ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 244 ฮาล์ฟมูนเบย์
ในตอนบ่าย ทางฉินสือโอวก็ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้อีก วันนี้ก็ถือว่าเป็นการทุบสถิติที่ตกได้ถึงสามตัว
เขาควบคุมจิตสำนึกโพไซดอนไปสำรวจอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่เจอกับฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินเลย จะมีก็แต่ปลาใหญ่ว่ายมาหาอาหารอยู่เรื่อยๆ พวกมันดูเหมือนจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษและว่ายไปมาอย่างว่องไวอยู่ตลอด
ฉินสือโอวรีบฉวยโอกาสควบคุมปลาตัวเมียยาวกว่าสามเมตรกว่าตัวหนึ่ง ปลาตัวนี้สามารถเอากลับไปที่ฟาร์มได้
ไปๆ มาๆ ฉินสือโอวกับชาลส์ก็โทรคุยกัน อุปกรณ์หาปลาของทั้งสองฝ่ายตรวจจับทูน่าครีบน้ำเงินได้ทั้งหมดแปดตัว ไม่รู้ว่ามีนับซ้ำหรือเปล่า แต่นี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก
แต่ดูเหมือนเหล่าทูน่าจะไม่สนใจเหยื่อล่อของพวกเขาแล้ว เพราะใต้ทะเลมีปลาแมคเคอเรลทองฝูงหนึ่ง เมื่อเทียบกับแมคเคอเรลยักษ์ เหยื่อล่อปลาตัวน้อยๆ ก็ดูไม่น่าสนใจเลยสักนิด
คุยกันเสร็จ ชาลส์ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์จึงพูดขึ้นมาด้วยความกลุ้มใจ “ดูท่าแล้วรายงานพยากรณ์อากาศคงไม่แม่นยำเท่าไร ฉิน รีบกลับกันเถอะ ฝูงปลาหาอาหารผิดปกติ ฉันกล้าพนันได้เลยว่าความกดอากาศที่ผิวทะเลคงจะมีปัญหา เพราะงั้นคืนนี้หรือพรุ่งนี้ต้องมีพายุเข้าแน่!”
ฉินสือโอวพูด “นายแน่ใจเหรอ? เมื่อคืนนี้ฉันตรวจสอบพยากรณ์อากาศแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยาแมสซาชูเซตบอกว่าช่วงนี้ในทะเลจะมีอากาศจะดีนี่นา”
ชาลส์ทำหน้ามุ่ยแล้วพูดขึ้น “เชื่อคำพูดโง่ๆ พวกนั้น นายก็แพ้แล้วล่ะ ฉันเชื่อประสบการณ์ของตัวเองมากกว่า น่าเสียดายจริงๆ นายเอาน้ำแข็งมาเยอะไหม? ตอนแรกฉันกะจะอยู่ในทะเลหลายวันหน่อย โดยเฉพาะที่ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์อย่างที่นี่”
ที่จริงในคลังเย็นของฉินสือโอวมีแต่ก้อนน้ำเกลือแข็งอันแน่นอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดนั่นต้องใช้เงินถึงแปดร้อยกว่าดอลลาร์เชียวนะ พวกมันล้วนเป็นของที่พวกชาวประมงมาขอให้เขาเก็บให้
ชาลส์ทำงานโฆษณาที่ช่องสาธารณะ เขาจึงวิทยุไปหาพวกเพื่อนๆ แล้วเล่าการคาดเดาของตัวเองไป ส่วนชาวประมงคนอื่นๆ ก็คาดเดาคล้ายๆ กับเขาเหมือนกัน
ต่อให้สภาพอากาศยังพอโอเค พวกชาวประมงก็พากันกลับฝั่งกันอย่างว่าง่าย ไม่มีใครที่จะเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยง คนอเมริกันอาจมีความกระหายการผจญภัย แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต จริงๆ แล้วพวกเขาต่างหากที่เป็นชนชาติที่รักชีวิตที่สุด
มีเพียงชาวประมงที่ออกทะเลบ่อยๆ ถึงจะรู้ว่าท้องทะเลแปรปรวนมากเพียงใด และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นถึงจะรู้ว่าหากทะเลคลั่งขึ้นมาจะน่ากลัวเพียงไร
เพราะกลับเร็วขึ้นหน่อย เมื่อกลับมาถึงฝั่งพระอาทิตย์จึงเพิ่งจะตกดินเท่านั้น พอเรือหาปลาของฉินสือโอวเทียบท่าก็มีคนพุ่งเข้ามาถามเขาทันที “ชาวตะวันออกผู้โชคดี พวกนายตกปลาได้อีกแล้วเหรอ?”
ชาลส์ที่เดินตามอยู่ข้างหลังพูดขึ้นอย่างภูมิใจ “ฉินไม่ได้โชคดี แต่เป็นความสามารถล้วนๆ ถ้าเขามาเป็นชาวประมงมืออาชีพล่ะก็ จะต้องกลายเป็นตำนานแห่งชายฝั่งทะเลตะวันออกแน่ๆ ! รู้ไหมว่าวันนี้เขาตกปลาได้กี่ตัว?”
“สองตัว? สามตัว?”
“ไม่ ห้าตัว! ใช่ ห้าตัว!”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “ชาลส์ อย่าโม้แทนฉันเลย ฉันตกได้แค่สามตัวแท้ๆ ”
“แต่ฉันก็ตกได้สองตัว ถ้าไม่ได้นายช่วย ฉันคงตกไม่ได้สักตัว ฉะนั้นปลาห้าตัวนี้นับเป็นของนายได้ทั้งนั้นแหละ”ชาลส์พูดพลางหัวเราะ
แม้ว่าปากจะพูดอย่างเกรงใจ แต่สีหน้าเขากลับดูภูมิอกภูมิใจอย่างมาก วันหนึ่งตกปลาได้สองตัว แค่นี้ก็พอให้เอาไปคุยโวในบาร์ได้ทั้งคืนแล้ว
พ่อลูกเฟล็ปส์แห่งเรือลักกี้ก็กลับมาแล้ว ทั้งสองก็มีใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นกัน ดูท่าคงได้อะไรดีๆ กลับมาเหมือนกัน
ฉินสือโอวชั่งน้ำหนักปลาของเขาก่อน สามตัวทั้งหมดก็ 1755 ปอนด์
ระดับคุณภาพเนื้อแตกต่างกันไป ตัวที่ใหญ่สุดได้ 902 ปอนด์ คุณภาพเนื้อก็ดีที่สุด ตาแก่เจมส์ให้คะแนน 2A ปลาตัวนี้ทำเงินให้เขาได้ถึงหมื่นแปดเลยทีเดียว และรายได้ทั้งหมดก็รวมเป็นสามหมื่นดอลลาร์!
ส่วนปลาสองตัวของชาลส์ก็ได้น้ำหนัก 820 และ 410 ปอนด์ คุณภาพเนื้อปลาของตัวใหญ่ได้ 2A เหมือนกัน ส่วนปลาตัวเล็กก็ได้ A มันสามารถทำเงินได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อย นอกนั้นเขายังเอาปลาแมคเคอเรลทองส่วนหนึ่งมาด้วยและขายได้ไปอีกพันสองร้อย รวมทั้งหมดก็ได้เงินมาประมาณสองหมื่นดอลลาร์
หลังจากได้เช็คมา ชาลส์ก็โอบเซรีน่ามาประกบปากจูบฟอดใหญ่แล้วพูดขึ้น “เยี่ยมมาก ปีนี้เริ่มต้นได้ดี ได้เงินมาตั้งเกือบสองหมื่นห้า!”
เมื่อคำสั่งห้ามทำการประมงสิ้นสุดลงในวันที่ 1 สิงหาคมเขาก็ตกปลาได้อีกหนึ่งตัว เพียงแต่มันมีคุณภาพธรรมดา จึงขายได้แค่สามพันนิดๆ เท่านั้น
สุดท้ายก็คือเรือลักกี้ เฟล็ปส์ทำสีหน้าภูมิอกภูมิใจ เขาดึงผ้ากันแดดที่ข้างเรือออกและเผยให้เห็นปลาตัวใหญ่ยาว!
ปลาของฉินสือโอวยาวเกือบสามเมตร พอมาวัดจริงๆ แล้วก็ยาวถึงสองเมตรแปด ส่วนปลาของเฟล็ปส์นั้นยาวถึงสามเมตรจริงๆ พอๆ กับเจ๊ทูน่าหัวโจกฝูงในเรือเขาเลย
พอเห็นปลาตัวนั้น เหล่าชาวประมงที่มุงดูอยู่ต่างพากันอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ ตาแก่เจมส์เองก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “เฟล็ปส์ นายนี่มันสมเป็นมือหาปลาตัวยงจริงๆ นะ ปลาตัวนี้คงจะทุบสถิติของฤดูหาปลาที่แล้วได้เลยล่ะมั้ง? มา ขึ้นตาชั่งเลย!”
เครื่องยกทำงาน และน้ำหนักที่ออกมาก็คือ 1050 ปอนด์ หนักกว่าปลาของฉือสือโอวร้อยกว่าปอนด์เลยทีเดียว
แต่เฟล็ปส์กลับดูเศร้าอยู่เล็กน้อย ชาลส์เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นก็หันไปพูดกับฉินสือโอวอย่างอารมณ์ดี “สถิติปลาทูน่าในฤดูหาปลาที่แล้วคือโชแปงเจ้าของฟลาวเวอร์แคนนอนที่ครองน้ำหนัก 1075 ปอนด์ เฟล็ปส์แพ้ไปแค่ 25 ปอนด์เอง เขาต้องไม่ชอบใจแน่อยู่แล้ว”
พูดไปเขาก็ตบบ่าของฉินสือโอวแล้วพูดพลางยิ้มร้ายขึ้นมา “แต่ฉันชอบใจสุดๆ ไปเลย!”
เมื่อคืนวานฉินสือโอวได้ยินมาจากที่บาร์แล้ว ที่เรือหาปลาของเฟล็ปส์มีชื่อว่าเรือลักกี้ก็เพราะว่ามันเป็นตัวฉกาดในการหาปลา ในปีก่อนๆ คนที่จับทูน่าได้มากที่สุดก็เป็นเขานี่แหละ ดังนั้นเหล่าชาวประมงทั้งหลายจึงอิจฉาเขาไม่น้อย
พอได้เงิน ฉินสือโอวก็ออกมาทันที ตอนนี้ยังไม่ตกเย็น ชาลส์คงต้องเชิญให้ฉินสือโอวไปเป็นแขกที่บ้านแน่ๆ
ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วพูดขึ้น “เราไปปิ้งบาร์บีคิวริมหาดฮาล์ฟมูนเบย์กันไหม?”
หาดของฮาล์ฟมูนเบย์สวยจริงๆ ถ้าตกกลางคืนแล้วไปฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล และกินบาร์บีคิวที่นั่น รับรองว่าต้องสุขจนตัวลอยแน่
เซรีน่ายิ้มแล้วพูดออกมา “ไม่มีปัญหา ดูท่าเศรษฐีน้อยของเราจะหลงใหลฮาล์ฟมูนเบย์ซะแล้ว แน่นอน ครั้งแรกที่เห็นมันใครจะไม่หลงบ้างล่ะ?”
ชาลส์ทำท่าทำทางเหมือนจะอ้วกก่อนจะพูดออกมาอย่างเกินจริง “หลงใหลเหรอ ฉันล่ะจะอ้วก! แต่ถ้าฉินชอบ ฉันก็ชอบด้วย ฮ่ะๆ ”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เจ้านี่เป็นพวกพูดตรงๆ จึงได้รับความเอ็นดูจากคนอื่นอย่างง่ายดาย อีกอย่างต้องพูดว่าเงินต่างหากที่เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุด ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ทำให้ชาลส์ได้เงินไปสองหมื่น ชาลส์ก็คงไม่ซึ้งอกซึ้งใจขนาดนี้
พอทางนี้บอกว่าจะไปปิ้งบาร์บีคิวที่ฮาล์ฟมูนเบย์ก็มีคนสมัครเข้าร่วมกลุ่มด้วย ฉินสือโอวไม่ได้คิดอะไร ปาร์ตี้ต้องคนเยอะสิถึงจะสนุก
แต่เซรีน่ากลับอธิบายให้เขาฟังเสียงเบาว่าพวกเขาไม่ได้ไปเพื่อกินบาร์บีคิวชมหาดทรายหรอก พวกเขาก็เห็นฮาล์ฟมูนเบย์จนเอียนเหมือนกับชาลส์นั่นแหละ แต่สาเหตุที่พวกเขาตามฉินสือโอวมาก็เพราะอยากจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดตกปลาต่างหาก
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ว่างั้นก็ให้พวกเขามาเถอะ เขาจะให้เจ้าพวกนี้ได้เห็นว่าปากคนจีนปิดสนิทขนาดไหน
ฮาล์ฟมูนเบย์สวยงามมากกว่าเดิมในยามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องลงมายังหาดทราย คลื่นทะเลม้วนตัวซัดสาดส่งเสียงรื่นหู เงาพระจันทร์ดวงกลมสะท้อนไปบนระลอกคลื่นน้ำ แต่เพราะคลื่นทะเลเคลื่อนที่อยู่ตลอด ดังนั้นจึงเห็นพระจันทร์บนระลอกคลื่นได้เพียงครึ่งเสี้ยว
“นี่คือที่มาที่แท้จริงของชื่อฮาล์ฟมูนเบย์” วิสเติลพูดยิ้มๆ ชาลส์จ้างเขาแล้ว คืนนี้ให้เขาสองร้อยในการรับผิดชอบอุปกรณ์เครื่องเสียง
วิสเติลจากกลอสเตอร์คล้ายกับฮิวจ์คนน้องจากเมืองแฟร์เวล พวกเขาล้วนเป็นคนหนุ่มที่ชอบเที่ยวเล่น แถมยังโดดเด่นด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือดีเจ แต่ละอย่างจึงล้วนทำได้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่ชอบหางานเป็นหลักเป็นแหล่งทำ
…………………………………