ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 257 การมาถึงของกองกำลังทหารโพไซดอน
บิลลี่บ่นแว้ดๆ ได้พักหนึ่ง ฉินสือโอวก็เข้าใจถึงความเป็นมาของเรื่อง
หลังเขาไปรับบันทึกการเดินเรือของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสแล้วก็กลับไปไมอามี จากนั้นก็ทำทุกวิถีทางเพื่อกู้คืนเนื้อหาในบันทึก โชคดีมาก ที่ในบันทึกนั้นได้เขียนถึงเรื่องราวความเป็นมาของเรื่องในครั้งนั้นด้วย
เรือดังเคิลออสเตียสเป็นผู้เข้าร่วมกับการฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองไป่หยิน เขาได้บันทึกเรื่องราวความเป็นมาในตอนนั้นทั้งหมดไว้ในนี้ จากนั้นก็รู้สึกผิดแล้วเลือกที่จะจมลงไปพร้อมกับเรือบรรทุกสินค้าของเขา ทีแรกนึกว่าความจริงทั้งหมดจะถูกจมลงไปใต้ท้องทะเลพร้อมกับทองคำขาวจำนวนหนึ่งร้อยตันเสียแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่า เรื่องนี้ยังมีวันได้เผยความจริงออกมาอีก
ฉินสือโอวคิดว่า ทีแรกทางรัฐบาลสเปนคงลงบันทึกลับไว้ว่ากัปตันคนนี้เป็นฮีโร่ แต่พอตอนนี้เมื่อความจริงปรากฏแล้ว ทางรัฐบาลสเปนคงเห็นเขาเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง คาดว่าคงได้ลบชื่อเขาออกจากรายชื่อฮีโร่ในบันทึกลับนั้นเรียบร้อยแล้ว
บิลลี่บอกกับเขาว่า ทั้งสองฝ่ายเจรจากันเป็นเวลาร่วมสิบวัน สุดท้ายทางรัฐบาลสเปนยอมเป็นฝ่ายถอย จะไม่มีการเอาเรื่องกับสมบัติที่จมลงไป เท่ากับว่าหากมีการพบสมบัตินั้นก็เป็นของบริษัทโอดิสซีย์
สุดท้าย บิลลี่ยังพูดอย่างคับแค้นใจว่า “ถือว่าไอ้พวกชิงหมาเกิดพวกนี้โชคดีนะ ฉิน ครั้งนี้เป็นพวกฉันที่โชคร้ายเอง หากว่าได้เจอกับบันทึกการเดินเรือนี้เร็วขึ้นสักครึ่งปีแล้วล่ะก็ อย่าคิดว่าพวกเขาจะได้เงินไปแม้แต่เซนต์เดียว ไม่ได้แม้แต่เซนต์เดียว!”
ก็จริงนะ หากเรื่องที่ว่าทางรัฐบาลหลอกลวง และปั่นหัวรัฐบาลสหรัฐแดงออกมาล่ะก็ นั่นต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะจนถึงปัจจุบัน ทุกครั้งที่ทั้งสองประเทศเอ่ยถึงคำว่ามิตรภาพ ทั้งสองประเทศมักจะยกเรื่องการช่วยเหลือที่รัฐบาลสเปนมีให้ในช่วงที่สหรัฐทำสงครามการประกาศอิสรภาพ และการที่สเปนส่งทองคำขาวขนาดห้าร้อยตันให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงการสร้างประเทศ
ทองคำขาวห้าร้อยตันในสมัยนี้อาจดูไม่มีค่าอะไร ในสงครามครั้งที่หนึ่งและสองของการประกาศอิสรภาพนั้นทางอเมริกาก็มีเงินทุนมากมาย แต่ว่าในการสร้างประเทศนั้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น เหล่าคุณลุงแซมนั้นเรียกได้ว่าจนกันขั้นสุด ประธานาธิบดีของวอร์ชิงตันต้องประหยัดกันถึงขั้นยอมยุบกองกำลังทหารที่ร่วมฝ่าฟันเป็นตายมาด้วยกันลง
และในสถานะรัดเข็มขัดเช่นนั้น ทางพวกลุงแซมทั้งเก็บหอมรอมริบสะสมได้เป็นทองคำขาวห้าร้อยตันส่งไปให้กับรัฐบาลวัวกระทิงเพื่ออยากรักษามิตรภาพไว้ ว่ากันตามจริง การหาทองคำขาวจำนวนเท่านี้ในตอนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับรัฐบาลที่อยู่ในการประกาศอิสรภาพแบบนั้น
หากว่าให้พวกลุงแซมที่เย่อหยิ่งได้รู้ว่าพวกเขาถูกหลอกแล้ว แล้วยังถูกหลอกถึงขั้นแทบไม่มีข้าวกินอีก เหอๆ งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ อย่างน้อยๆ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องร้าวฉานแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่แปลกเลยที่รัฐบาลสเปนจะยอมประนีประนอม ไม่ประนีประนอมได้เหรอ? ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าการทำให้รัฐบาลอเมริกาโกรธเพียงเพราะเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านนั้นคุ้มหรือเปล่า ถึงแม้ทางรัฐบาลสหรัฐจะตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรม งั้นพวกรัฐบาลสเปนก็ต้องคืนทองคำขาวห้าร้อยตันไปก่อน แค่มูลค่าของทองคำขาวพวกนี้บวกกับดอกเบี้ยแล้ว หากรัฐบาลสเปนไม่ได้ควักสักหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเป็นการชดใช้แล้วล่ะก็ งั้นรัฐบาลสหรัฐก็ถือว่าโง่มาก
ที่บิลลี่พูดมาไม่ผิดเลย หากว่าบันทึกเล่มนี้ปรากฏออกมาเร็วกว่านี้สักครึ่งปี รัฐบาลสเปนก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรไปเลยแม้อย่างเดียว
แต่ดูออกว่าทีมเจรจาของทางโอดีสซีย์ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน บิลลี่บอกฉินสือโอวว่า พวกเขาเจรจาได้ข้อตกลงที่ดีมาข้อหนึ่งด้วย ฉินสือโอวไม่สนใจเรื่องนี้ เขาถามต่อไปว่า “แล้วเงิน 15% ดอลลาร์สหรัฐของฉันล่ะ เมื่อไหร่จะให้ฉัน?”
บิลลี่ว่า “ก็ต้องรอให้พวกฉันจัดการเรื่องเงินล็อตนี้ก่อน ความจริงฉันเองก็อยู่ในช่วงย่ำแย่เหมือนกัน การเงินของบริษัทในตอนนี้ถึงเส้นแดงแล้ว หากไม่มีการปรากฏของบันทึกเล่มนี้แล้วล่ะก็ ไม่เกินหนึ่งปี พวกฉันคงต้องล้มละเลยแน่!”
ฉินสือโอวแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ให้ตายเถอะตัวเองเป็นพระแม่มารีหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงถามโง่ๆ ขอ Loan to value [1]แค่ 15% นะ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้หากเขาขอสัก 51% ทางโอดิสซีย์ก็ต้องยอมให้แท้ๆ
แต่เอาเถอะ นี่เป็นแค่การคิดเล่นๆ เท่านั้น การงมของใต้ทะเลนั้นต้องเสียภาษีสูงมาก ถ้าให้เขา 51% จริง ทางโอดีสซีย์คงยอมส่งคืนสมบัติให้กับสเปนดีกว่า ไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยด้วย
ความจริงการที่บิลลี่ตามหาฉินสือโอวก็มีเรื่องสำคัญเหมือนกัน เขาถามว่า “ผลเก็บเกี่ยวที่หาดน้ำตื้นจอร์จของนายเป็นอย่างไรบ้าง? สมบัติทั้งสองชิ้น หาเจอหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวกลอกตาไปที แล้วพูดว่า “ฉันยังมีธุระ ไปก่อนล่ะ”
อะไรไม่ควรพูดก็ยังจะพูดอยู่ได้ เจ้าเด็กนี่มีตาแต่ไม่มีแววเลย ไม่คู่ควรแก่การสั่งสอน ท่านฉินเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว
คุณนายวิสเติลยกมื้อค่ำมาเสิร์ฟ คิดไม่ถึงว่าจะมีเมนูหลักคือข้าวผัดไข่ สีข้าวขาวบริสุทธิ์ สีไข่เหลืองนวล แล้วก็ยังมีหัวไชเท้าหั่นแท่ง เม็ดข้าวโพด ถั่วเหลืองด้วย มีกลิ่นหอมมาก
สำหรับอีวิลสันนั้นได้เตรียมเป็นขนมสอดไส้และพิซซ่ากองใหญ่ แล้วยังมีเนื้อทอด สเต๊กทอดอีกหม้อใหญ่ๆ กับนมอีกถังเบ้อเร่อ อีวิลสันมองจนตาเป็นประกาย กินจนน้ำลายปลิวว่อนกันเลย
ฉินสือโอวทานข้าวพลางเลื่อนดูข่าวจากโทรศัพท์มือถือ โดยมีหัวข้อหลักคือโอดีสซีย์ ในนั้นมีข่าวเกี่ยวกับบริษัทนี้ออกมามากมาย ในหัวข้อข่าวจากหนังสือพิมพ์ Yahoo เขียนไว้ว่า ‘รัฐบาลสเปนตกลงไม่ขอเรียกคืนสมบัติที่จมสู่ใต้ทะเลของบริษัทโอดีสซีย์ เพื่อรักษาสัมพันธมิตรที่ดี’
เมื่ออ่านถึงคำว่า ‘เพื่อรักษาสัมพันธมิตรที่ดี’ ฉินสือโอวแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ รักษาสัมพันธมิตรบ้านนายสิ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายแทบรอไม่ไหวที่จะบีบให้อีกฝ่ายตายคามือเสียด้วยซ้ำ
อาหารค่ำมื้อนี้ทานได้อย่างอิ่มหนำสำราญ หู่จือและเป้าจือต่างก็ร้องครางออกมาด้วยความอิ่ม ส่วนทางด้านฉงต้านั้นอิ่มถึงขั้นตาปรือออกมา ทำอย่างไรได้ล่ะ ตอนอยู่บนทะเลพวกมันก็คงกินปลากันจนเอียนแล้ว
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีนะครับ คุณผู้หญิง ต้องขอบอกเลยว่าอาหารที่คุณทำนั้นอร่อยขั้นสุดจริงๆ ครับ” ฉินสือโอวพูดขอบคุณ
คุณนายวิสเติลยิ้มแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่าพวกคุณชอบก็ดีแล้ว เตียงนอนได้ถูกจัดเตรียมให้แล้ว ห้องพักก็ทำความสะอาดเรียบร้อย เมื่อฉินสือโอวถึงห้องพักก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ปิดตาแล้วหลับไปทันที!
ออกทะเลติดต่อกันมาสามวัน ฉินสือโอวกะว่าจะพักผ่อนเสียหน่อย ความจริงเขาเพียงแค่อยากมาเล่นแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อหาสมบัติหรือตกปลาเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ตัวเองเหนื่อยมากเกินไป
ฉินสือโอวถือร่มกันแดดและเครื่องดื่ม ไปที่หาดฮาร์ฟมูน นอนรับลมทะเล อาบแดด ไม่ไกลนักมีฝูงนกนางนวลส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว ฟองคลื่นสีขาวบริสุทธิ์ที่สาดมาชายฝั่ง ชีวิตแบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าชีวิตที่สวยงาม
ยิ่งไปกว่านั้นคือถึงแม้จะนอนอยู่ที่นี่ ฉินสือโอวยังสามารถทำงานไปได้ด้วย ก็คืองานสั่งสอนพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟนั่นเอง
นักตกปลาพวกนั้นยังไม่ยอมแพ้ ยังคงอยู่ที่หาดน้ำตื้นจอร์จพยายามลองใช้เหยื่อหลากหลายรูปแบบเพื่อลองตกปลาหลายๆ ชนิด แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นกำลังช่วยฉินสือโอวที่พวกเขาเกลียดเข้ากระดูกดำทำงานอยู่
เมื่อตกปลามาหลายวันแต่กลับไม่ได้อะไรเลย พวกเขาก็ทำได้แต่ด่าหาว่าหาดน้ำตื้นจอร์จไม่มีปลา ความจริงแล้วน่านน้ำนี้ใช่ว่าจะไม่มีปลาทูน่า แต่คือก่อนที่ปลาพวกนี้จะติดเบ็ดนั้น ก็ถูกฉินจ้าวแห่งปลาสอยไปก่อนแล้วต่างหาก
เวลาเพียงหนึ่งวัน ฉินสือโอวก็จับปลาทูน่าได้อีกสิบสี่ตัว ทำให้จำนวนปลาที่จับได้นั้นเพิ่มขึ้นไปเป็นหนึ่งร้อยตัว ทำลายสถิติก่อนหน้าที่จับปลาทูน่าได้หนึ่งร้อยตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการ
เวลาค่ำ ชาลส์และคนอื่นๆ กลับถึงท่า วันนี้พวกเขาก็ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ แต่ยังดีที่มีปลาทูน่าครีบเหลืองติดมา
“นี่ก็ไม่เลวนะ ไม่ใช่เหรอ ถึงแม้จะได้เงินน้อยหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้เงินเลยนะ ฮ่าๆ” ชาลส์พูดอย่างมองโลกในแง่ดี
“ฉิน ไปเที่ยวบาร์กันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
“กัปตันโชคช่วยเขาไม่กล้าไปเที่ยวบาร์หรอก ถ้าสาวๆ พวกนั้นรู้ว่าในหมู่พวกเรามีเศรษฐีถือบัตรอเมริกันเอ็กเพรสมาด้วยล่ะก็ คงอยากพากันมาตอดจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกแน่เลย”
“ความจริงเหมือนฉินก็ดีนะ กลางวันรับลมชมสาวอยู่ตรงชายหาด กลางคืนก็มาดูความน่าอับอายของพวกนักตกปลาโง่เง่าพวกนั้น มีความสุขจะตาย”
ฉินสือโอวหัวเราะ เขามาเพื่ออยากกระตุ้นนักตกปลาพวกนั้นจริงๆ นั่นแหละ เพราะหากว่าคนพวกนี้ยอมแพ้แล้วออกจากเมืองกลอสเตอร์ไป งั้นการหาปลาทูน่าครีบน้ำเงินของเขาคงยากขึ้นไม่น้อยเลย
เมื่อปฏิเสธคำเชิญไปเที่ยวบาร์ของเฟล็ปส์แล้ว ฉินสือโอวก็เดินเชิดจากไปท่ามกลางสายตาที่ลุกเป็นไฟของนักตกปลาทั้งหลาย ท่าทางของเขาตอนนี้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด
เหตุผลที่ต้องปฏิเสธคำเชิญของพวกเฟล็ปส์นั้น ก็เพราะว่าฉินสือโอวมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ เพราะในที่สุดตอนนี้กลุ่มกรรมกรไร้กระดูกและกองกำลังทหารงูทะเลของเขาได้มาถึงหาดน้ำตื้นจอร์จแล้ว!
…………………………….
[1] สัดส่วนจำนวนบัญชีสินเชื่อที่มีมูลค่าสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน