ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 283 เทศกาลแมวน้ำ
สถานที่จัดงานเทศกาลแมวน้ำอยู่ที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น ที่ชื่อว่า ‘นอร์ธเทิร์น ไลท์ อินน์’ ชาวอินูเปียตในพื้นที่ก็ร่วมมือกันตกแต่งบริเวณชั้นหนึ่งเอาไว้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงห้องโถงใหญ่ของงานเลี้ยงเทศกาลฤดูร้อน ทุกที่ต่างก็เต็มไปด้วยสื่อโฆษณาของชาวอินูเปียต
“ร่ำรวยกันจริงๆ” ฉินสือโอวถึงกับพูดไม่ออก “ชาวอินูเปียตร่ำรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ชาวอินูเปียตจนๆ ที่ไหนจะมาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์กันล่ะ? แน่นอนว่าก็คงจะยังอยู่ที่ขั้วโลกเหนือใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปวันๆ พวกที่อพยพออกมา ล้วนแต่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็เป็นนักการเมือง
ข้อนี้เหมือนกันกับเถ้าแก่ชาวจีน ที่ทั้งซื้อรถหรูและกว้านซื้อของแบรนด์เนมในต่างประเทศ จนทำให้ชาวต่างชาติที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คิดว่าคนจีนเป็นมหาเศรษฐีกันทุกคน แต่ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เศรษฐีก็คงจะไม่มีปัญญาไปต่างประเทศหรอกนะ
วินนี่พูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันเดาว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ก็คงเป็นชาวอินูเปียตเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถวางสื่อโฆษณาไว้ที่ด้านนอกโรงแรมได้มากขนาดนี้”
เมื่อทั้งคู่ปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาของคนบริเวณรอบๆ ได้ทันที บริกรคนหนึ่งเดินมาถามพวกเขาด้วยท่าทีสุภาพว่า “ขอโทษนะครับทั้งสองท่านมาร่วมงานเลี้ยงเทศกาลแมวน้ำใช่ไหมครับ? สุภาพบุรุษท่านนี้เป็นชาวอินูเปียตหรือเปล่าครับ?”
ฉินสือโอวกระแอมไอหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเขาว่า “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ชาวอินูเปียตแท้ๆ แต่ผมก็มีสายเลือดใกล้เคียง ใช่แล้ว พวกเราได้รับเชิญให้มาร่วมเทศกาลแมวน้ำครับ”
ที่บริกรถามเขาเช่นนี้ ก็เนื่องจากว่าชาวอินูเปียตเป็นชาวเอเชียตะวันออก ซึ่งก็เป็นชนผิวเหลืองเหมือนกัน มีกระทั่งการศึกษาค้นคว้าที่ระบุว่า บรรพบุรุษของชาวอินูเปียตมาจากบริเวณทางตอนบนของจีน คาดว่าน่าจะล่องเรือมายังทวีปอเมริกาเหนือผ่านทางช่องแคบแบริ่ง
ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ฉินสือโอวก็มีความคล้ายคลึงกับชาวอินูเปียตอย่างแน่นอน
เมื่อตรวจสอบบัตรเชิญของฉินสือโอวเรียบร้อยแล้ว บริกรก็พาทั้งสองคนไปที่ชั้นหก เมื่อออกมาจากลิฟต์ ด้านหน้าก็เป็นแมวน้ำที่มีขนปุกปุยอยู่ฝูงหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ แมวน้ำพวกนี้เป็นของปลอมทั้งนั้น มีบางส่วนที่เป็นหุ่นจำลอง และบางส่วนที่เป็นรูปสลัก
ชาวอินูเปียตชื่นชอบศิลปะการปั้นรูปหล่อ มีความชำนาญในด้านการแกะสลัก พวกเขาสามารถใช้ก้อนน้ำแข็ง ท่อนไม้ ก้อนหินและวัสดุชิดต่างๆ มาแกะสลักเป็นรูปปั้นได้ทุกแบบ
ห้องโถงของชั้นหกถูกจัดให้เป็นเหมือนกับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของชาวอินูเปียต บริเวณรอบๆ ถูกล้อมรอบด้วยกระท่อมน้ำแข็งที่ทำมาจากพลาสติก มีปลา นกทะเลและเนื้อแมวน้ำ แขวนอยู่บนกำแพง
นอกจากนี้เครื่องปรับอากาศในชั้นก็ยังถูกเปิดจนหนาวเต็มที่ ลมหนาวพัด ‘ฟิ้วๆ’ อีกทั้งยังมีพัดลม ที่ส่งเสียงเหมือนลมหนาวที่พัดพา พอบริกรดึงประตูห้องโถงออก ฉินสือโอวก็ถึงกับตัวสั่นทันที
คราวนี้ทั้งฉินสือโอวและวินนี่ก็ต้องตะลึงจนตาค้าง ทั้งสองต่างก็ได้เข้าร่วมเทศกาลแมวน้ำเป็นครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวได้ยินชื่อเทศกาลนี้ด้วยซ้ำ ใครจะคาดคิดว่า ชาวอินูเปียตจะทุ่มชีวิตขนาดนี้ แม้กระทั่งสภาพแวดล้อมในขั้วโลกเหนือก็ยังทำออกมาให้เหมือนกับของจริง
ก่อนขึ้นมาบริกรได้แจ้งให้พวกเขาทราบแล้ว ชายตัวเล็กผอมบาง ขาซ้ายมีปัญหาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจับมือกับฉินสือโอวอย่างมีมิตรไมตรีแล้วพูดกับเขาว่า “เพื่อน นายต้องเป็นโพไซดอนแห่งเกาะแฟร์เวลแน่ๆ ใช่ไหม? ฮ่าๆ ฉันเคยเห็นนายจากในทีวี เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมากจริงๆ ตาฉินมีหลานชายที่เก่งมากๆ ”
คุยกันไปได้สักพัก ชายคนนั้นก็เพิ่งจะถึงบางอ้อ เขาแนะนำตัวว่า “ฉันชื่อโรบินสัน รอท พวกนายเรียกฉันว่าโรโร่ก็ได้ ฟาร์มปลามิสเตอร์รอทเป็นทรัพย์สมบัติของครอบครัวฉันเอง”
ฉินสือโอวแนะนำตัวเองและวินนี่ให้กับชายคนนั้น เมื่อเขาเห็นการแต่งกายของทั้งคู่ก็ยิ่งออกมาอย่างเปิดเผย เขารีบเรียกบริกรให้ไปหยิบเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกมาจากในห้องโถงเป็นจำนวนสองชุด
ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องใช้มัน พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของเขาจนสมบูรณ์แบบ เขาสามารถอดทนต่อความหนาวเย็นที่ถูกสร้างจากเครื่องปรับอากาศเช่นนี้ได้ ทว่าวินนี่จำเป็นต้องสวมไว้หนึ่งชุด รอทเลือกเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวล้วนให้กับเธอหนึ่งชุด ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงท่วงท่าที่สง่างามของเธอ
เมื่อเข้ามาในห้องโถง ฉินสือโอวนึกว่าตัวเองมาถึงไชน่าทาวน์ คนที่ผ่านไปผ่านมาล้วนแต่เป็นคนผิวเหลืองทั้งนั้น ดูจากเอกลักษณ์เฉพาะบนใบหน้าแล้ว ก็เหมือนกับพี่น้องท้องเดียวกันกับชาวมองโกเลียในไม่มีผิด
รอทแนะนำภรรยาของเขาให้ฉินสือโอวและวินนี่ได้รู้จัก เธอชื่อว่ากานาลัค รอท เป็นสุภาพสตรีผิวเหลืองที่มีใบหน้างดงาม ตามแบบของชาวอินูเปียต
วินนี่จับมือกับกานาลัค พร้อมทั้งพูดคุยด้วยรอยยิ้ม “Kanaalaq (กานาลัค) เป็นชื่อที่งดงามจริงๆ ค่ะ ตอนที่ฉันดูหนังเรื่อง The Snow Walker ในสมัยที่ยังเป็นเด็ก ฉันก็เคยเลื่อมใสในความงดงามของพี่สาวกานาลัค และในวันนี้ก็เช่นกันค่ะ”
ภาพยนตร์เรื่อง The Snow Walker เป็นหนังที่ถูกทำขึ้นโดยชาวแคนาดาทั้งหมด สอดคล้องกับปทัฏฐานของสังคม มีความซื่อสัตย์และเป็นธรรมชาติ เนื้อเรื่องเรียบง่ายธรรมดาที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น เป็นผลงานภาพยนตร์ในยุคแรกเริ่มของแคนาดาที่มีความโดดเด่น
ภาพยนตร์พูดถึงกานาลัค เด็กหญิงชาวอินูเปียตที่เดิมทีต้องการจะไปรักษาอาการป่วย ทว่าหลังจากที่เครื่องบินตกในทุ่งราบว่างเปล่าที่รกร้างไร้ผู้คน เธอต้องใช้ทักษะในการเอาตัวรอดทั้งหมดและทัศนคติที่มีต่อชีวิตอันสงบนิ่งของเธอเพื่อช่วยให้นักบินได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและอยู่ห่างไกลกับผู้คน และต้องประคับประคองชีวิตเพื่อรอคอยการช่วยเหลือ
เมื่อได้ยินที่วินนี่กล่าว รอยยิ้มของสองสามีภรรยารอทก็ยิ่งจริงใจขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน รอทกุมมือภรรยาของเขาไว้แล้วพูดออกมาว่า “ที่จริงแล้ว ชื่อกานาลัคเป็นชื่อที่ภรรยาของฉันเปลี่ยนหลังจากเดินทางมาถึงนิวฟันด์แลนด์แล้ว ตอนที่พวกเรารู้จักกันก็คล้ายกับในหนังนั่นล่ะ สมัยยังหนุ่มฉันค่อนข้างเหลวไหล หลงนึกว่าตัวเองจะเอาชนะโลกใบนี้ได้ เลยขับเครื่องบินลำเล็กไปที่ขั้วโลกเหนือ”
“แต่ปรากฏว่า เครื่องบินเจอเข้ากับกระแสลมหนาวจนร่วงตกลงมา ฉันคิดว่าฉันจะต้องตายแล้วเสียอีก แต่ปรากฏว่าฉันก็ถูกภรรยาของฉันช่วยเอาไว้ได้ ขาของฉันก็ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ถ้าหากในตอนนั้นไม่ใช่เพราะภรรยาของฉัน น่ากลัวว่าตอนนี้ฉันคงได้ไปพบพระเจ้าแล้ว” เมื่อรอทพูดจบ เขาก็จูบภรรยาของเขาด้วยความอ่อนโยน
ใบหน้าของวินนี่ก็แสดงความปรารถนาออกมาได้อย่างทันท่วงที ฉินสือโอวคิดเงียบๆ ในใจว่าชีวิตคนเราจำเป็นต้องพึ่งทักษะการแสดง เขาก็พยายามที่เลียนแบบสีหน้าแบบที่แสดงออกอย่างโหยหาของเธอบ้าง ทว่าเขารู้สึกว่าการเลียนแบบคงไม่เข้าท่า เขาจึงเปลี่ยนความคิด แล้วจินตนาการว่าตัวเองได้ร่วมหลับนอนกับวินนี่แทน
คราวนี้ การแสดงออกถึงความปรารถนาของเขาก็ดูสมจริงถึงที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลย ฉินสือโอวและวินนี่ก็ได้รับความรู้สึกชอบพอจากสองสามีภรรยาแล้ว ทั้งสองคนเชิญพวกเขาให้เข้าไปนั่งในใกล้ๆ กับกระท่อมน้ำแข็งอย่างกระตือรือร้น ภรรยาของรอทส่งชาร้อนมาให้พวกเขา ส่วนรอทก็พูดคุยกับฉินสือโอวเรื่องฟาร์มปลา
ฉินสือโอวพอจะรู้เรื่องก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว โรบินสัน รอท เป็นทายาทของตระกูลเล็กๆ สัญชาติอังกฤษ ที่ดำเนินกิจการโรงงานขนาดกลางที่ผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก จุดประสงค์ในการก่อตั้งฟาร์มปลามิสเตอร์รอท ก็เพื่อผลิตสินค้าให้กับโรงงานอาหารนั่นเอง
อาหารกลางวันของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีแค่เนื้อปลาแห่งไม่กี่แผ่นกับพวกเนื้อแมวน้ำแห้ง งานเลี้ยงตอนกลางคืนถึงจะเป็นอาหารมื้อหลัก
เมื่อทานอาหารกลางวันไปแล้ว งานเทศกาลก็จึงเริ่มขึ้น คนที่มางานนี้มีจำนวนไม่มาก แค่ประมาณสองร้อยคนเท่านั้น เหมือนกับการจัดงานปาร์ตี้เลยด้วยซ้ำ เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น ทุกคนก็เต้นรำไปพร้อมกับดื่มเหล้า
วินนี่กลายเป็นราชินีของงานเต้นรำเสียแล้ว ชายหนุ่มวัยรุ่นทุกคนต่างก็มาเชิญชวนเธอให้ไปเต้นรำด้วยกัน เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธคนที่เข้ามาหา เธอร่วมเต้นรำกับคนที่เข้ามาชวนติดต่อกันถึงเจ็ดแปดเพลง ท่าทางในการเต้นรำของเธอสวยงามหมดจด เสียงผิวปากและเสียงเชียร์ในบริเวณนั้นดังขึ้นติดต่อกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
รอทใช้สายตาที่แสดงออกถึงความชื่นชมมองไปยังวินนี่ จากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “เพื่อน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ใส่ใจคุณขนาดนี้ ท่านมอบคุณปู่ที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นให้นาย แถมตอนนี้ก็ยังมอบภรรยาที่ดีให้นายอีก พูดตามความจริง ฉันอิจฉานายนะ เพื่อน ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันอิจฉานายมาก”
วินนี่ลบจากเวที ยังมีคนที่อยากจะชวนเธอไปเต้นรำอยู่ รอทจึงไล่หนุ่มคนนั้นไป เขาพูดขึ้นมาว่า “สำรวมท่าทางของพวกนายหน่อย ไอ้พวกปัญญาอ่อน คุณผู้หญิงคนนี้ให้เกียรติพวกนาย พวกนายก็ยิ่งต้องให้เกียรติเธอ!”
รอทให้กานาลัคพาวินนี่ไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ส่วนเขาเองก็พาฉินสือโอวไปที่ห้องรับแขกเล็กๆ ห้องหนึ่ง แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันรู้จุดมุ่งหมายที่นายมาที่นี่ ฉิน งั้นลองให้ฉันได้พูดอะไรสักหน่อย เรื่องฟาร์มปลามิสเตอร์รอทใช่ไหม?”
……………………………………………