ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 239 เรืออับปางอยู่ที่ไหน
นีลเซ็นสั่งไวน์แดงชาทู อู อวียอนปี 1996 ให้ฉินสือโอวขวดหนึ่ง ซึ่งไวน์ขวดหนึ่งราคา 866 ดอลลาร์อเมริกา แทบเป็นของแพงที่สุดในบาร์ เลยได้เปลี่ยนมาที่นั่งชั้นหนึ่งของร้านนั่นเอง
ชาลส์ไม่เอาไวน์แดง เขาเลือกเบียร์กระป๋องบลูริบบ้อนโหลหนึ่ง กระป๋องหนึ่งแค่ 3.2 ดอลลาร์อเมริกา เรียกได้ว่าราคาถูกกำลังดี ชาวประมงคนอื่นๆ ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็กินเบียร์แบบเดียวกัน
ฉินสือโอวไม่รู้เรื่องไวน์แดงนัก นีลเซ็นจึงอธิบายว่าชาทู อู อวียอนเป็นหนึ่งในห้าโรงงานผลิตไวน์ชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส แม้จะเล็กที่สุด แต่ก็เป็นเจ้าแรกที่เป็นที่รู้จักในยุโรป ด้วยพื้นที่อันน่าภูมิใจของกราฟส์ได้ให้กำเนิดไวน์องุ่นชื่อดังที่ได้น้อยแต่คุณภาพดี
ไวน์ที่ดีรสชาติก็ดีจริงๆ ฉินสือโอวลองชิม มันมีกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้อ่อนๆ ไม่ต่างจากไวน์แดงปกติที่เขาเคยกินนัก แต่เพราะความต่างเพียงเล็กน้อยนี้เองที่สุดท้ายก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกแตกต่างกัน
คุยกับชาลส์สักพัก ฉินสือโอวก็ตรงเข้าประเด็น เอ่ยว่า “คุณรู้จัก สมบัติเหรียญทองคำอีเกิ้ล 1915 กับเรือแฟรงเกนสไตน์ไหมครับ? พอจะประมาณตำแหน่งที่อยู่ของมันได้ไหม?”
ชาลส์กระจ่างทันที “เข้าใจล่ะ นายมาที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จเพื่อมาหาสมบัติที่สาบสูญสินะ?”
ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “แล้วก็มาตกปลาด้วยครับ”
ชาลส์เอ่ยยิ้มๆ “เมื่อกลางวัน ตอนพวกเรารอนายก็สงสัยและคุยกันอยู่ นายจะขับเรือยอชต์ลากเรือตกปลามาหลายพันไมล์เพื่อตกปลาที่นี่ทำไมกัน? เปลืองเงินไปตั้งกี่หมื่นดอลลาร์ ต้องตกปลากี่ตัวถึงจะได้กำไร ที่แท้ก็มาเพื่อสมบัติที่สาบสูญนี่เอง ไม่แปลกใจเท่าไร”
กล่าวจบ ชาลส์ก็กวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์ขอแผนที่ทะเล ดูไม่ต่างจากอันที่ชาร์คซื้อมาเท่าไรแต่ละเอียดกว่า จากท่าทางบาร์เทนเดอร์แผนที่นี้คงไม่มีค่าอะไร พอโยนมาให้ก็ไม่ได้กำชับว่าต้องเอามาคืนเขา เหมือนไม่ต้องการแล้ว
พอรู้อย่างนั้น ก็มั่นใจว่าชาร์คคงโดนโกงแน่นอน แต่ชาร์คไม่ใส่ใจ เจ้าตัวกับซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นต่างกำลังเพลิดเพลินกับสาวๆ ที่ Table Dance อยู่ ดูจะสนุกเกินไปด้วยซ้ำ
คำว่า Table Dance ถ้าให้อธิบายก็คือการเต้นบนโต๊ะ แต่ความจริงหมายถึงสาวๆ ไปนั่งเต้นนัวเนียอยู่บนตัวแขกต่างหาก ปกติจะนัวเนียแค่ไม่กี่วินาที แขกต้องให้ทิปเพิ่มสองดอลลาร์เหมือนเดิมถึงจะเต้นต่อ
เส้นลองจิจูดละติจูดในแผนที่ทะเลละเอียดมาก ชาลส์ให้ฉินสือโอวเปิดจีพีเอสยืนยันตำแหน่ง เขาเรียกชาวประมงบางส่วนมาช่วยกันปรึกษาเรื่องสมบัติที่สาบสูญ กระทั่งเจอจุดเล็กๆ ที่ยื่นออกมาในแผนที่ทะเล เขาเอ่ยว่า “นี่คือแนวปะการังแฮช เป็นแนวปะการังที่เรือรบของทหารเรือเคยชน…”
เขาว่าพลางขีดเส้น อธิบายต่อ “ตามธรรมเนียมเก่าแก่เรา เรือสำปั้นของเรือรบจะเดินทางไปทางใต้กัน เพราะเป็นเวลาเดียวกับที่มีลมใต้ลมเหนือพัด ถึงระยะทางไกลกว่า แต่ก็ปลอดภัยมากกว่า”
“เรือสำปั้นเริ่มล่มตรงไหนก็บอกได้ยาก แต่นายดูตรงนี้สิ” เขาขีดเส้นอีก “ตรงนี้มันมีคลื่นใต้น้ำอยู่ ซึ่งกระแสน้ำจะไหลเร็วมากและมีทรายใต้ทะเลเยอะ พวกเราก็เลยเดาว่าเหรียญทองคำอีเกิ้ลน่าจะจมอยู่ที่นี่ แค่โดนน้ำพัดทรายมาทับถมเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็คงถูกค้นพบแล้ว”
ชาวประมงร่างท้วมคนหนึ่งเอ่ยว่า “ฉิน หาเรืออับปางสองลำนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก หลายปีมานี้มีคนมากมายที่คาดหวังจะรวยข้ามคืนด้วยพวกมัน แต่ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จเลย”
“ใช่ หาเรือที่จมใต้ทะเลน่ะไม่ยาก แต่เรือกับขุมทรัพย์ที่โดนทรายทับถมแล้วน่ะจะหาได้ยังไงกัน?” ชาลส์ถอนหายใจ
ฉินสือโอวยิ้มพลางเก็บแผนที่ ไม่ได้บอกว่าตัวเองจะยืนกรานหรือล้มเลิก เขายกขวดไวน์ขึ้นกล่าวว่า “มาเถอะพวก มาอวยพรให้ฤดูหาปลาปีนี้พวกเราเก็บเกี่ยวได้ราบรื่นกัน”
“ขอบใจสำหรับคำอวยพรฉิน! แด่ความอุดมสมบูรณ์!” ชาลส์ตะโกนเสียงดัง พร้อมกลุ่มชาวประมงช่วยเสริม ยกเบียร์กระป๋องขึ้นเอ่ยว่า “ขอบคุณคำอวยพรของฉิน แด่ความอุดมสมบูรณ์!”
หลังอยู่ในบาร์ไปได้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ฉินสือโอวก็พาพวกชาร์คกลับบ้านวิสเติล ทีแรกชาลส์อยากเชิญพวกเขาไปอยู่บ้านตัวเอง แต่พอรู้ว่าพวกเขาอยู่บ้านวิสเติลก็หัวเราะ “ที่นั่นไม่เลวนะ สามีภรรยาวิสเติลก็เป็นคนดี”
ขึ้นฝั่งมาครั้งนี้ฉินสือโอวที่พาหู่จือ เป้าจือและฉงต้ามาด้วย ไม่ต้องกังวลหน่วยลาดตระเวนที่มาตรวจสอบ เพราะชาลส์ช่วยออกหน้ารับรองให้พวกมัน
ตอนเห็นฉงต้าครั้งแรกชาลส์ตกใจมาก ไม่คิดว่าฉินสือโอวจะรวยถึงขั้นเลี้ยงหมีสีน้ำตาลได้สบายๆ แต่ขนาดไทสันยังเลี้ยงเสือเลย เขาจึงไม่พูดอะไร
ฉินสือโอวกำหนดเส้นทางคร่าวๆ แล้วใช้พลังโพไซดอนสั่งให้ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินเคลื่อนที่เต็มกำลัง ไปทางน่านน้ำเซนต์จอห์นอย่างบ้าคลั่ง
ตกกลางคืนพอถึงทะเลแถวเกาะเซเบิลก็เข้าร่วมกับปลาทูน่าอีกสองตัว มุ่งสู่ฟาร์มปลาต้าฉินอันกว้างใหญ่
จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวมีนั้นประโยชน์ แต่ไม่สามารถแยกใช้สองอย่างในทีเดียวได้ เช่นเขาสามารถควบคุมพวกปลาในทะเลให้ทำอะไรพร้อมกันก็ได้ แต่ไม่สามารถควบคุมปลาสองตัวให้แยกไปทำอะไรคนละอย่างได้
ถ้าให้อธิบายละเอียดขึ้นมาหน่อย คือครั้งนี้เขาต้องควบคุมทูน่าครีบน้ำเงินถึงสองกลุ่ม เขาไม่สามารถควบคุมปลาสองตัวของเมื่อวานพร้อมกับฝูงปลาของวันนี้ให้ต่างฝ่ายต่างไปที่ฟาร์มปลา จึงจำเป็นต้องรอจนทั้งสองมาอยู่ด้วยกันแล้วค่อยเดินทางไปพร้อมกันนั่นเอง
คราวนี้ฉินสือโอวตื่นเช้าแล้วไปที่ท่าเรือ ไม่มีใครอยู่รอเขาที่นั่น เพราะทุกคนรู้หมดแล้วว่าฉินสือโอวมาเพื่อตามหาสมบัติไม่ใช่มาตกปลา จึงไม่จำเป็นต้องไปกับเขา
พอให้อาหารนกพิราบที่ลานกว้างตามปกติแล้ว ฉินสือโอวก็เดินอย่างอารมณ์ดีไปท่าเรือ ปรากฏเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันที่มุมหนึ่งในท่าเรือ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวคุยบางอย่าง
ฉินสือโอวไม่ได้รีบร้อนจะไปจับปลาหรืออะไร ได้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาฝูงหนึ่งแล้วด้วย ในเมื่อทำเรื่องสำคัญเสร็จเรียบร้อย การสนุกกับชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน
เขาเดินทอดน่องเข้าไปถาม “เฮ้ เด็กๆ พวกเธอทำอะไรกันอยู่เหรอ?”
พวกเด็กๆ หันมามองเขาเป็นตาเดียว ไม่มีใครตอบเขา แต่หันไปสนใจหู่จือ เป้าจือที่ดูร่าเริงกับฉงต้าที่ดูน่ารักซื่อบื้อแทน โดยเฉพาะฉงต้า ท่าทางเด็กพวกนี้จะเพิ่งเคยเห็นหมีครั้งแรก รีบเข้าไปมุงดูกัน ตาเล็กๆ กวาดมองไปมา
เมื่อเด็กๆ แหวกทางให้ ฉินสือโอวถึงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น มีเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายบนพื้นหญ้า และนกพิราบสีเทาตัวเล็กที่นอนหายใจรวยริน
ที่จริงตัวนกพิราบไม่ได้เล็กเลย แต่พอมันนอนบนพื้นหญ้าก็ทำให้รู้สึกว่ามันดูเล็กลง เพราะมันยังมีขนน้อย จะงอยปากก็ยังเป็นสีชมพู ดิ้น ไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ดูเปราะบางมาก
ตาแก่เจมส์มาออกกำลังกายช่วงเช้า เขาทักทายฉินสือโอว กะจะมาเล่นกับฉงต้าเสียหน่อย แต่พอเห็นฉินสือโอวมองนกน้อยอย่างแปลกใจ ก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “น่าเสียดาย ดูท่าปีนี้คงมีอินทรีแค่ตัวเดียวที่รอด”
ฉินสือโอวถามขึ้น “อินทรี คุณบอกว่าเจ้านี่คืออินทรีงั้นเหรอ?”
เจ้านกน้อยตัวนี้ดูไม่เหมือนสักนิด ในใจฉินสือโอวคิดว่าอินทรีต้องเหมือนกับอินทรีทองตัวนั้นที่เคยเกือบทำนิมิตส์ตาย ทั้งเย็นชา น่าเกรงขาม และเป็นอันธพาลสิ ทว่าเจ้าตัวนี้ไม่ใกล้เคียงกับลักษณะนั้นแม้แต่น้อย ออกจะเสียชื่ออินทรีด้วยซ้ำ
ประโยคต่อไปของตาแก่เจมส์แทบทำฉินสือโอวตะลึง “มันไม่ได้เป็นอินทรีทั่วไปด้วยนะ แต่เป็นอินทรีหัวขาว เจ้าแห่งทะเลและอากาศของทวีปอเมริกา!”
“ไม่อยากเชื่อ ไม่จริงน่า อินทรีหัวขาวเนี่ยนะ?!”
…………………………………………..