังไม่กล้าฝันเลยว่าผมจะได้ลายเซ็นของเขา!”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ให้ดีนะ ถ้าครั้งหน้าฉันให้ลายเซ็นของอลอนโซ นายอย่าทำไม่รู้จักลายเซ็นเขาอีก” วินนี่ลูบที่หลังเขาและเอ่ยขึ้น
พาวลิสพยายามพยักหน้า เขาตื่นเต้นดีใจจนแก้มสีดำได้เปล่งประกายออกมา ทันทีหลังจากนั้นเขาจึงคิดและเอ่ยออกมาว่า “ผมไม่อยากได้ลายเซ็นของอลอนโซแล้ว เขาไม่ชอบลูวิส เขายังเป็นศัตรูกับลูวิสด้วย แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณพี่วินนี่มากๆเลย”
วินนี่ยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ถ้าเช่นนั้นลูวิสก็คงต้องดีใจมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีแฟนคลับที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าอย่างนาย”
ของขวัญที่เชอร์ลี่ย์ได้คือตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นหายาก สำหรับของขวัญของกอร์ดอนคือชุดไพ่ที่มีจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยใบ ด้านบนไพ่ได้แนะนำบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกหนึ่งร้อยคน วินนี่เอ่ยกับเขาขึ้นว่า “กอร์ดอน ในอนาคตฉันหวังว่าเธอจะกลายเป็นคนที่อยู่บนไพ่ใบที่หนึ่งร้อยหนึ่งนะ”
ของขวัญของมิเชลกลับเป็นโปสเตอร์ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นโปสเตอร์ภาพถ่ายรวมทั้งครอบครัวของเอ็นบีเอ ฮีท ด้านบนโปสเตอร์ก็มีลายเซ็นเช่นกัน เป็นลายเซ็นของนักกีฬาดังแต่ละคนในทีมฮีท ซึ่งทั้งหมดนี้มีค่ามากกว่าลายเซ็นของลูวิสที่อยู่บนหมวกเสียอีก
นอกจากนี้ บนโปสเตอร์ยังเขียนไว้ประโยคหนึ่งว่า ‘การขัดเกลาความยากลำบาก จะเป็นวิธีที่สามารถทำให้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้!’
คำพูดประโยคนี้ไม่ใช่พูดเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีเป้าหมาย แฟนกีฬาบาสเกตบอลทุกคนต่างก็รู้ดีว่าทีมฮีทเคยประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ สุดยอดนักบาสเกตบอลของทีมสามคนได้ต่อสู้ไปด้วยกันให้ได้มาซึ่งชัยชนะ เพื่อพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าพวกเขาทำได้ เมื่อผ่านฤดูกาลแข่งขันที่พ่ายแพ้ไป ในตอนนั้นพวกเขาได้พบกับการประนามที่ไม่มีที่สิ้นสุด สามารถพูดได้ว่าเป็นการต่อสู้กับทั้งโลก สุดท้ายพวกเขาก็ได้เตรียมความพร้อมกันมาเป็นอย่างดี จนได้เป็นแชมป์ในฤดูกาลที่สอง
“ฉินบอกว่านายชอบกีฬาบาสเกตบอล มิเชล นายสามารถเป็นนักบาสเอ็นบีเอชื่อดังได้นะ ฉันเชื่อมั่นมาก!” วินนี่มองไปที่ตาของมิเชลและเอ่ยขึ้น
มิเชลกะพริบตา พยายามพยักหน้า
เออร์บักมองไปที่ฉินสือโอวและใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางวินนี่อย่างเงียบๆ จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งตั้งตรงเพื่อแสดงการชื่นชมให้กับวินนี่
เดินทีฉินสือโอวอยากที่จะพาทุกคนไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารคุณลุงฮิคสัน แต่ว่าทุกคนก็ได้ปฏิเสธกันหมด เออร์บักพาเด็กทั้งสี่คนและอีวิลสันไปร้านพิซซ่า ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็น ต่างก็กลับไปบ้านของตนเอง
และไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย การกลับมาที่ฟาร์มปลาในคืนแรก ควรจะเป็นของฉินสือโอวและวินนี่
ก่อนหน้านี้คุณลุงฮิคสันได้รับการกำชับจากเออร์บักเป็นอย่างดี หลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่มาถึงเขาก็ได้ปิดประตูร้านและแขวนป้าย “ตอนนี้ปิด” ไว้
ฉินสือโอวแปลกประหลาดใจ คุณลุงฮิคสันเชิญพวกเขาสองคนไปที่ลานเล็กๆของร้าน ในนี้มีเพียงโต๊ะยาวที่คลุมด้วยผ้าปูโต๊ะสีชมพู
ข้างบนโต๊ะมีแจกันดอกไม้อยู่สองอัน ด้านในคือดอกไม้ป่าของเกาะแฟร์เวลที่พึ่งเด็ดมา นอกจากนั้นยังมีไอซ์ไวน์อยู่หนึ่งขวด ด้วยเหตุนี้ เมื่อเทียนหอมสว่างไสวขึ้นมาก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆตลบอบอวลโชยไปทั่ว บรรยากาศของการดินเนอร์ใต้แสงเทียนได้ปรากฏขึ้นแล้ว
วินนี่นั่งลงและหยิบคลี่ผ้าเช็ดปากที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ผลคือเพียงแค่คลี่ผ้าออกมา ดอกกุหลาบดอกหนึ่งก็ร่วงลงมา เธอหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาอย่างดีใจ ยิ้มอย่างหวานชื่นและเอ่ยขึ้นว่า “ฉิน นับวันคุณยิ่งจะเหมือนเพลย์บอยขึ้นทุกทีแล้ว”
ฉินสือโอวอดหัวเราะไม่ได้จึงเอ่ยออกมาว่า “ไม่ วินนี่ นี่ไม่ใช่ผม……”
“แต่ว่าฉันชอบมากเลย” วินนี่เอ่ยออกมาอีก
ฉินสือโอวจึงรีบปิดปากเงียบ และพูดขึ้นว่า “ขอเพียงแค่คุณชอบ ให้ผมทำอะไรผมก็มีความสุขหมด”
‘คุณลุงเออร์บัก คุณนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เสียแรงที่ผมพยายามอย่างสุดชีวิตในการใช้พลังของโพไซดอนปรับปรุงร่างกายคุณให้ดีขึ้น’ หลังจากที่ฉินสือโอวได้นั่งลงก็ได้แอบพูดขึ้นมาในใจ
……………………………………………………………