ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 215 ค่ำคืนที่งดงาม
ฉินสือโอวหน้าดำคร่ำเครียดมองไปที่แฮมเล็ต เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามออกไปว่า “นี่มันตลกมากเลยใช่ไหมครับ ท่านนายกเทศมนตรี? ถ้าอย่างนั้นผมของถามหน่อย ทำไมตอนที่จ่ายภาษีมรดก ถึงได้ใช้มาตรฐานการคำนวณจากราคาสี่สิบสองล้านนี่ด้วยล่ะครับ?!”
เสียงหัวเราะของแฮมเล็ตก็หายไปทันที เขามองไปที่ฉินสือโอวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเห็นสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามแย่ลง เขาก็รีบโบกไม้โบกมือปัด แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้จะโทษพวกเราไม่ได้นะ ฉิน นี่เป็นข้อกำหนดที่ปู่ของนายเซ็นสัญญากับรัฐบาลเอาไว้ในตอนนั้น”
“อะไรนะ?”ฉินสือโอวขมวดคิ้วถามเขากลับไป
แฮมเล็ตมองไปยังท้องฟ้า เขาขมวดคิ้วดำดิ่งลงไปในห้วงความทรงจำ แล้วค่อยๆพูดออกมาว่า “ฉันเองก็ไม่ได้มีส่วนอะไรในการเจรจาเซ็นสัญญาฉบับนี้ แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า ดูเหมือนปู่ของนายจะตกลงกับรัฐบาลเรื่องสัญญาฉบับนี้ว่า ถ้าภายในระยะเวลาสิบปีไม่มีคนดูแลฟาร์มปลา ไม่สามารถนับว่าเป็นการล้มละลายและไม่มีเจ้าของเข้ามาจัดการ เมื่อถึงเวลาที่มีคนมารับช่วงต่อ จะต้องใช้มาตรฐานการคำนวณจากราคาประเมินช่วงที่สูงที่สุดเพื่อเสียภาษีมรดก ถ้าหากพ้นสิบปีไปแล้ว ยังไม่มีใครมารับช่วงต่อ จึงจะประกาศว่าเป็นการล้มละลาย”
ฉินสือโอวจึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง เขามาที่นี่ในปีที่สิบ
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงรู้สึกว่าเรื่องที่ปู่สองทิ้งฟาร์มปลาแห่งนี้ไว้ให้ยิ่งถูกปกคลุมด้วยความลึกลับขึ้นไปอีกชั้น ทำไมต้องรอจนถึงสิบปี? แล้วทำไมถึงยกฟาร์มปลาให้เขาแต่ไม่ได้ยกให้พ่อของเขา? เรื่องจิตสำนึกแห่งโพไซดอน แท้จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่?
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณหมายถึงราคาขายของฟาร์มปลา ใช่ไหม? ไม่มีทางอื่นให้ต่อรองแล้วใช่ไหม?” ฉินสือโอวถาม
แฮมเล็ตยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “ฟาร์มปลาล้มละลายทั้งสองแห้ง มีราคาที่ถูกที่สุดแล้ว ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากฟาร์มปลาทั้งสองแห่งนี้ค้างชำระหนี้ของธนาคารอยู่ จริงๆแล้วเงินที่ได้จากการขายก็จะถูกนำมาคืนธนาคาร ส่วนฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดกับฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท อาจจะยังพอต่อรองราคาได้ เดี๋ยวฉันจะหาเวลานัดเจ้าของฟาร์มปลาทั้งสองแห่งเพื่อให้นายได้คุยกับพวกเขาแล้วกัน”
วินนี่เห็นว่าทั้งคู่คุยกันมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว จึงเอาน้ำแอปเปิลคั้นมาให้พวกเขาที่อยู่ด้านบน ฉินสือโอวชิมไปหนึ่งอึกแล้วจึงเอ่ยปากชมเธอว่า “รสชาติดีที่สุดเลยครับ ที่รัก”
แฮมเล็ตเห็นท่าทางสวีทหวานแหววของคู่รักคู่นี้ เขาก็รู้ได้ว่าตัวเองควรไปได้แล้ว จึงถือเอาเบ็ดตกปลาไปยังตำแหน่งด้านข้างของเรือ เสียบเบ็ดตกปลาไว้ เพื่อเตรียมตัวตกปลาใหญ่ขึ้นมา
ฉินสือโอวนั่งกอดวินนี่อยู่บนดาดฟ้าของเรือ หู่จือและเป้าจือก็หมอบอยู่ข้างๆพวกเขาทั้งคู่ ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงลมทะเลที่พัดผ่านมาบนใบหน้า เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวส่องแสงทอประกาย พร้อมที่ทั้งลูบเอวบางของวินนี่อย่างเบาๆและพูดพึมพำว่า “ถ้าเวลาถูกหยุดไว้อย่างนี้ ก็คงจะดีนะครับ”
วินนี่พิงศีรษะไว้กับอ้อมอกของเขา เธอพูดเสียงอู้อี้ออกมาว่า “ฉิน ฉันเข้าใจความหมายของคุณนะคะ ฉันเองก็ไม่อยากจะแยกจากคุณเลย แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะเข้าใจฉันนะคะ ว่าฉันต้องการงานนี้”
ฐานะของฉินสือโอวในตอนนี้ อย่าว่าแต่เลี้ยงวินนี่แค่คนเดียวเลย ต่อให้เลี้ยงแอร์โฮสเตสของสายการบินแอร์แคนาดาทั้งคณะก็ไม่มีปัญหา แต่เขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่วินนี่ต้องการงานนี้ไม่ใช่เพราะเธออยากจะหาเงินได้เยอะๆ ทว่าเธออยากจะพึ่งพาการเงินของตัวเองต่างหาก
หญิงสาวชาวอเมริกาเหนือมีปณิธานที่ยึดมั่นอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ก็คือการพยายามมีอิสระทางการเงินเป็นของตัวเอง
ฉินสือโอวจูบวินนี่ไปหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเธอว่า “ผมเข้าใจคุณ วินนี่ ไปทำงานของคุณเถอะครับ แต่ว่าไม่รู้ว่าการที่คุณลางานบ่อยๆแบบนี้ จะทำให้มีผลกระทบอะไรไหม?”
วินนี่ยิ้มให้เขาแล้วพูดด้วยความทระนงตัวว่า “ถ้าหากแอร์แคนาดาไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะลาออก พอถึงเวลานั้นฉันจะมาหางานทำที่นครเซนต์จอห์นก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวตอบเธอไปว่า “เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะครับ มาเถอะ พวกเราไปตกปลากัน”
เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อค้นหาปลาใหญ่ที่อยู่ในทะเล จากนั้นก็หาที่ที่ปลาค่อนข้างอุดมสมบูรณ์แล้วบอกให้นีลเซ็นจอดเรือตรงนั้น แล้วก็จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ไปตลอดทั้งคืน
นีลเซ็นชงกาแฟแล้วเริ่มใส่หูฟังเพื่อฟังเพลง แท้จริงแล้วเขาใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายและเป็นอิสระมากกว่าฉินสือโอวเสียอีก
ฉินสือโอวอยากจะเติมเต็มความปรารถนาที่อยากจะตกปลาของวินนี่ ดังนั้นวันนี้เขาจึงมาเป็นตัวประกอบ รับหน้าที่ช่วยเหลือเธอเท่านั้น
เขาถือเอาถังใส่ปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติกและกุ้งแดงแช่แข็งขึ้นมาบนดาดฟ้า จากนั้นก็ใช้กระบวยตักมันลงไปในน้ำบริเวณรอบๆ เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อปลาในทะเล
เปิดหลอดไฟล่อปลาแล้ว เมื่อกุ้งแดงถูกโปรยลงไป ในน้ำก็เริ่มมีปลาปรากฏให้เห็นบ้างแล้วบางส่วน
ปลาพวกนี้ยังตัวใหญ่ไม่พอ ปลาใหญ่จะไม่ล่ากุ้งแดงเป็นอาหาร ฉินสือโอวจึงเริ่มหั่นปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาหนึ่งตัวถูกหั่นออกเป็นสี่ถึงห้าท่อน จากนั้นจึงโยนลงไปในน้ำอย่างเป็นจังหวะ อย่างนี้จะสามารถล่อให้ปลาใหญ่มากินเบ็ดได้
แฮมเล็ตเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ทางฝั่งเขาสามารถล่อปลาให้มาติดเบ็ดได้ในเวลาที่รวดเร็ว และเมื่อดูจากระยะความโค้งงอของเบ็ดตกปลาแล้ว ปลาตัวนี้น่าจะมีขนาดที่ไม่น้อยเลย
แล้วก็เป็นอย่างนั้น ในตอนที่เขายกเอาคันเบ็ดขึ้นมา ปลาสีแดงปนน้ำตาลขนาดยาวขนาดสี่สิบกว่าเซนติเมตร บนตัวเต็มไปด้วยจุดสีแดงส้ม มีปากขนาดใหญ่ ในปากมีซี่ฟันแหลม ดูน่ากลัวยิ่งก็ติดขึ้นมากับเบ็ด
ฉินสือโอวมองดู แล้วจึงเอ่ยชมเขา “เป็นปลาที่ดีเลยนะ แฮมเล็ต ดวงคุณไม่เลวเลย”
แฮมเล็ตยิ้มออกมาแล้วพูดอย่างพึงพอใจว่า “เหยื่อตะขอแรกก็ตกได้ปลากะรังดอกแดงแล้ว โชคดีมากจริงๆ”
ปลากะรังดอกแดง มีชื่อเรียกทั่วไปว่าปลาเก๋า ปลาเก๋าดอกแดง เป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาของปลาชนิดที่มีก้านครีบ กระจายอยู่ทั่วไปในแถบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ปลาชนิดนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเค็มได้ในหลายระดับ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในช่วงระดับความเค็มตั้งแต่สิบเอ็ดถึงสี่สิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงสามารถพบร่องรอยของพวกมันได้ในมหาสมุทรเขตอบอุ่น แต่จะสามารถพบได้มากหรือน้อยก็เท่านั้น
ในมหาสมุทรแอตแลนติก จะพบปลาชนิดนี้ได้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นฉินสือโอวจึงชมว่าแฮมเล็ตโชคดีไม่น้อย
ความขยันของฉินสือโอวเองก็เริ่มส่งผลบ้างแล้ว หลังจากที่ทางฝั่งแฮมเล็ตตกปลาเก๋าลายจุดขึ้นมาได้ไม่นาน เบ็ดของวินนี่ก็ถูกดึงจนโค้งงอแล้วเช่นกัน
วินนี่ลากเบ็ดตกปลาไปข้างหลังอย่างเร่งรีบ ฉินสือโอวจับมือของเธอไว้ แล้วสอนเธอว่า “ไม่ต้องรีบครับ ที่รัก อย่างแรกที่คุณต้องทำคือจับคันเบ็ดไว้ให้มั่นคงก่อน จากนั้นก็ปล่อยเอ็นตกปลาไปเล็กน้อย ลองหยั่งเชิงกำลังของฝ่ายตรงข้ามของคุณดูก่อน อย่างปลาตัวนี้ มีกำลังไม่เยอะ เห็นได้ชัดว่าเป็นปลาตัวเล็ก เพราะฉะนั้นจึงสามารถดึงมันขึ้นมาได้เลยทันที”
เมื่อพูดจบ เขาก็สะบัดมือไปข้างหลัง ปลาสีขาวตัวหนึ่งก็ถูกสะบัดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ มันมีความยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตร ยังคงดิ้นกระโดดขึ้นลงอยู่ตรงนั้น หู่จือพุ่งไปตะครุบมันไว้ จากนั้นก็ตบจนปลามึน
นี่เป็นปลาค็อดที่พบได้บ่อยๆ คาดว่าน่าจะถูกกุ้งแดงล่อมา ฉินสือโอวถอดมันออกจากตะขอแล้วโยนกลับลงไปในน้ำ ปลาพวกนี้ไม่คุ้มที่จะตกขึ้นมา
วินนี่รู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ ฉินสือโอวจึงโอบกอดเธอไว้เพื่อปลอบเธอ ปล่อยให้เธอได้ตกปลาต่ออีกรอบ ส่วนตัวเขาเองก็โยนปลาแฮร์ริ่งที่หั่นไว้ลงไปในน้ำอย่างต่อเนื่อง เขาเชื่อว่าไม่นานมันจะล่อปลาใหญ่ให้มาติดเบ็ด
ทางด้านแฮมเล็ตก็ตกปลาไปแล้วสองรอบ เขาไม่รีบไม่เร่ง เมื่อไม่มีปลาติดมาเขาก็มองไปที่ท้องฟ้าแล้วขบคิดถึงปัญหาต่างๆ เมื่อปลาติดเบ็ดก็ค่อยยกขึ้นมา
นักตกปลาที่มีลักษณะท่าทางในการตกปลาเช่นนี้มักจะเป็นมือฉมังกันทั้งนั้น ผู้ที่ไม่รู้สึกยินดียินร้าย มักจะประสบผลสำเร็จเสมอ
แล้วก็เป็นไปตามคาด ทางด้านแฮมเล็ตตกปลาได้อย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานก็สามารถตกเอาปลาค็อดที่มีความยาวขนาดครึ่งเมตรสองตัว และปลาแซลมอนโคโฮยาวเจ็ดสิบเซนติเมตรอีกหนึ่งตัวขึ้นมาได้
ผ่านไปสักพัก ทางฝั่งวินนี่ก็มีปลามางับเหยื่ออีกครั้งแล้ว เธอลองหยั่งเชิงตามที่ฉินสือโอวสอน ปลาตัวนี้ก็มีกำลังไม่มาก เธอจึงรู้สึกสิ้นหวัง ทว่าก็ยังฮึดสู้แล้วลากไปทางด้านหลัง
แรงของเธอมีไม่มากเท่าฉินสือโอว ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงเอาปลาตัวนี้ขึ้นมาได้ในทันที จึงปล่อยแกนหมุนของคันเบ็ดเพื่อสู้กับปลาตัวนี้
ยื้อยุดอยู่ไม่กี่วินาที ทันใดนั้นเส้นเอ็นตกปลาก็สั่นสะบัดอย่างรุนแรง จึงทำให้วินนี่กักแกนหมุนของเบ็ดตกปลาเอาไว้ไม่ได้ แกนหมุนหมุนวนไปอย่างรวดเร็ว แค่ครู่เดียวเส้นเอ็นก็ถูกลากออกไป ถึงห้าหกเมตร
“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” วินนี่ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอเกือบจะจับคันเบ็ดไม่อยู่แล้ว ฉินสือโอวแย่งเอาคันเบ็ดมาจับไว้ แต่ปรากฏว่าแกนหมุนก็ยังคงหมุน ‘ฟิ้วๆ’ อยู่ เขาจึงลองวัดแรงด้วยการลากไปข้างหลัง ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “คราวนี้เจอปลาตัวใหญ่แล้วล่ะ!”
แฮมเล็ตเดินข้ามมาจากอีกฟากของเรือแล้วมองลงไปยังทะเลข้างล่าง แสงในยามราตรีทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉิน ลองแหย่มันสักสองครั้งก่อน พยายามให้มันโผล่มาใกล้ๆกับผืนน้ำ แล้วดูลักษณะของมัน”
บางครั้งเวลาตกปลาจะเกิดเหตุการณ์แบบได้ปลาสองครั้ง ก็คือการที่คุณตกปลาเล็กได้แล้วหนึ่งตัว แต่ปรากฏว่าก็มีปลาใหญ่อีกหนึ่งตัวที่จ้องมาแล้วก็กินปลาเล็กตัวนี้เข้าไป เมื่อเป็นเช่นนี้ปลาใหญ่ก็จะติดเบ็ด
ทว่าตามปกติแล้ว ปลาจำพวกที่จะมาติดเบ็ดเป็นทอดที่สองนี้มักจะเป็นพวกฉลาม คราวนี้ต้องทำให้ว่ายมาใกล้ๆผิวน้ำเพื่อให้แน่ใจสักหน่อย ถ้าเป็นฉลามก็จะไม่มีค่าอะไร ตัดเส้นเอ็นปล่อยให้มันหนีไปก็พอแล้ว จะได้ไม่เสียแรงไปเปล่าๆ ถ้าโครงเบ็ดหักก็จะยิ่งสิ้นเปลืองเงินไปอีก
…………………………………………….